
ยุทธการ 22 สิงหา การปรากฏ ของกลุ่ม ‘เพื่อนเนวิน’ ความขัดแย้ง ปะทุจาก ‘ภายใน’

สาระนิยาย Psy ฟุ้ง
ยุทธการ 22 สิงหา
การปรากฏ ของกลุ่ม ‘เพื่อนเนวิน’
ความขัดแย้ง ปะทุจาก ‘ภายใน’
หลังมีคำวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 หลังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศยุติการชุมนุมเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2551
ทุกสายตามองไปยัง “ทำเนียบรัฐบาล”
ทุกสายตามองไปยังพรรคพลังประชาชน มองไปยังบทบาทและการเคลื่อนไหวอันส่งสัญญาณมาจากต่างประเทศ
คำถามก็คือ ใครจะเป็น “นายกรัฐมนตรี” ใครจะจัดตั้ง “รัฐบาล”
ด้านหลักอาจมองไปยังพรรคพลังประชาชน ด้านรองอาจมองไปยังพรรคเพื่อแผ่นดิน อาจมองไปยัง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก
แต่ก็มิอาจมองข้ามการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
ขณะเดียวกัน ที่มิอาจมองข้ามไปอย่างเด็ดขาดก็คือการเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์
กระนั้น เป้าแห่งความสนใจอย่างแท้จริงอยู่ที่ 2 เป้าหมายสำคัญ
เป้าหมาย 1 ย่อมเป็นภายในพรรคพลังประชาชนว่าจะดำรงเอกภาพและความแข็งแกร่งอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ เป้าหมาย 1 มองไปในแต่ละก้าวย่างอันสะท้อนออกมาจากกลุ่มที่เรียกตนเองว่า “เพื่อนเนวิน”
กลุ่มนี้ตกอยู่ในแสงแห่งสปอตไลต์จาก 2 สถานการณ์แหลมคมทางการเมือง
1 เป็นสถานการณ์ที่ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากข้อกล่าวหาในเรื่อง “ชิมไปบ่นไป” 1 เป็นสถานการณ์ที่พรรคพลังประชาชนไม่ให้บทบาทแก่ นายสมัคร สุนทรเวช และเปิดทางสะดวกให้แก่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
นี่คือ “หวอด” แห่งความขัดแย้งจากภายในของรัฐบาล และจากภายในพรรคพลังประชาชน
สายตาทอดมองไปยัง นายเนวิน ชิดชอบ อย่างเป็นพิเศษ
โดยมติของคณะกรรมการบรืหารพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2551 เห็นชอบให้เสนอชื่อ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
วันเดียวกันนั้นก็ปรากฏ “แถลงการณ์” จาก “กลุ่มเพื่อนเนวิน”
ประกาศว่าจะขอใช้เอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญไม่ยอมให้ใช้มติพรรคมาบีบบังคับในการประชุมสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 17 กันยายน
แถลงการณ์ให้การสนับสนุน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นนายกรัฐมนตรี
หลังการประชุมพรรค นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และแกนนำหารือทำความเข้าใจกับ ส.ส. “กลุ่มเพื่อนเนวิน” เป็นการพิเศษ โดยมี นายเนวิน ชิดชอบ ร่วมอยู่ด้วย ในการประชุม “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ยังไม่เปลี่ยนใจไปสนับสนุน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
แต่แล้วในวันที่ 16 กันยายน “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 72 คน ก็กลับลำให้การสนับสนุนหลังเสร็จสิ้นการประชุมเมื่อเวลา 13.00 น.
ทำให้การประชุมสภาในวันที่ 17 กันยายน ที่ประชุมมีมติเลือก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 26 โดย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้ 298 คะแนน ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ 163 คะแนน มีผู้งดออกเสียง 5 คน ขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช เดินทางมาถึงรัฐสภาเมื่อเวลา 10.30 น. หลังการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
วันที่ 18 กันยายน 2551 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
มีการเคลื่อนไหวหลายการเคลื่อนไหวในสถานการณ์แห่งการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายสมัคร สุนทรเวช และการเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์
นั่นก็คือ การเปิดประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยในวันที่ 21 กันยายน หลัง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยที่พรรคพลังประชาชนก็ยังเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลตามปกติ
ที่ประชุมเลือก นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็นหัวหน้าพรรค นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นายปลอดประสพ สุรัสวดี เป็นรองหัวหน้าพรรค น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร เป็นเลขาธิการพรรค
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจพรรคพลังประชาชน
และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช
ไม่ว่ามองผ่านชื่อ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ไม่ว่ามองผ่านชื่อ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไม่ว่ามองผ่านชื่อ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ไม่ว่ามองผ่านชื่อ น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร ล้วนมีความสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย
ยิ่งกว่านั้น นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ยังได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อีกด้วย
อย่าได้แปลกใจหากความขัดแย้งจากภายในพรรคพลังประชาชนจะเริ่มปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดมากขึ้น มากขึ้น
วันที่ 24 กันยายน 2551 สภาผู้แทนราษฎรประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
หลังการอภิปรายจบ องค์ประชุมก็ “ล่ม” จำเป็นต้องเลื่อนการลงมติออกไป
การประชุมสภาในวันรุ่งขึ้นที่ 25 กันยายน สภาก็ “ล่ม” อีกครั้งโดยพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนร่วมกับกลุ่ม ส.ส.รัฐบาล
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชนแถลงยอมรับว่า พรรคพลังประชาชนอยู่ในสภาพง่อนแง่นเต็มที่ คนที่เป็นต้นเหตุทำให้พรรคถูกร้องกล่าวหาอันอาจนำไปสู่การยุบเนื่องจากคดีเรื่องการซื้อเสียง ยังมีบทบาทในการกำหนดตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลเกือบทุกตำแหน่ง
สะท้อนให้เห็นว่าความไม่พอใจของ ส.ส.กระทั่งนำไปสู่สถานการณ์ “สภาล่ม” เนื่องจากมีบางคนไม่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอย่างที่มาดหมายเอาไว้
เป้าแห่งการกล่าวหาพุ่งเข้าใส่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีความใกล้ชิดกับกลุ่มกุมอำนาจอยู่ในพรรคพลังประชาชน
ต่อกรณีนี้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หาทางแก้ปัญหาความไม่ลงรอยภายในพรรคด้วยการเชิญรัฐมนตรีของพรรค 22 คนร่วมรับประทานอาหารกลางวันในวันที่ 29 กันยายน และในวันที่ 30 กันยายน ก็จัดให้รัฐมนตรีไปร่วมรับประทานอาหารกับ ส.ส.
วันที่ 1 ตุลาคม จึงสามารถผ่านความเห็นชอบวาระที่ 1 ให้กับร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินไปได้
ความน่าสนใจอยู่ที่การเคลื่อนไหวอย่างสะท้อนลักษณะต่อเนื่อง
ด้านหนึ่ง คือความเคลื่อนไหวของ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ในฐานะโฆษกพรรค ที่ออกมาสำทับอย่างหนักแน่นและจริงจังว่าพรรคพลังประชาชนกำลังตกอยู่ในสภาพเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย
ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง มีการจัดตั้ง “กลุ่มอีสานพัฒนา” ขึ้นโดย นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด ออกมาแถลงตอบโต้และขู่จะยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งโฆษกพรรค
ผลในเบื้องต้นทำให้ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ลาออกจากตำแหน่งโฆษกพรรคและมีการทำความเข้าใจต่อทั้งสองฝ่าย
ผลก็คือ การปรากฏขึ้นของ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” และ “กลุ่มอีสานพัฒนา”
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นผลจากการต้อง “พัน” ไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ นายสมัคร สุนทรเวช
สะท้อนความขัดแย้งจาก “ภายใน” ขณะต้องสู้กับปัจจัยจาก “ภายนอก”
เหมือนเป็นการจัดแถว ตั้งขบวนทัพใหม่ เพิ่มการกระชับอำนาจ ยืนยันการนำ อย่างเบ็ดเสร็จจาก “ต่างประเทศ”
เป็นเงาสะท้อนจาก “ภายใน” ของรัฐบาล ของพรรคพลังประชาชน
ขณะที่ปัจจัยจาก “ภายนอก” ก็ให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษไปในแต่ละจังหวะก้าวแห่ง “กลุ่มเพื่อนเนวิน”
รู้แล้วว่า นายเนวิน ชิดชอบ มีบทบาทอย่างไรในทางการเมือง
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022