เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (9)

19.06.2025

My Country Thailand | ณัฐพล ใจจริง

การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ

: แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (9)

รัฐนิยมฉบับที่ 10 เรื่องการแต่งกายของคนไทย

นับตั้งแต่รัฐบาลจอมพล ป. เดินหน้าสร้างชาติไทยขึ้นใหม่ ด้วยการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับวิถีชีวิตของคนไทยมีความเป็นอารยะเทียบเท่านานาชาติผ่านประกาศรัฐนิยมหลายฉบับ รวมทั้งประกาศรัฐนิยมฉบับที่ 10 ว่าด้วยเรื่อง เครื่องแต่งกายของประชาชนชาวไทย เมื่อ 15 มกราคม 2484 มีความว่า ชนชาติไทยไม่พึงปรากฏตัวในชุมชนหรือสาธารณสถานในเขตเทศบาลโดยแต่งกายไม่เรียบร้อย เช่น นุ่งแต่กางเกงชั้นใน หรือไม่สวมเสื้อ หรือนุ่งผ้าลอยชาย เป็นต้น ต่อมา กระทรวงมหาดไทยประกาศแนะนำการแต่งกายของประชาชนชาวไทย (21 กุมภาพันธ์ 2485) ให้คนไทยควรแต่งกายแบบสากลนิยม หรือแต่งตามประเพณีนิยมในทำนองที่สุภาพ

กระทรวงมหาดไทยจึงให้คำแนะนำคนไทยไว้ดังนี้ 1.เครื่องแต่งกายของประชากรไทยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท 1.เครื่องแต่งกายธรรมดา 2.เครื่องแต่งกายตามโอกาส และ 3.เครื่องแต่งกายทำงาน โดยแบ่งออกเป็นแบบทั่วไปและเฉพาะงาน

1. เครื่องแต่งกายธรรมดา ได้แก่ เครื่องแต่งกายซึ่งแต่งตามปกติไปในชุมนุมหรือสาธารณสถาน

2. เครื่องแต่งกายตามโอกาส ได้แก่ เครื่องแต่งกายใช้ในการกีฬาหรือสังคม ตามสมควรกาลเทศะ

3. เครื่องแต่งกายทำงานทั่วไป ได้แก่ เครื่องแต่งกายซึ่งใช้เพื่อประกอบการงานอาชีพตามปกติ

4. เครื่องแต่งกายทำงานโดยเฉพาะ ได้แก่ เครื่องแต่งกายซึ่งใช้เพื่อประกอบการงานอาชีพบางชนิด โดยให้มีลักษณะเหมาะสมแก่สถานที่และการงานนั้นๆ ทั้งนี้ รวมถึงเครื่องแบบ ซึ่งทางราชการหรือองค์การอาชีพนั้นๆ ได้กำหนดไว้

แฟชั่นสวมหมวกเริ่มมาตั้งแต่ก่อนสงคราม เมื่อ 2484

เครื่องแต่งกายธรรมดาของชายประกอบด้วยหมวก เสื้อชั้นนอกคอเปิดหรือคอปิด ถ้าใช้เสื้อชั้นนอกคอเปิด ให้ใช้เสื้อในคอปกและควรมีผ้าผูกคอเงื่อนกะลาสีหรือเงื่อนหูกระต่าย กางเกงขาวยาวแบบสากล รองเท้าหุ้มส้น หรือหุ้มข้อ และถุงเท้า ส่วนการแต่งกายชายสำหรับใช้นอกเขตเทศบาลหรือในชนบทจะประกอบด้วยหมวก เสื้อชั้นนอกทรงกระบอกแบบไทยแขนยาว (ชนิดรูปกระบอก แขนยาว คอตั้ง กลัดดุม 5 เม็ด มีกระเป๋า) ประกอบกับกางเกงขายาวหรือสั้นแบบสากล รองเท้าหุ้มส้นหรือรัดส้นก็ได้ เครื่องแต่งกายธรรมดาสำหรับชายนั้นควรใช้สีเรียบๆ หรือสีคล้ำ ไม่ฉูดฉาด เครื่องแต่งกายธรรมดาสำหรับหญิงประกอบด้วยหมวก เสื้อนอกคลุมไหล่ ผ้าถุง รองเท้ารัดส้นหรือหุ้มส้น และถุงเท้า ถุงเท้านั้นจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้

เครื่องแต่งกายทำงานทั่วไปสำหรับชายประกอบด้วยหมวก (เว้นแต่จะขัดกับลักษณะงาน) เสื้อชนิดมีแขน กางเกงขายาวหรือขาสั้น รองเท้าหุ้มส้น หุ้มข้อ หรือรัดส้น (เว้นแต่จะขัดกับลักษณะของงาน) เครื่องแต่งกายทำงานทั่วไปสำหรับหญิงประกอบด้วยหมวก เสื้อชั้นนอกคลุมไหล่ ผ้าถุง รองเท้าหุ้มส้นหรือรัดส้น (เว้นแต่จะขัดกับลักษณะของงาน)

สำหรับเครื่องแต่งกายทำงานทั้งชายและหญิงนั้น หากเป็นงานกลางแจ้งควรใส่สีเทา, สีคราม, สีกากี หรือสีเปลือกไม้ ถ้าเป็นงานในร่มหรือเกี่ยวกับเครื่องจักรควรใช้สีน้ำเงิน (ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ, 2498, 47-49)

รัฐนิยมฉบับที่ 10 (2484), จอมพล ป.และท่านผู้หญิงละเอียด เมื่อ 2485

แถมสุข นุ่มนนท์ เล่าว่า ครั้งนั้น กระทรวงมหาดไทยแนะนำให้คนไทยแต่งกายตามระเบียบที่วางไว้ เพื่อความเป็นอารยะ ให้ชายสวมหมวก รองเท้าหุ้มส้น ถุงเท้า เสื้อนอก กางเกงขายาว หญิงสวมหมวก กระโปรง เสื้อนอกคลุมไหล่ รองเท้ารัดส้น หรือหุ้มส้น ส่วนถุงเท้าจะสวมหรือไม่ก็ได้ สีเครื่องแต่งกายนั้น หากเป็นงานกลางแจ้งควรใช้สีเทา สีคราม หรือสีเปลือกไม้ งานในร่มหรือเกี่ยวกับเครื่องจักรควรใช้เสื้อผ้าสีน้ำเงินแก่ (แถมสุข นุ่มนนท์, 2544, 80)

ในสมัยนั้น รัฐบาลพยายามชักชวนให้ชาวไทยปฏิบัติตามการแต่งกายแบบใหม่อย่างทั่วถึง กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งไปยังคณะกรรมการจังหวัดต่างๆ หาวิธีชักชวนให้ราษฎรปฏิบัติตามระเบียบการแต่งกายแบบใหม่ ทางจังหวัดจึงดำเนินการส่งเสริมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เรียกประชุมชี้แจงบรรดาราษฎรในตำบลอีกต่อหนึ่ง ด้วยคำขวัญที่ว่า “สวมหมวก ไว้ผมยาว นุ่งผ้าถุง สวมเสื้อ สวมถุงเท้าหุ้มส้นหรือรัดส้น” มีการชี้แจงเหตุผลอีกว่า การนุ่งผ้าถุงประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่านุ่งกระโจงเบนเพราะราคาถูกกว่า และโฆษณาว่าผ้าถุงนั้นนอกจากจะเป็นประเพณีของไทยมาแต่เดิมแล้วยังเป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังนิยมอยู่ด้วย (silpa-mag.com/history/article_11660)

ต่อมา สภาวัฒนธรรมแห่งชาติประกาศแนวทางการแต่งกายและมารยาทของผู้ประกอบวิชาชีพ ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมของชาติ (15 พฤษภาคม 2486) กำหนดแนวทางให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ห้างร้าน ผู้ประกอบวิชาชีพหรืองานบริการควรแต่งกายสะอาด ไม่ทำตนให้เป็นที่รังเกียจ เมื่อพบลูกค้าให้ลุกขึ้นต้อนรับ คอยรับฟังคำสั่งซื้อของลูกค้าด้วยความตั้งใจ ทำหน้าที่บริการด้วยความซื่อสัตย์ ห่อสินค้าหรือใส่บรรจุภัณฑ์มอบให้หรือไปส่งของที่รถหรือที่บ้าน ตามคำสั่งของลูกค้า และแสดงความขอบคุณลูกค้าด้วยหน้าตายิ้มแย้ม ถือเป็นแนวทางแรกๆ ในการยกระดับงานบริการของไทยให้เทียบเท่าประเทศอารยะ (ธำรงศักดิ์ อายุวัฒนะ, 2498, 163-170)

สภาพการแต่งกายสมัยใหม่ภายหลังรัฐนิยมประกาศใช้แล้ว ชายไทยหันมาสวมเสื้อเชิ้ตมีแขน นุ่งกางเกงสากล ส่วนสตรีสวมเสื้อและนุ่งผ้าซิ่นหรือกระโปรง หรือชุดเดรสอย่างตะวันตก ทั้งชายหญิงต่างสวมหมวกและรองเท้า การแต่งกายสมัยใหม่อย่างสากลสมัยคณะราษฎรกลายเป็นตัวแทนการแต่งกายแห่งยุคสมัยที่ยังคงปรากฏในนิยายความรักหลายเรื่อง รวมทั้งนิยายร่วมสมัยที่ผู้เขียนใช้บริบท บรรยากาศแห่งยุคสมัยคณะราษฎรเป็นฉากหลังนิยายรักเรื่องนี้ด้วย เป็นต้น

ความตื่นตัวของแฟชั่น การซื้อผ้าซิ่น การทำผม การเลือกซื้อเน็กไทให้สามี เมื่อ 2484

การเผยแพร่รัฐนิยมไปยังชนบท

ไม่แต่เพียงรัฐบาลใช้กรมโฆษณาการและรายการวิทยุนายมั่น-นายคงประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนปฏิบัติตามแนวทางรัฐนิยมอย่างกว้างขวางเท่านั้น แต่คลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงได้เพียงพระนครและพื้นที่รอบๆ เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ กรมโฆษณาการจึงใช้รถปาฐกถาออกเดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ เพื่อเผยแพร่นโยบายของรัฐบาลให้ประชาชนในชนบทที่รับวิทยุไม่ได้ให้รับทราบข่าวสารด้วย

แต่ในช่วงสงครามโลกทำให้การเดินทางยากลำบากและวิทยุมีราคาแพง รถปาฐกถาของกรมโฆษณาการจึงมุ่งเน้นเผยแพร่ตามจังหวัดรอบนอกพระนคร เช่น ปทุมธานี นนทบุรี โดยเนื้อหาที่บรรยายเป็นเรื่องสาระสำคัญในรัฐนิยมฉบับต่างๆ รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่สภาวัฒนธรรมฯ กำหนดขึ้น เอกสารแจกเป็นภาพการปฏิบัติตามรัฐนิยมต่างๆ ภาพรัฐนิยมที่กรมโฆษณาการจัดทำขึ้น ภาพนายกรัฐมนตรี การเปิดเพลงรัฐนิยมหรือเพลงที่สร้างความสามัคคี ความเสียสละต่างๆ รวมทั้งจัดนิทรรศการผลงานรัฐบาลให้ประชาชนได้ชม (สุวิมล, 90)



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ
ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด