เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ยุทธการ 22 สิงหาคม : กระบวนการ รุก ต่อเนื่อง จาก อำนาจรัฐ ‘พันลึก’

30.05.2024

เดือนตุลาคม 2551 การเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่มี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับฝ่ายต่อต้าน ดำเนินไปด้วยความเข้มข้น

รัฐบาลยังตกอยู่ในสถานการณ์ “ตั้งรับ”

เห็นได้จากการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเปิดยุทธการรุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม และยึดครองอย่างต่อเนื่องจนมาถึงเดือนตุลาคม

โดยที่ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องพ้นไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โดยที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แม้จะได้รับการสนับสนุนจากเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ผลที่ตามมาโดยฉับพลันทันใดเป็นอะไร

เป็นความขัดแย้ง เป็นความแตกแยกภายในรัฐบาล ภายในพรรคพลังประชาชน

เป็น นายสมัคร สุนทรเวช ที่ต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างกะทันหัน

เป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีแต่ไม่สามารถเข้าไปบริหารและบัญชาการใน “ทำเนียบรัฐบาล” ได้

นี่คือการเป็นฝ่าย “รับ” ในทางการเมือง

 

หากมองจากด้านของพรรคพลังประชาชน หากมองผ่านบทบาทของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะสัมผัสได้ในความพยายาม

ตัวอย่างหนึ่งคือการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

“มติชน บันทึกประเทศไทย ปี 2551” ระบุรายละเอียดภายใต้หัวข้อ “สมชาย” เข้าบ้านสี่เสา พบ “ป๋าเปรม” ว่า

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 1 ตุลาคม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษที่บ้านสี่เสาเทเวศร์

เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและวิกฤตทางการเมือง

การเข้าพบหารือเสร็จสิ้นเมื่อเวลา 18.30 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้เดินออกมาส่งที่ประตูหน้าบ้าน

จากนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า การเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างที่ดีของบ้านเมือง การได้กราบขอพรขอคำแนะนำมีความเป็นนิมิตหมายมงคลต่อการทำงาน

ส่วนการสนทนานั้นผมไม่สมควรพูด แต่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ให้คำแนะนำที่ดี

ไม่มีใครรู้ว่า “คำแนะนำ” จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นอย่างไร

 

แต่สถานการณ์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากคือสถานการณ์ที่ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างรีบด่วนในห้วงเวลาใกล้เคียงกัน

วันที่ 1 ตุลาคม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

วันที่ 2 ตุลาคม นายสมัคร สุนทรเวช เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในตอนค่ำ เนื่องจากปวดท้อง แพทย์ตรวจพบว่ามีอาการของอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง

จึงให้พักรักษาที่โรงพยาบาลติดต่อกันหลายวัน

วันที่ 4 ตุลาคม นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เดินทางไปเยี่ยมและเล่าว่า อาการของ นายสมัคร สุนทรเวช ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แพทย์ได้เช็กระบบลำไส้แล้ว คาดว่าน่าจะมาจากระบบย่อยอาหาร ไม่เกี่ยวกับโรคหัวใจ

โดย นายสมัคร สุนทรเวช มีสีหน้ายิ้มแย้ม และยังพูดคุยได้ตามปกติ

 

ความน่าสนใจเป็นอย่างมากกลับเป็นการเคลื่อนไหวของรัฐบาลในประเด็นอันเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550

รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นผลผลิตจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

ด้านหนึ่ง จะเห็นคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 291 ไว้ในนโยบายรัฐบาลเพื่อเปิดทางให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญหรือ “ส.ส.ร.”

ด้านหนึ่ง พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศไม่เข้าร่วมกิจกรรมของสภาร่างรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกัน ในวันที่ 2 ตุลาคม 2551 นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ที่นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ ซึ่งมายื่นไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

เป็นวาระเร่งด่วนต่อจากการอภิปรายนโยบายของรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

วันที่ 3 ตุลาคม นายชัย ชิดชอบ ในฐานะประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมผู้นำ 4 ฝ่าย ได้แก่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้าน

หารือถึงแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550

โดยทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่า ต้องปรับปรุงมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่แนวทางให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยอาจจะมีการเลือกตัวแทนเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ชุดที่ 3

แต่ภายหลังจากมีการจับกุม นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในข้อหากบฏเมื่อคืนวันที่ 3 ตุลาคม ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ก็เริ่มหวาดระแวง

เป็นความหวาดระแวงว่าทิศทางของรัฐบาลจะดำเนินไปอย่างไรเนื่องจากไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับ “คปพร.”

และขู่จะถอนตัวจากการสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้ง “สภาร่างรัฐธรรมนูญ”

น่าสังเกตว่าท่าทีพรรคประชาธิปัตย์กับพันธมิตรมีความใกล้เคียงกัน

 

ไม่ว่ามองผ่านกระบวนการ “ถอย” ไม่ว่ามองผ่านกระบวนการ “รุก” ดำรงอยู่ด้วยความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

กระบวนการ “ถอย” เป็นไปอย่าง “ระส่ำระสาย”

เริ่มจากหัวขบวนที่เดินทางมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เพียงไม่กี่เดือนก็ต้อง “จร” อีกครั้ง

เท่ากับยอมรับกระบวนการ “รุก” จากอีกฝ่าย

จากนั้น ภายในของพรรคพลังประชาชน ภายในของรัฐบาล ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ “ตั้งรับ” อย่างต่อเนื่อง

เริ่มจาก นายยงยุทธ ติยะไพรัช

ตามมาด้วย นายจักรภพ เพ็ญแข ตามมาด้วย นายนพดล ปัทมะ จำเป็นต้องสละตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน กระบวนการ “รุก” ก็ดำเนินไปอย่างคึกคักเป็น “เอกภาพ”

ไม่ว่าจะเป็นในภาคประชาชนที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็น “กองหน้า”

จนสามารถเปิดยุทธการ “ยึดทำเนียบรัฐบาล”

ขณะเดียวกัน ภายในกลไกแห่งอำนาจนิติบัญญัติ ภายในกลไกแห่งอำนาจ “รัฐพันลึก” ก็ประสานกำลังทั้งอย่างเปิดเผยและอย่างลับ

รุกไล่ไปยัง นายสมัคร สุนทรเวช

แยกส่วนของ นายสมัคร สุนทรเวช ออกจากพรรคพลังประชาชน ก่อให้เกิดหวอดแห่งการต่อต้านขึ้นภายใน

แม้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเข้ามาแทนที่

แต่ก็ต้องยอมรับว่า รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ต้องรับมรดกในการตั้งรับและถอยมาจากรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช

เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม 2551 สถานการณ์ยิ่งแหลมคม ร้อนแรง



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ
ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด