เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ตึกไม้แห่งมาลเมอ กับรากลึกของนโยบายป่าไม้สวีเดน

25.06.2025

บทความพิเศษ | พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ตึกไม้แห่งมาลเมอ

กับรากลึกของนโยบายป่าไม้สวีเดน

เช้าวันหนึ่งหลังจากประชุม Copenhagen Democracy Summit เสร็จ ผมกับ อาจารย์เดชรัต สุขกำเนิด นั่งรถไฟข้ามสะพาน ∅resund จากโคเปนเฮเกน มุ่งหน้าสู่เมืองมาลเมอ (Malm?) ของสวีเดน

จุดหมายไม่ใช่พิพิธภัณฑ์หรือแลนด์มาร์ก แต่เป็น “ตึกไม้” สูง 11 ชั้น ชื่อเรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า Fyrtornet – ซึ่งแปลว่า “ประภาคาร”

ตลอดทางบนรถไฟ เราคุยกันถึงสิ่งที่เคยฟังจากทูตสวีเดนหลายท่านก่อนหน้านี้ – เรื่อง สิทธิในที่ดิน การจัดการป่าไม้ และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับชาติพันธุ์ ในบริบทของความยั่งยืน

ทั้งหมดฟังดูเป็นนโยบายที่ห่างไกลจากชีวิตประจำวัน

แต่ในอีกไม่กี่สิบนาทีข้างหน้า เรากำลังจะได้เห็นว่า นโยบายที่ดินและทรัพยากร ถ้าออกแบบดี มันสามารถกลายเป็น “เมือง” ได้จริงๆ

Fyrtornet คืออาคารไม้สูงที่สุดในสวีเดน ใช้โครงสร้างหลักจากไม้ CLT (Cross-Laminated Timber) และ Glulam โดยแทบไม่มีเหล็กหรือปูนเลยแม้แต่น้อย ชิ้นส่วนไม้ทุกชิ้นผลิตในโรงงานที่ได้รับการรับรอง FSC ในออสเตรีย ถูกขนส่งทางรถไฟมายังสวีเดน ลดคาร์บอนจากโลจิสติกส์ได้กว่าครึ่ง

ความน่าทึ่งอยู่ที่ ทุกองค์ประกอบในอาคาร ไม่ว่าจะเป็นบันได แกนลิฟต์ พื้น เพดาน หรือผนัง ล้วนทำจากไม้ทั้งหมด และผ่านการทดสอบด้านความแข็งแรง ทนไฟ และลมในระดับที่ใช้กับตึกเหล็กสูงได้อย่างมั่นใจ

เมื่อเราเดินเข้าไป กลิ่นไม้ยังคงอยู่ แสงธรรมชาติลอดผ่านบานกระจกเข้ามาตกกระทบกับพื้นไม้สีอ่อน

ความรู้สึกแรกคือ “อุ่นใจ” และ “สงบ” อาคารหลังนี้ไม่ได้เป็นแค่สำนักงานเช่า แต่ยังเปิดชั้นล่างให้สาธารณชนใช้เป็นห้องสมุด พื้นที่นั่งทำงาน และคาเฟ่ เป็นตึกที่ “มีชีวิต” และ “เปิดรับชีวิต”

เนื่องจากวัสดุหลักมาจากไม้ที่มาจากปลูกขึ้นมา ตัวอาคารจึงสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 1,200 ตัน CO? แทนที่จะปล่อยเหมือนอาคารคอนกรีตทั่วไป ใช้ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และความร้อนจากใต้พิภพ

ทำให้กลายเป็น “อาคารที่ปล่อยคาร์บอนติดลบ” อย่างแท้จริง

คําถามสำคัญคือ ทำไมสวีเดนถึงสร้างตึกแบบนี้ได้?

คำตอบอยู่ที่ “ระบบ” – โดยเฉพาะระบบป่าไม้และสิทธิในที่ดิน

กว่า 70% ของประเทศคือป่าไม้ และ 80% ของป่าทั้งหมดอยู่ภายใต้กรรมสิทธิ์ของเอกชน แต่เจ้าของไม่ได้มีสิทธิเด็ดขาด หากแต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายป่าไม้ เช่น การขออนุญาตโค่น การปลูกทดแทน การรายงานการจัดการ และการเปิดให้ตรวจสอบ

ระบบนี้ทำให้เกิด supply chain ของไม้ที่ยั่งยืน และรองรับอุตสาหกรรมใหม่ที่เรียกว่า “mass timber construction” ได้เต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องเผชิญกับข้อกังวลเรื่องการทำลายสิ่งแวดล้อม หรือกลุ่มชุมชนดั้งเดิม

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ป่าจะเป็นของเอกชน แต่กลุ่มชาติพันธุ์ซามิในภาคเหนือกลับมีพื้นที่ร่วมตัดสินใจในระดับนโยบายผ่านระบบที่เรียกว่า “การปกครองร่วม (co-management)”

ซึ่งเป็นตัวอย่างของการออกแบบกติกาที่ “เป็นธรรมและยั่งยืน” ไปพร้อมกัน

หลังออกจากมาลเมอ ผมยังมีโอกาสพบกับ นักเรียนไทยในสวีเดน ที่กำลังเรียนด้าน climate policy และการออกแบบเพื่อความยั่งยืน หลายคนมีคำถามต่อระบบการจัดการที่ดินของไทย บางคนฝันอยากกลับมาออกแบบเมืองไทยให้ “หายใจได้มากกว่านี้”

อีกคนหนึ่งที่ผมเจอในสวีเดน ทำงานอยู่กับ IKEA ในแผนกบรรจุภัณฑ์ (packaging innovation) เขาเล่าว่าบริษัทมีแผนเลิกใช้พลาสติกทั้งหมดภายในปี 2028 และกำลังพัฒนาแพ็กเกจจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ เห็ด และเส้นใยพืช

ทุกอย่างเริ่มจาก “ของเล็กๆ” เช่น กล่องใส่โคมไฟ แต่ปลายทางคือ “เปลี่ยนโลก” ในแบบที่จับต้องได้

ขณะที่น้องบางคน มาเรียนปริญญาโทด้านการจัดการภูมิทัศน์ของเมือง เพื่อประสานเอาการเกษตร พื้นที่สีเขียว และการเติบโตของเมืองให้อยู่ร่วมกัน อย่างยั่งยืนมากที่สุด

ในอนาคตถ้ามีโอกาสกลับมาอีก ผมอยากไปที่กรุงสตอกโฮล์ม

ที่นั่น โครงการขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Stockholm Wood City กำลังจะกลายเป็นเมืองไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยพื้นที่กว่า 250,000 ตร.ม. ประกอบด้วยบ้าน 2,000 หลัง สำนักงาน 7,000 พื้นที่ ร้านค้า โรงเรียน และสวนสาธารณะทั้งหมด – จากไม้ลามิเนต

จากสิ่งที่เคยเป็นพื้นที่โรงงานเก่าในย่าน Sickla ตอนนี้กำลังกลายเป็นแม่แบบของเมืองที่ “เติบโต” โดยไม่ทำลายทรัพยากร แต่กลับ “กักเก็บทรัพยากร” ไว้ในโครงสร้างของเมืองเอง

หาก Fyrtornet คืออาคารไม้แห่งความหวัง Stockholm Wood City คือเมืองไม้แห่งอนาคต ที่เชื่อว่าเมืองสามารถ “ปลูก” ได้ใหม่ – ไม่ใช่แค่สร้าง

ประเทศไทยมีไม้ มีภูมิปัญญา มีแรงงานฝีมือ และมีความฝันถึงเมืองที่ดีขึ้น เราอาจยังไม่มีตึกไม้สูง 11 ชั้น หรือเมืองไม้ทั้งย่าน

แต่เรามีโอกาสเริ่มต้นจากสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า – คือ การออกแบบกติกา ที่เป็นธรรม โปร่งใส และเชื่อมโยงคนกับทรัพยากรครับ

ตอนหาเสียง ก้าวไกล เราเคยมีนโยบายพิสูจน์สิทธิในที่ดิน และออกเอกสารสิทธิในที่ดินสำหรับชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม

และขณะเดียวกัน มีนโยบายการปลูกสวนป่าเพื่อลดและปลดหนี้สำหรับเกษตรกร

นโยบายทั้งสองนี้ สามารถดำเนินการควบคู่กันกับการพัฒนารูปแบบการใช้ประโยชน์จากไม้ด้วยวิทยาการและการออกแบบสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ถึง 4 ทาง ได้แก่

หนึ่ง พี่น้องประชาชนมีสิทธิและความมั่นคงในที่ดิน

สอง พี่น้องเกษตรกร สามารถสะสมทุนนิยมและลดหนี้สินจากการปลูกไม้ยืนต้น

สาม เพิ่มพื้นที่สีเขียว และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ และ

สี่ ลดการนำเข้าหรือการใช้วัสดุก่อสร้างที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ (เช่น เหล็ก) และ/หรือ มาจากทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป (เช่น ปูน)

ทริปเล็กๆ ที่เมืองมาลเมอในครั้งนี้ จึงเป็นเสมือนประภาคารที่ช่วยชี้ทาง และเติมเต็มจิ๊กซอว์ที่ขาดไปสำหรับการพัฒนานโยบายนี้ในประเทศไทย



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด
พล.ท.ภราดร นำทัพ กลุ่มสวัสดีคนไทย แสดงความคิดเห็นเพื่อตั้งหมุดหมาย ที่ “ 100 ปี ประชาธิปไตย”
คาดเดาไม่ออก บอกไม่ถูก | ลึกแต่ไม่ลับ
เริ่มแล้ว! “Thai–Chinese Golden Fest 2025 เทศกาลร้อยเรื่องราวไทย–จีน” เทศกาลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งปี
ฟังเสียง ‘เยาวชน’ | ปราปต์ บุนปาน
“One Plan” โมเดลใหม่ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่
ไม้ดัดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร | กวีกระวาด : สิริวตี
ตลาด..ชีวิตและความหวัง | เรื่องสั้น : มีนา ฟ้าศุกร์
ทำเล
‘ภูมิธรรม’ จัดแถวมหาดไทย ล้างบาง ‘สิงห์น้ำเงิน’ ประเดิมย้าย 2 อธิบดีเข้ากรุ จับตา ‘เขากระโดง’ เปิดแผล ‘ปราสาทสายฟ้า’
ดาวกับดวงวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568