
ยุทธการ 22 สิงหา : ฝังจำ ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสื้อแดง ทุบรถ ณ มหาดไทย

12 เมษายน 2552 มีการจับกุมแกนนำเสื้อแดงที่บุกล้มการประชุมอาเซียน คือ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง เจ้าหน้าที่นำตัวไปศาลถนนรัชดาฯ มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ไปชุมนุมปิดล้อม ข่มขู่ กดดันศาลว่าจะต้องปล่อยตัว
เขายังมีการชุมนุมเคลื่อนไหวต่อเนื่องซึ่งไม่รู้จะไปจบที่ไหน
ถ้าล้มการประชุมอาเซียนได้แล้วยังมาทำให้กรุงเทพฯ เป็นอัมพาตต่อไปอีก ข่มขู่ คุกคามศาลได้อีก บ้านเมืองจะไปต่อได้อย่างไร
พูดง่ายๆ ว่า มวลชนคนเสื้อแดงอยู่ในภาวะที่พร้อมจะอาละวาด
เช้าวันนั้นเราไปประชุมกันที่บ้านเลขาธิการนายกฯ คุณนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ มีรองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ และใครต่อใคร ก็คิดว่าหนีไม่พ้นต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร
วันนั้นเป็นวันแรกที่เขาเอารถกันกระสุนมาให้ใช้ เขาบอกว่าหลังเหตุการณ์โรงแรมรอยัลคลิฟฯ ไม่ได้แล้วขอให้นั่งรถกันกระสุน
เป็นวันแรกและสำหรับรถคันนั้นก็เป็นวันสุดท้ายด้วย
ตกลงกันว่าทางกระทรวงมหาดไทยจะเป็นคนเตรียมร่างทุกอย่าง จะประกาศตามมาตราไหน อย่างไร ก็คิดกันว่าควรจะไปแถลงที่ไหน ตอนแรกคิดว่าจะไปช่อง 11 แต่ทุกคนก็พูดคล้ายๆ กันว่า
คนเตรียมงานก็ทำอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ถ้าไปช่อง 11 อาจจะมีเสื้อแดงไปดักอยู่ สุดท้ายรองนายกฯ สุเทพก็คุยกับหลายๆ ฝ่ายยืนยันว่าไปกระทรวงมหาดไทย
ในใจผมตอนนั้นก็สองจิตสองใจ แต่ก็สไตล์คุณสุเทพ “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมไปด้วย”
เวลาประมาณเที่ยงรถเลี้ยวเข้ากระทรวงมหาดไทยปุ๊บ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โทร.เข้ามาที่มือถือของผม “อย่าเข้าไปเลยครับ ผมว่าไม่ดี ดูแล้วว่าไม่ดี”
ผมบอกว่า “สายไปแล้วท่าน”
นัดหมายนักข่าวหมดแล้ว รถก็เลี้ยวเข้าประตูมาแล้ว จะออกไปก็คงไม่ได้
ช่วงนั้น เวทีเสื้อแดงที่หน้าทำเนียบมีการประกาศ เขารู้ว่ามีการเรียกรถถ่ายทอดช่อง 11 ไปที่กระทรวงมหาดไทย เขาก็ปลุกระดมกันว่า
ให้ไปจัดการนายอภิสิทธิ์ที่นั่น
มีวิดิโอคลิปที่เขาพูดระดมกำลังกันชัดเจนบนเวทีเสื้อแดงบอกว่า ใครจะไปให้มาที่ลานพระรูป ขึ้นรถไป
เพราะฉะนั้น ที่พยายามปฏิเสธตอนหลังว่า “แดงเทียม” จึงไม่จริง
เมื่อผมบอก พล.อ.ประวิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าสายไปแล้ว ท่านก็บอกว่า
“แถลงให้เร็วที่สุด สั้นๆ แล้วก็ออกไป”
ผมรีบรุดไปพบกับท่านและคนอื่นๆ ที่กระทรวงมหาดไทย จำได้ว่านั่งแถลงกันอยู่มีท่าน พล.อ.ประวิตร ซึ่งท่านกังวลมาก คุณชวรัตน์ คุณถาวร คุณสุเทพ อยู่กันทั้งหมด แต่ช่อง 11 ก็เกิดปัญหาขัดข้องเทคนิคอยู่นั่นล่ะ
พอจะอ่านประกาศก็ยังเข้าไม่ได้สักที ยังตัดออกอากาศไม่ได้เสียที
หลายคนเริ่มกระสับกระส่ายเพราะรู้ว่ามีความเคลื่อนไหวที่จะบุกเข้ามา สุดท้ายผมก็แถลงและมีคำถามอยู่ 2-3 คำถาม ท่าน พล.อ.ประวิตรก็สะกิดเตือนอยู่เรื่อยว่า พอแล้ว พอแล้ว สุดท้ายผมก็พอ
แล้วรีบออกมาเตรียมจะขึ้นรถ รองนายกฯ สุเทพขึ้นรถคันเดียวกับผม นั่งไปด้วยกันที่เบาะหลัง พอขึ้นรถปุ๊บก็ปรากฏว่าคนเสื้อแดงกรูกันเข้ามาทุกทาง เข้ามาในบริเวณกระทรวงมหาดไทย เรียกว่าปิดประตูรถได้ทันอย่างฉิวเฉียด
สื่อมวลชนถ่ายภาพเอาไว้ได้หมด เพราะฉะนั้น ที่พยายามจะบิดเบือนภายหลังว่าผมไม่ได้อยู่ในรถจึงเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก
ด้านหน้าซ้ายมือของคนขับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตาม ผมนั่งเบาะหลังฝั่งซ้าย คุณสุเทพนั่งฝั่งขวาอยู่หลังคนขับ คนขับพยายามออกรถ แต่ปรากฏว่าคนเสื้อแดงเฮกันมารุมล้อม ทั้งข้างหน้า ข้างหลัง
สุดท้ายก็ปิดล้อมไว้ทั้งหมด
ตอนแรกยังไม่เท่าไหร่เหมือนจะมาตะโกนด่า รถก็พยายามเดินหน้า ถอยหลังกุกกัก สักพักหนึ่งเขาก็ไม่แค่ด่าแล้ว เริ่มเอาหินขว้างปา เอามีดมากรีดยาง ทุ่มกระถางต้นไม้ อิฐตัวหนอน
ทุกอย่างที่อยู่แถวนั้นระดมกันโถมเข้าใส่ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ผมได้นั่งรถกันกระสุนเพิ่งรู้มันแข็งจริงๆ
ผมนั่งอยู่ในรถมองผ่านกระจกออกไปข้างนอกเห็นทุกอย่างที่ลอยเข้ามาใส่รถเรา โดนกระจกเสียงดังปุ๊ก ปุ๊ก ปุ๊ก ตอนนั้นก็ยังคิดว่า เออ มันก็แข็งดีนะ เริ่มหวาดเสียวน้อยลง ไม่เหมือนตอนแรกเห็นของลอยมาเราก็นึกว่าตายแน่ ไม่รู้จะหลบอย่างไร
ยังจำได้ผมเอ่ยปากถามรองนายกฯ สุเทพที่อยู่ข้างๆ “ท่านมีอะไรมาป้องกันตัว”
ท่านก็ตบๆ กระเป๋า เปิดให้ดู เห็นมีโทรศัพท์อยู่ 4 เครื่อง “ผมมีโทรศัพท์อยู่สี่เครื่อง” เห็นมีเท่านั้น ผมก็ไม่ต้องพูดอะไรต่อ
ตอนนั้นสถานการณ์นอกรถยิ่งโกลาหลและมีท่าทีรุนแรงหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว รองนายกฯ สุเทพก็พูดอยู่เป็นระยะๆ ว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ภรรยาโทร.เข้ามาพอดี ผมก็บอกว่าขณะนี้ถูกล้อมอยู่ที่มหาดไทย เดี๋ยวค่อยพูดกัน
เขาก็ตำหนิผมอย่างรุนแรงบอกว่า ไม่ต้องบอกหรอก รู้จากข่าวแล้ว เขาไม่นึกว่ามันจะขนาดนั้น ทำไมเอาตัวเองเข้าไปอยู่อย่างนั้น ผมก็บอกว่าเดี๋ยวค่อยต่อว่ากัน ขอให้หลุดตรงนี้ออกไปก่อน ขอให้รอดไปก่อนค่อยว่ากัน
รถก็ยักแย่ยักยันแล้วเหตุการณ์ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุที่รุนแรงขึ้นจับได้ว่าเพราะคนที่ปราศรัยอยู่บนรถข้างนอกกระทรวงซึ่งจอดขวางประตูไว้เริ่มพูดว่าขบวนรถผมชนคนตายไปแล้ว 2-3 คน มีการลากศพไปซ่อน
มวลชนก็ยิ่งคั่งแค้น
ผมยังจำได้ว่ามีคนแต่งกายเป็นพระเดินเข้ามาหารถทำมือทำท่าทีบางอย่าง เรามองออกมายังนึกว่าจะมาทำอย่างไร จะช่วยห้ามหรือเปล่า ปรากฏว่า มาถึงรถก็กระโดดถีบ ชี้หน้าด่า
เป็นบรรยากาศที่รุนแรง คลุ้มคลั่งมาก
คิดไม่ออกว่าจะหลุดออกไปได้อย่างไรเพราะถูกล้อมอยู่ตรงนั้นและก็ชัดเจนว่ามีแต่จะเพิ่มจำนวนเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ เห็นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในบริเวณนั้นก็ยืนมอง มีรถบัสจอดอยู่ยิ่งทำให้รถเราเขยื้อนยากขึ้น
ถูกรุมทุบ รุมขว้าง ยักแย่ยักยันอยู่อย่างนั้นนานพอดู กระจกที่ตอนแรกว่าแข็งๆ ก็เริ่มจะร้าว ผมเห็นกระจกข้างหลังเริ่มร้าวแล้ว
แต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ปัง
ทราบภายหลังว่าเป็นการยิงขึ้นฟ้า จังหวะนั้นเองทำให้คนที่อยู่ข้างหลังรถผมเขาตกใจแล้วก็หันไปทางเสียงปืน เสี้ยววินาทีนั้นเองคนขับรถก็อาศัยจังหวะนั้นถอยรถออกมาแบบถอยยาว ปรี้ดดดด
รถวิ่งไปตามถนนในกระทรวง คนเสื้อแดงก็พากันวิ่งไล่ตามจนไปถึงประตูทางออกช่องหนึ่งซึ่งปิดอยู่ นับเป็นโชคดีอย่างมหัศจรรย์เพราะเดิมมีรถข่าวของไทยพีบีเอสจอดขวาง แต่คนเสื้อแดงกลัวว่ารถคันนี้จะขยับก็เลยไล่ออกไปก่อนเพื่อจะเอารถของพวกตัวเองมาขวางไว้แทน
จังหวะนั้นเป็นช่วงที่ไม่มีรถขวางอยู่พอดีมีแต่ประตูที่ปิดอยู่ เห็นว่าข้างหน้ามีประตูขวางอยู่ และดูแล้วว่าคนขับเขาตัดสินใจจะพุ่งชนแน่ๆ เราก็ยึดที่นั่งไว้แน่น ลุ้นไปกับคนขับ
เร่งเครื่องพุ่งชนประตูเต็มที่
ด้วยความที่เป็นรถกันกระสุนเป็นรถหนัก พุ่งชนประตูหลุดแล้วรถก็หลุดออกไปได้ ออกถนนไปแล้วเขาหันมาถามว่า
“ไปไหนครับ”
ผมบอก “ขึ้นทางด่วนไปก่อน”
เราขึ้นทางด่วนที่ยมราช พ้นมาแล้วแต่รถยังขับเร็วมากจนผมต้องบอกว่าใจเย็นๆ รอดออกมาแล้ว ไม่มีใครตามมาแล้ว ถ้าเป็นรถธรรมดาวิ่งชนประตูอย่างนั้นเหล็กคงเสียบหม้อน้ำและคาอยู่ แต่รถคันนี้ขนาดยางถูกกรีดแล้วยังวิ่งได้ ทั้งรถและคนขับได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้จริงๆ
ผมโทร.หาภรรยาบอกให้เขาระวังตัว จากนั้นปรึกษาคุณสุเทพว่าจะไปไหน ก็ไปกันที่ ร.1 วิภาวดี
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

