

ก่อสร้างและที่ดิน | นาย ต.
แม้ทุกวันนี้สถิติจำนวนและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดต่างชาติ ผู้ซื้อชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ยังคงเป็นชาวต่างชาติที่ซื้อห้องชุดในประเทศไทยมากที่สุด แต่จำนวนและมูลค่าที่ซื้อน้อยมากเมื่อเทียบกับยุคที่ชาวจีนหลั่งไหลมาซื้อห้องชุดในกรุงเทพฯ ปริมณฑล
ตลาดคอนโดมิเนียมที่คึกคักเฟื่องฟูมากตั้งแต่หลังปีน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ 2554 เป็นต้นมา จนสัดส่วนการซื้อที่อยู่อาศัยแนวสูงแซงการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบ จนถึงประมาณปี 2558-2559 ความจริงแล้วกำลังซื้อห้องชุดจากกำลังซื้อคนไทยภายในประเทศเริ่มอิ่มตัวลดน้อยลงแล้ว
แต่ตัวเลขภาพรวมยังมองเห็นไม่ชัด เพราะกำลังซื้อห้องชุดสัดส่วนต่างประเทศจากชาวจีนเพิ่มสูงในช่วงเวลาเดียวกัน มากถึงปีละมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท จึงทำให้ตัวเลขภาพรวมการเติบโตตลาดคอนโดยังเพิ่มขึ้น
เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 กำลังซื้อจากจีนหยุดชะงัก แต่ธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ยังมีความหวังว่าเมื่อหยุดการแพร่ระบาดกำลังซื้อจีนจะกลับมา
แต่จนแล้วจนรอด จนเกิดสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกากับทั่วโลก กำลังซื้อคอนโดฯ จากจีนก็ยิ่งแผ่วลง และห่างไกลความคึกคักครั้งก่อนมากยิ่งขึ้น
รับฟังข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนชาวจีนที่อยู่ในธุรกิจซื้อขายอสังหาฯ ไทย-จีน พบว่า คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี เพราะ
ประการแรก ช่วงเวลาที่ชาวจีนแห่กันมาซื้อคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑลนั้น เป็นเวลาที่ต่อเนื่องกับการ “บูม” ของอสังหาริมทรัพย์ในจีน คนจีนลงทุนซื้ออสังหาฯ ในประเทศจีน แล้วสามารถทำกำไรขายต่อได้ จึงเกิดความเชื่อว่า อสังหาฯ คอนโดมิเนียมในไทยซึ่งเวลานั้นถูกกว่าในจีนก็น่าลงทุนซื้อไว้ทำกำไรได้ด้วย
แต่ปัจจุบัน อสังหาฯ ในจีน “ฟองสบู่แตก” บริษัทอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่หลายรายล้ม ราคาอสังหาฯ ตกมาก ลดลง 30-70% แตกต่างกันไปแต่ละเมืองแต่ละมณฑล และเมื่อรวมกับผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ทำให้ค่าเงินหยวนของจีนถูกลงเมื่อเทียบกับเงินบาท
ทำให้เวลานี้ในสายตาชาวจีนคอนโดฯ ในไทย ราคาไม่ถูกอีกแล้ว บางเมืองบางมณฑลของจีนที่มีการลดราคามากๆ ราคาต่ำกว่าในไทยอีกด้วย
ประการที่สอง การซื้ออสังหาฯ ของคนจีนเป็นผลต่อเนื่องจากความนิยมในการเดินทางมาท่องเที่ยวจำนวนมากของคนจีนด้วย ปัจจุบันจากสงครามการค้ากำแพงภาษีทำให้จีนสูญเสียตลาดส่งออกบางส่วน รัฐบาลจีนจึงหันมาใช้นโยบายกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศทดแทน ด้วยการออกมาตรการอุดหนุนการซื้อสินค้าของประชาชน ทำให้คนจีนได้ซื้อสินค้าราคาที่ถูกลงจากเดิมมาก
ส่งผลให้คนจีนหันมาซื้อของและท่องเที่ยวภายในประเทศ มากกว่าไปต่างประเทศซึ่งค่าใช้จ่ายสูงและสินค้าราคาแพงขึ้น
การเดินทางมาเที่ยวไทยน้อยลงของชาวจีน ก็ส่งผลถึงความต้องการซื้ออสังหาฯ ริมทรัพย์ด้วย
ประการที่สาม ทัศนคติต่อกันระหว่างไทย-จีน ที่เคยชิดใกล้ชื่นฉ่ำ นับว่าตกต่ำมากสุดในรอบ 20-30 ปีคนไทยกลัวธุรกิจจีนกินรวบรวมต้นน้ำยันปลายน้ำ กลัวสินค้าจีนราคาต่ำตัดราคาจนหมดทางสู้ และไม่ชอบ “จีนเทา” ที่เข้ามาทำธุรกิจอบายมุขต่างๆ เหนือกฎหมาย
ส่วนคนจีนเองก็เห็นว่าไทยไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยสบายใจเหมือนเมื่อก่อน ทั้งจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและเสียงร่ำลือในโลกโซเชียล
นักท่องเที่ยวจีนมีทางเลือกการเที่ยวประเทศเขตร้อน มีทะเลสวยงามที่อื่น อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย
หน่วยงานรัฐไทยที่เริ่มมีมาตรการเข้มตรวจหา “จีนเทา” ตั้งแต่เข้าเมือง แต่เอาเข้าจริงคนที่ถูกสุ่มเรียกไปตรวจสอบกลับเป็นจีนปกติ เลยทำให้รู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติไม่ดี
อนาคตกำลังซื้อจากจีนจะกลับมาได้ไหม ก็คงได้ แต่ต้องใช้เวลานานหลายปี แก้ไขและเยียวยาเรื่องราวเหล่านี้
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

