

งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 29 ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 10-20 ตุลาคม 2567 ดำเนินมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว
หนึ่งในหนังสือขายดีของสำนักพิมพ์มติชน ก็คือ “ร้อยพันเรื่องราวประวัติศาสตร์โลก : Timelines of World History” ซึ่งแปลมาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษของสำนักพิมพ์ “ดอร์ลิง คินเดอร์สลีย์” (ดีเค)
หนังสือบอกเล่าเรื่องราวอันเป็นหมุดหมายสำคัญในด้านต่างๆ ของประวัติศาสตร์โลก นับจากช่วง 4 ล้านปีที่แล้ว มาจนถึงสถานการณ์ช่วงต้นทศวรรษ 2020 ผ่านเนื้อหาที่กว้างขวาง ครอบคลุม แต่สั้นกระชับ และภาพประกอบสีสันสวยงาม
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญที่ผู้อ่านชาวไทย (ซึ่งอยู่ในโลกของการนับปีแบบ “พุทธศักราช”) อาจไม่คุ้นชินนัก นั่นก็คือหนังสือเล่มนี้ใช้ระบบนับปีปฏิทินแบบ “สากลศักราช” (ส.ศ.) ที่หลายประเทศทั่วโลกหันมานิยมใช้กันแทน “คริสต์ศักราช” (ค.ศ.) ที่ผูกพันอยู่กับความเชื่อทางศาสนา
การอธิบายประวัติศาสตร์โลกผ่าน “ไทม์ไลน์” ของ “สากลศักราช” น่าจะทำให้คนอ่านเข้าใจพลวัต-พัฒนาการของตัวเราเอง (ตั้งแต่บรรพบุรุษ, เราในยุคปัจจุบัน และลูกหลานเราในอนาคต) อย่างเชื่อมโยงกับผู้คนกลุ่มอื่นๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยก้าวข้ามพรมแดนทางด้านภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษา ตลอดจนความเชื่อทางศาสนา

หนังสือ “ร้อยพันเรื่องราวประวัติศาสตร์โลก : Timelines of World History”
แม้ “ร้อยพันเรื่องราวประวัติศาสตร์โลก” จะเป็นหนังสือที่มุ่งทำความเข้าใจประวัติศาสตร์โลก ผ่านมุมมองเชิงเปรียบเทียบและการให้คุณค่ากับหลักการสากลนิยม
แต่สิ่งที่น่าสนใจใคร่รู้ไม่แพ้กัน ก็คือ แล้ว “ประเทศไทย” มีที่ทางอยู่ตรงไหนใน “ไทม์ไลน์” ของหนังสือเล่มนี้?
ครั้นพอสืบค้นดูจาก “ดัชนี” ด้านท้ายเล่ม ก็พบว่ามีการเอ่ยถึง “ประเทศไทย” รวมทั้งสิ้น 4 จุด
เริ่มต้นจาก [หนึ่ง] ย้อนไปในราว ส.ศ.500 “รัฐมอญแห่งอาณาจักรทวารวดีก่อตัวขึ้นในไทยและมีบทบาทในการนำเข้าวัฒนธรรมอินเดีย”
ข้ามไปอีกฟากโลก ณ ห้วงเวลาเดียว ก็ได้เกิด “ความรุ่งโรจน์ของวัฒนธรรมอัวรี” ดังที่คณะผู้เขียนหนังสืออธิบายไว้ว่า
“ชาวอัวรีค่อยๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นในที่ราบสูงทางตอนกลางของเปรู พวกเขาขยายอาณาเขตออกไปจากนครอัวรี ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับแคว้นอายากูโชอันเต็มไปด้วยอนุสรณ์หินล้อมและวิหารรูปตัว D โดยขยายออกไปเพื่อครองอดีตอาณาเขตของชาวโมเช
“งานกระเบื้องและเซรามิกอันเจิดจรัสของพวกเขา ทั้งลายรูปเทพเจ้าแห่งคทา รูปร่างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีเครื่องประดับศีรษะงดงาม ต่างแพร่หลายไปทั่วอาณาจักรแห่งนี้”
[สอง] หนังสือกล่าวถึง “การปฏิวัติสยาม” เมื่อปี 1688 โดยให้รายละเอียดว่า
“ในช่วงทศวรรษ 1680 อาณาจักรอยุธยาในสยาม (ประเทศไทยในปัจจุบัน) ติดต่อกับชาวยุโรปอย่างกว้างขวาง สมเด็จพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์ของอาณาจักรนี้ทรงส่งคณะทูตไปยังราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อีกทั้งให้การต้อนรับพ่อค้า ทหาร และมิชชันนารีที่มาจากฝรั่งเศส
“ในปี 1688 กลุ่มชาตินิยมสยามผู้ต่อต้านอิทธิพลต่างชาติก่อการโค่นล้มสมเด็จพระนารายณ์มหาราชผ่านการปฏิวัติภายในพระราชวัง ชาวฝรั่งเศสถูกขับไล่ออกไป และการติดต่อกับชาวยุโรปก็ถูกลดลัดตัดตอนลงมาก”
ในปีเดียวกัน ก็ได้เกิด “การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์” ในบริเตน ดังรายละเอียดต่อไปนี้
“การสืบทอดราชบัลลังก์ของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ในปี 1685 ก่อให้เกิดวิกฤติในบริเตน เนื่องจากพระองค์นับถือนิกายคาทอลิกและทรงมุ่งมั่นที่จะปกครองโดยปราศจากรัฐสภา
“ชนชั้นนำทางการเมืองตัดสินใจที่จะหาเจ้าพระองค์อื่นมาแทนที่พระองค์ วิลเลียมแห่งออเรนจ์ผู้ปกครองชาวดัตช์ กษัตริย์โปรเตสแตนต์ผู้สมรสกับแมรี พระธิดาของพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ได้รับเชิญให้ขึ้นครองราชบัลลังก์ในฐานะพระเจ้าวิลเลียมที่ 3
“พระองค์ทรงเดินทางมายังอังกฤษโดยปราศจากเสียงต่อต้าน พร้อมกับที่พระเจ้าเจมส์ต้องหลบหนีออกไปนอกประเทศ
“‘การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์’ นี้ยืนยันสถานะของบริเตนว่าเป็นรัฐโปรเตสแตนต์ที่มีรูปแบบการปกครองแบบรัฐสภา”

เสวนาเปิดตัวหนังสือ “ร้อยพันเรื่องราวประวัติศาสตร์โลก : Timelines of World History” งานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 29 จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
[สาม] ปี 1782 “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแห่งสยามทรงสถาปนาราชวงศ์จักรี ซึ่งยังคงปกครองประเทศไทยอยู่ในปัจจุบัน”
หนึ่งปีก่อนหน้านั้น “วิลเลียม เฮอร์เชล (นักดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวเยอรมัน ต่อมาได้รับสัญชาติอังกฤษ) ค้นพบดาวยูเรนัส”
และ [สี่] 26 ธันวาคม 2004 เกิดเหตุการณ์ “คลื่นสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย” ดังที่หนังสือบรรยายข้อมูลว่า
“สึนามิในครั้งนี้ ซึ่งมีต้นตอมาจากแผ่นดินไหวใต้ทะเล คือคลื่นสึนามิที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 เท่าที่เคยมีการบันทึกกันไว้ ก่อให้เกิดคลื่นสูงถึง 30 เมตร (100 ฟุต) เข้าชนชายฝั่งในอินโดนีเซีย ไทย ศรีลังกา และอินเดียตอนใต้ เช่นเดียวกับอีก 10 ประเทศ
“คาดกันว่าสึนามิในครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปราว 227,000 คน นับเป็นเหตุภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้”
ก่อนที่ในวันที่ 25 สิงหาคม 2005 จะเกิดเหตุการณ์ “เฮอร์ริเคนแคทรีนา” ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีข้อมูลว่า
“เฮอร์ริเคนอันทรงพลังลูกนี้เข้ากระทบชายฝั่งครั้งแรกในฟลอริดาตอนใต้ ทว่าก็ทวีความรุนแรงขึ้นขณะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกข้ามอ่าวเม็กซิโก
“หลังเข้ากระทบชายฝั่งอีกครั้งในลุยเซียนาและมิสซิสซิปปีตอนใต้ มันก็สร้างความเสียหายในวงกว้าง โดยเฉพาะในนิวออร์ลีนส์ซึ่งถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมดเป็นเวลาหลายสัปดาห์
“ในภาพรวม เฮอร์ริเคนแคทรีนาสร้างความเสียหายไว้ทั้งสิ้น 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้มีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 1,800 คน”
อ่านถึงตรงนี้ หลายท่านอาจเริ่มพอเห็นภาพว่า “ประวัติศาสตร์ไทย” มีตำแหน่งแห่งที่อยู่ตรงไหนใน “ประวัติศาสตร์โลก”
หรือในอีกทางหนึ่ง เราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เสียจน “ความเป็นไทยมีลักษณะคล้ายมนุษย์ต่างดาว” โดยไม่ข้องเกี่ยวกับวิถีความเป็นไปของโลกสากล •
ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022