bg-single

มองทรัมป์ตอนนี้และอีก 4 ปีข้างหน้า

28.05.2025

โลกทรรศน์ | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

 

มองทรัมป์ตอนนี้และอีก 4 ปีข้างหน้า

 

แน่นอนจีนก้าวสู่การเจรจาการค้ากับสหรัฐ ช่วงเวลาที่ทรัมป์ปรับลดภาษีการค้ากับจีนจาก 140 % เหลือใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ คือ ภาษีพื้นฐานเก็บที่ 10% พร้อมด้วยการชะลอการขึ้นภาษีการค้าอีก 90 วัน

มองอย่างทั่วไป ทั้งสหรัฐและจีนมีการประนีประนอมกัน ด้วยความจริงหลายประการ

ประการหนึ่งคือ เศรษฐกิจของสหรัฐและจีนต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน (interdependence) เป็นทั้งตลาดและห่วงโซ่อุปทานซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตาม โลกนี้ไม่ได้มีแค่สหรัฐและจีน หากเราต้องการสลัดมายาภาพการมองแค่สหรัฐกับจีน เราควรจะมองโลกข้างหน้าอย่างน้อยอีก 4 ปีข้างหน้า

สมมุติฐานคือ หากทรัมป์บริหารประเทศครบเทอม ทั้งนี้เพื่อทดลองมองฉากทัศน์ที่เป็นไปได้และเป็นฉากทัศน์ที่กว้างขวาง

 

การกลับมาของทรัมป์

มีการสรุปเบื้องต้นเมื่อทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครบ 100 วัน นักวิเคราะห์ท่านหนึ่ง1 จาก Chatham House มองว่าจะบอกว่าทรัมป์เหมือนผีป่าที่ดุร้ายก็ได้ เหมือนเขากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากถึงโคน

ที่บ้านของทรัมป์ ทรัมป์ฝ่าฝืนข้อจำกัดอำนาจบริหาร (executive order) เขาใช้อำนาจบริหารซึ่งไม่ใช่กฎหมาย ดำเนินนโยบาย เช่น ยุติการเป็นพลเมืองจากสิทธิการเกิด (birth right)

ทรัมป์เพิ่มการจู่โจมการทำลายสถาบันแห่งวัฒนธรรมชนชั้นนำ การศึกษาและวิทยาศาสตร์ เช่น ตัดลดงบประมาณของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกคือ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ดำเนินการยุบและปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษา

ดันผู้พิพากษาศาลสูงที่นิยมในตัวเขาสู่ตำแหน่ง เป็นต้น

ในขณะที่บ่มเพาะความหวาดกลัวในหมูฝ่ายต่อต้านเขา

ที่ต่างประเทศ ทรัมป์ฉีกการจัดการการค้าโลก เขาได้นำเสนอให้สหรัฐออกจากกติกาว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ และสร้างข้อสงสัยเรื่องความผูกพันสหรัฐต่อองค์การนาโต

แน่นอนทรัมป์ข่มขู่การยึดพันธมิตรด้วยกำลังทหาร ได้แก่ เข้ายึดแคนาดาและกรีนแลนด์ ด้วยการกระทำหลายอย่าง เช่น ทรัมป์ถอนตัวสหรัฐออกจากบทบาทที่สหรัฐคุ้นเคยต่อโลก ในองค์การนาโต องค์การการค้าโลก องค์การอนามัยโลก เป็นต้น

เหตุที่เขาทำทั้งหมดเช่นนี้ได้เพราะทรัมป์ชนะเลือกตั้งอย่างหนักแน่น และได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางตามที่เขาให้สัญญาไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

ในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ทำให้ใครๆ ตกใจ เช่น ทรัมป์แสดงออกอย่างเปิดเผยถึงความต้องการของเขา ให้แคนาดาเป็นรัฐที่ 51

 

โลกปี ค.ศ.2029 และ 2049

สหรัฐอีก 4 ปี หรือปี ค.ศ.2049 หรือการพยากรณ์อีก 4 ปีของทรัมป์สมัยที่ 2 นั้นยากมากๆ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ อิทธิพลของสหรัฐจะหดตัวอย่างสำคัญ

แนวโน้มนี้อาจเห็นได้ชัดในทรัมป์สมัยที่ 2 ถ้าการตัดสินใจทางนโยบายของทรัมป์ยังคงทำเช่นนี้ต่อไปจนถึงครบ 4 ปี ระบบพันธมิตรสหรัฐ สถานะเงินสกุลดอลลาร์เป็นสกุลเงินโลก อิทธิพลสหรัฐเหนือสถาบันพหุพาคี การปรากฏตัวทางทหารทั่วโลก และแม้แต่การครอบงำทางอุดมการณ์และต่อสื่อมวลชนจะลดน้อยลงอย่างสำคัญ

นี่เป็นแนวทางบางประการของการทำงานรอบคอบของทีมบริหารของทรัมป์ ทั้งหมดนี้ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ต้นทุนการรักษาการจัดการระดับโลกเหล่านี้ครอบงำโดยผลประโยชน์ของสหรัฐ

ในเวลาเดียวกัน การล่าถอยของทรัมป์อาจมีการคำนวณออกมาในทิศทางเหล่านี้ได้แก่ การรื้อฟื้นอย่างมีประสิทธิภาพของลัทธิในศตวรรษที่ 19 เขตของอิทธิพล (sphere of Influence) นั่นหมายความว่า ยุคสมัยเหมือนยุคของรัฐนักรบล่าเมืองขึ้น (Colonialism) ซึ่งอภิมหาอำนาจสามารถวาดวงรอบง่ายๆ ของแผนที่กำหนดชะตากรรมของรัฐที่เล็กกว่าได้

โลกของกฎระบอบป่า อาจยอมรับไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นของทรัมป์ให้เพิ่มงบประมาณการป้องกันของประเทศในยุโรป เพื่อความเป็นอิสระในการป้องกันประเทศของตน

การที่ทรัมป์ยอมรับเป็นนัยต่อการกระทำของรัสเซียคือ การบุกทำสงครามและยึดครองยูเครน

ความทะเยอทะยานของทรัมป์ต่อดินแดนแคนาดา กรีนแลนด์ เม็กซิโก

และแม้แต่ปล่อยให้บังคลาเทศแสดงบทบาทของตนต่อประธานาธิบดีโมดีแห่งอินเดีย

ทั้งหมดนี้แนะนำต่อเราถึงแนวโน้มที่เติบโตขึ้นของโลกที่แบ่งแยก มีเขตอิทธิพล

เรื่องนี้มีบางประเด็นที่เราละเลยไม่ได้เลย

 

มองสถานะภายในสหรัฐ

แม้ว่าอีก 4 ปีข้างหน้าภายในสหรัฐยากจะคาดการณ์ หากมองพลวัตหรือสภาพที่กำลังเปลี่ยนแปลง ทรัมป์สามารถชักนำการปฏิรูปอย่างสำคัญบางอย่างได้ แม้สงสัยว่า แนวทางแบบถอนรากถอนโคน (radical) ของทรัมป์จะก่อความไม่พอใจของคนอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะคนในระดับล่างและคนหนุ่มสาวที่มีประสบการณ์น้อยในการที่พวกเขาต่อต้านระบบ

ดูเหมือนอะไรที่ Department of Government Efficiency-DOGE กำลังทำนั้นเกิดอาการช็อกมากมายปรากฏในสื่อโซเชียล อย่างน้อยการผลักดันจริงจังเพื่อการปฏิรูป สุดท้าย สร้างแรงกดดันตัวเองต่อทรัมป์และทีมบริหาร

ทรัมป์ยังคงใช้การโจมตีต่อรัฐพันลึก (Deep State) ต่อไป เพื่ออ้างและแสวงหาความชอบธรรมต่อการรื้อระบบและการบริหารของรัฐบาลมลฑลของสหรัฐ คนอเมริกันเข้ามาเพิ่มขึ้นในการแสดงการไม่อดทนและเข้าร่วมการต่อต้านทรัมป์มากขึ้น นี่สามารถสร้างการแบ่งแยกภายในสังคมอเมริกันที่ไม่คาดคิดมาก่อน ผสมกับความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันนานาชาติที่เพิ่มขึ้น แล้วแสดงอุปสรรคของการปฏิรูปของรัฐบาลทรัมป์

อย่างไรก็ตาม เราควรมองการเมืองสหรัฐในอีก 4 ปีข้างหน้า อาจช่วยให้เราเห็นบทบาทของสหรัฐท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในระเบียบโลกใหม่

 

ระเบียบโลกใหม่

ค.ศ.2049 กับโลกอีกเจเนอเรชั่น

ไม่เพียงมีแผ่นดินไหวทางเจเนอเรชั่นคือ การเมืองของคนอีกยุคสมัยและแนวความคิดของพวกเขา อาจตัดสินใจต่างจากคนยุคเดิม เช่น อาจมีสงครามนิวเคลียร์

เป็นไปได้ว่า ปี ค.ศ.2049 จีนไล่กวดไม่ทันสหรัฐ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก

แต่ตราบเท่าที่จีนมุ่งเน้นจัดการการค้าของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ คนมากกว่าพันล้านคน จีนจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมเต็มขั้นและมีระบบอัตโนมัติเกือบทุกประการ แล้วจีนยังอยู่ในระบบสังคมนิยมที่เน้นผลประโยชน์สาธารณะ

เท่ากับว่า จีนสามารถเป็นชาติสังคมนิยมก้าวหน้าในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติ

 

อินเดีย จีนและสหรัฐในบทใหม่?

อินเดียยังปราศจากการเป็นอุตสาหกรรมและความทันสมัย จะไม่เปลี่ยนเป็นมหาอำนาจแท้จริง

ถ้าอินเดียสามารถก้าวสู่ทั้งอุตสาหกรรมและความทันสมัยได้ก็สามารถเปลี่ยนระเบียบโลกได้

ความสัมพันธ์สหรัฐ อินเดียและจีน อินเดียยุคทรัมป์ สหรัฐ-อินเดียเย็นชาระหว่างกันมาก วิเคราะห์ง่ายๆ ยุคทรัมป์ไม่เน้นนโยบายอินโด-แปซิฟิกแบบยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน คือ ไม่ดึงอินเดียเพื่อต่อต้านจีน ดังนั้น อินเดียไม่มีคุณค่าสูงในยุคของทรัมป์

การเยือนล่าสุดของประธานาธิบดีโมดีแห่งอินเดีย ทรัมป์ไม่เคยพอใจกับวาทกรรมมิสชั่นสหรัฐ-อินเดีย

ทรัมป์คาดหวังได้รับการหนุนทางการเงินจากอินเดีย ผ่านการส่งออกอาวุธ พลังงานและเทคโนโลยีอินเดีย

ในระยะยาว อินเดียต้องแสวงหาสถานะอภิมหาอำนาจ แต่ถ้าทรัมป์ตั้งราคาอภิมหาอำนาจสูง ประธานาธิบดีโมดีแห่งอินเดียจะไม่เชื่อฟังทรัมป์

นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมมีคนวิจารณ์อินเดียฟื้นฟูความผูกพันกับจีน

ปี ค.ศ.2049 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า ถ้าทรัมป์บริหารประเทศครบเทอม นโยบายถอนรากถอนโคนของทรัมป์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากภายในสหรัฐและต่อโลก อันเป็นมากกว่าการตัดลดงบประมาณและเพิ่มประสิทธิภาพ

บางคนวิเคราะห์ว่า นโยบายดังกล่าวแสดงถึงทรัมป์และพวกประกอบด้วยพวก Deep Stata Disruptor หรือพวกสร้างความปั่นป่วนแก่รัฐพันลึกคือ ระบบราชการที่มีอำนาจเหนือพรรคการเมือง พวกหัวดื้อรันด้านชายแดน (Border hardlines) คือพวกต่อต้านการอพยพของต่างชาติ พวกเทคโนโลยีเสรีนิยม (Techno Libertarian) ตัวการใหญ่คือ อีลอน มัสก์ และพวกสายเหยี่ยวต่อจีน (China Hawkist)

ทรัมป์และพวกดีรัปเตอร์เหล่านี้มีพลังมากกว่าที่เราคิดและเชื่อมั่นต่อความเชื่อของพวกเขา เราต้องวิเคราะห์คนเหล่านี้

1Bronwen Maddox, “Trump’s 100 days have been like no other” Chatham house, 29 April 2025.



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

นกแร้งเหนือเมฆ
ปลาหมอคางดำในเขตอภัยทาน | เรื่องสั้น : วัชรินทร์ จันทร์ชนะ
สิ้น | กวีกระวาด : โชคชัย บัณฑิต’
ศักดินา พิษ “สีกากอล์ฟ” เขย่า วงการผ้าเหลือง ยกเลิกสถาปนาสมณศักดิ์ แก้ กม.คุม “สงฆ์-ผลประโยชน์”
แม้ว ‘สทร.’-ถูกตามบี้ ‘ทุกเรื่อง’ เจอร้อง ‘ครอบงำ’ ซ้ำสอง พา ‘เพื่อไทย-6 พรรค’ ร่วมระทึก
จาก ‘กันตรึม’ สู่ ‘GUN ตรึม’
ดาวกับดวง โดย พิมพ์พรร วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม 2568
‘สีกากอล์ฟ’ กับ ‘สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร’
แพทองธาร พร้อมผลักดันสื่อสารภาพลักษณ์พุทธศาสนาให้ทันสมัย เข้าใจง่าย เข้าถึงคนรุ่นใหม่
ลอย ชูโมเดล การพลิกฟื้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินา ยุทธวิธีของ ปธน. Javier Milei ที่ไทยควรเรียนรู้
ICSI
ICSI คืออะไร สามารถเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้ไหม?
วัคซีนเรืองแสงสุดโรแมนติก แพร่ผ่านการกุ๊กกิ๊กกันและกัน