
ยุทธการ 22 สิงหา : เซาะกร่อน บ่อนทำลาย ภายใน มะเร็งร้าย กัดกิน พลังประชาชน

ความขัดแย้งจากปัญหาตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เมื่อมิได้เป็น นายสมัคร สุนทรเวช หากแต่เป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็เริ่มเกิด “ปฏิกิริยา”
มิได้เป็นปฏิกิริยาจาก นายสมัคร สุนทรเวช
กล่าวในทางการเมือง นายสมัคร สุนทรเวช มาพร้อมกับทีมเล็กๆ ที่เคยร่วมงานล่าสุดในห้วงที่เป็น “ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร”
เพียงแต่สามารถต่อสายเข้ากับกลุ่มที่ทรงอิทธิพลภายในพรรคพลังประชาชน
และกลุ่มนี้เองที่ถูกโจมตีจากปีก “อีสานพัฒนา” ภายในพรรคพลังประชาชนว่าเป็น “กลุ่ม 4 คน” ที่แวดล้อมโดยรอบ นายสมัคร สุนทรเวช
จะเข้าใจต่อ “ปัญหา” และ “ปฏิกิริยา” ได้ต้องดูองค์ประกอบของ “ครม.”
เริ่มจาก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง
รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล นายโอฬาร ไชยประวัติ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ กับ นายสุพล ฟองงาม
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายประสงค์ โฆสิตานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร นายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายอุดมเดช รัตนเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายโสภณ ซารัมย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร
นางอุไรวรรณ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
ปรากฏการณ์หนึ่งซึ่งรัฐบาลพรรคพลังประชาชนต้องประสบทั้งจากภายในและจากภายนอก
เริ่มจากความไม่พอใจที่ดำรงอยู่ “ภายใน”
วันที่ 24 กันยายน 2551 สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
หลังการอภิปราย องค์ประชุมก่อนลงมติไม่ครบ ต้องเลื่อนการลงมติออกไป
การที่สภาผู้แทนราษฎร “ล่ม” เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ มาจากความไม่พอใจของ ส.ส.พรรครัฐบาลที่พลาดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรี
เริ่มแสดง “ปฏิกิริยา” ผ่านเวที “รัฐสภา”
ล่มครั้งแรกก็เป็นคำถามอยู่แล้ว การประชุมในวันต่อมาก็ล่มอีกด้วยสาเหตุเดียวกัน
โดยมีพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วม “วอล์กเอาต์” ด้วย
ต่อมา ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แสดงความเห็นอย่างแหลมคมว่า
“พรรคอยู่ในสภาพง่อนแง่นเต็มที”
ทั้งยังระบุด้วยว่า “คนซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้พรรคถูกเสนอให้ยุบโดยมติ กกต.ยังมีบทบาทในการกำหนดตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลเกือบทุกตำแหน่ง”
ท่าทีของ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง น่าสนใจอย่างยิ่ง
น่าสนใจตรงที่มีการระบุว่า บุคคลซึ่งเป็น “ต้นเหตุ” ให้พรรคพลังประชาชนถูกมติของ กกต.ให้ยุบและส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
แม้มิได้มีการบอกชื่อว่าเป็นใคร แต่ก็รู้กัน
เพราะว่าเหตุผลในการยุบเนื่องจาก นายยงยุทธ ติยะไพรัช ถูกฟ้องร้องว่าพัวพันกับการทุจริตซื้อเสียง
ต้องพ้นจากตำแหน่ง “ประธานสภา”
และการระบุบทบาทของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งเป็น ส.ส.เชียงรายและมีสายสัมพันธ์กับ นายทักษิณ ชินวัตร ทั้งในฐานะที่เคยเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ดำเนินไปในลักษณะตีวัวกระทบคราด
นั่นก็คือ กระทบไปยัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เป้าหมายอย่างแท้จริงย่อมเป็น นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์
แม้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะลงมาแก้ปัญหาอันปะทุขึ้นในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยการเชิญ 22 รัฐมนตรีร่วมรับประทานอาหาร ตามมาด้วยการรับประทานอาหารระหว่างรัฐมนตรีกับ ส.ส.
ทำให้องค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 ตุลาคม ดำเนินไปได้โดยราบรื่น ผ่านร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินไปได้
กระนั้น ร่องรอยแห่งความขัดแย้งก็เริ่มขยายพื้นที่ออกไปอีก
นั่นก็คือ การออกมาแสดงความไม่พอใจต่อบทบาทของ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง จาก นายศักดา คงเพชร แกนนำกลุ่ม “อีสานพัฒนา” ผู้มาจาก อาจสามารถ ร้อยเอ็ด
เจ้าของข้อกล่าวหา “แก๊ง 4 คน” ที่ดำรงอยู่ในพรรคพลังประชาชน
ความดุเดือดเป็นอย่างมากก็คือ นายศักดา คงเพชร ระบุว่า ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง สังกัดอยู่ในกลุ่ม “เพื่อนเนวิน” และมิได้ทำหน้าที่เป็นโฆษกพรรคพลังประชาชน หากแต่เล่นบทโฆษกกลุ่ม “เพื่อนเนวิน” มากกว่า
นายศักดา คงเพชร แถลงว่าจะเคลื่อนไหวถอดถอน ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ออกจากตำแหน่ง “โฆษกพรรค”
อันนำไปสู่การตอบโต้จาก ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ว่าจะลาออกจาก “โฆษกพรรค” ขณะเดียวกัน ก็ฟันธงอย่างรวบรัดว่า
“พรรคกำลังเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย”
เส้นทางการเมืองของ นายสมัคร สุนทรเวช ก็เช่นเดียวกับเส้นทางการเมืองของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
จากกระทรวงมหาดไทยมาอยู่กระทรวงสาธารณสุข
ในความเคลื่อนไหวของกลุ่ม “เพื่อนเนวิน” ที่มี ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ทำหน้าที่เป็น “โฆษก”
ก็มีกลุ่ม “อีสานพัฒนา” ที่มี นายศักดา คงเพชร นำหน้า
สะท้อนให้เห็นรอยร้าวที่ร้าวลึกแม้ในห้วงก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2548 นายเนวิน ชิดชอบ จะเล่นบทคอยปกป้อง นายทักษิณ ชินวัตร
เช่นเดียวกับบทบาทที่ถดถอยของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
กลุ่มที่ขึ้นมากุมเส้นชีวิตของรัฐบาล เส้นชีวิตของพรรคพลังประชาชน กลับเห็นบารมีของ “วังบัวบาน” แผ่ไพศาลมาจากเชียงใหม่ เชียงราย
นี่คือสถานการณ์ก่อนเข้าสู่เดือนตุลาคม 2551
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022