
‘แมว ประกิต-ช่อ พรรณิการ์’ วิพากษ์ ‘การสื่อสาร’ ของ ‘นายกฯ แพทองธาร’

เปลี่ยนผ่าน ทีมข่าวการเมือง มติชนทีวี
‘แมว ประกิต-ช่อ พรรณิการ์’
วิพากษ์ ‘การสื่อสาร’
ของ ‘นายกฯ แพทองธาร’
หมายเหตุ “ประกิต กอบกิจวัฒนา” (แมว) ครีเอทีฟโฆษณาและนักออกแบบแคมเปญการเมือง และ “พรรณิการ์ วานิช” (ช่อ) อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์รายการ “The Politics” ทางช่องยูทูบมติชนทีวี เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน โดยมีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่ว่าด้วยแนวทางการสื่อสารการเมืองของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” และพรรคเพื่อไทย
ประกิต กอบกิจวัฒนา
มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าการสื่อสารช่วงที่ผ่านมา ที่มันเละเทะแล้วก็ไปวิ่งไล่ตาม อย่างเช่น นายกรัฐมนตรีไปแถลงแต่ละครั้ง มันเป็นการวิ่งตามทีมงานหมดเลย เช่น การพูดตามกองทัพ แสดงว่าไม่ได้มีการเตรียมตัวมาในแง่ของทีมสื่อสาร
เอาเข้าจริงมันเสียชื่อเหมือนกัน เพราะเพื่อไทยขึ้นชื่อมาตลอดว่าเป็นคนทำเรื่องสื่อสารการเมืองดี แต่พอมาเจอคราวนี้ ผมก็ตั้งคำถามมากๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
เรื่องการสื่อสารของนายกฯ ผมเข้าใจว่ามาจากความมั่นใจส่วนตัว ว่าแกเอาอยู่ ผมคิดว่าทีม (สื่อสาร) อาจจะเตรียม (ประเด็น) แต่เรื่องความมั่นใจ ดูแกมั่นใจว่าแกเข้าใจ เอาอยู่ สามารถรับมือได้ แต่สิ่งที่มันสะท้อนออกมาก็คือว่าแกรับมือไม่อยู่ แล้วยิ่งถ้าแกยืนพูดยาวๆ โอ้โห ยิ่งเละ พังเลย
เรื่องการสื่อสารส่วนตัวของท่านนายกฯ ก็เรื่องหนึ่ง ทั้งวุฒิภาวะ ทั้งความรู้ที่มีในแต่ละเรื่องที่ต้องการสื่อสาร ผมคิดว่าอันนี้มันเป็นปัญหาที่ทำให้มาถึงจุดนี้ แล้วเวลาคุณพูดอะไรออกไปแต่ละอัน มันกลายเป็นประเด็นที่สะท้อนกลับมาหาตัวนายกฯ เสมอ
ส่วนทีม ผมคิดว่าอาจจะเก่งก็ได้ แต่นายกฯ ก็อาจไม่ได้เชื่อในทีม มันเลยทำให้สองเรื่องนี้ไม่ไปด้วยกัน
พอพูดถึงโฆษก (รัฐบาล) เอาเข้าจริงๆ “คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์” หายไปเลย ผมว่าประหลาดมาก แล้วเมื่อวานก็มี “คุณพายุ เนื่องจำนงค์” (รองโฆษกพรรคเพื่อไทย) มา ต้องพูดกันตรงๆ ว่า ทำงานกันอย่างไรเหรอ? คือทุกอย่างไหลไปหาตัวนายกฯ หมดเลย แล้วแต่ละคนที่ออกมาโต้ ก็ไม่ได้มีหน้าที่เป็นโฆษกด้วยนะ มันสะเปะสะปะไปหมดเลย
ผลสุดท้ายแล้ว มันก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ผมควรจะฟังข้อมูลอย่างเป็นทางการจากใคร
พรรณิการ์ วานิช
สถานการณ์เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นายกฯ แถลงเร็ว ดิฉันคิดว่า โอ้ ทีมมีประสิทธิภาพ (แต่) พอฟังแถลงเท่านั้นแหละ โอ ทีมโคตรไม่มีประสิทธิภาพ หรือทีมมีประสิทธิภาพแต่นายกฯ ไม่ฟัง ไม่ทราบ แต่การแถลงเมื่อบ่ายสอง วันที่ 18 ของนายกรัฐมนตรี ประเมินสถานการณ์ผิดหมด
การแถลงการณ์ของนายกฯ ทั้งภาษากายและภาษาพูดบ่งบอกว่า ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะใหญ่ ดิฉันฟังครั้งแรก ดิฉันก็ว่ายุบสภา แต่นายกฯ ออกมาแถลงเหมือนกับว่า “คลิปหลุดดารา” เป็นอารมณ์แก้ตัวว่าไม่มีอะไรมาก แล้วก็อธิบายยาว
การอธิบายยาวว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นแบบนี้แปลว่าไม่มียุทธศาสตร์ เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณต้องคิดมาทุกบรรทัดเลย ว่าคุณจะพูดอย่างไรให้รอด
สมมุติเป็นดิฉัน แถลง 1 นาทีจบเลย “ขอโทษ” ขอโทษประชาชนอย่างสูงที่ทำให้ผิดหวังในตัวดิฉัน ดิฉันผิดไปแล้วจริงๆ จากนี้ไป ดิฉันจะตั้งใจทำอย่างเต็มที่ และออกแถลงประณาม “ฮุน เซน” แล้วก็โชะๆ เลย ยกระดับอะไรก็ว่าไป แต่ไม่ใช่ไปรบกับเขานะ
แต่เมื่อวานเป็นการให้สัมภาษณ์แบบ “คลิปหลุดดารา” ตกใจมากว่าทีมประเมินนายกฯ คุณได้ดูกระแสสังคมทางโซเชียลมีเดียหรือเปล่า? ตอนนั้นกระแสยังไม่ขึ้นหรอกเพราะมันเร็วมาก แต่ทีมยุทธศาสตร์คุณต้องประเมินแล้วว่าเรื่องนี้มันใหญ่มาก คุณแถลงแบบนี้ไม่ได้ แต่มันไม่เกิดขึ้น
วันที่ 19 มิถุนายน มาแถลง (อีกครั้ง) ก็ดูเตรียมการมาเป็นอย่างดี เลยแถลงสั้น แต่ก็ยังขออภัยที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ แปลว่าไม่ได้ขออภัยที่ทำผิด ขออภัยที่ทำถูกแล้ว แต่ทำให้ท่านไม่สบายใจ นี่ดอกที่หนึ่ง
ดอกที่สอง ขออภัยที่ไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าถูกแอบอัดคลิป ไม่ได้ขออภัยที่ไปเปิดเผยจุดอ่อนและความไม่เป็นเอกภาพระหว่างกองทัพกับรัฐบาล ให้ประเทศคู่พิพาททราบ
มันเหลือเชื่อมาก ดิฉันไม่ทราบว่า ผิดที่คนเตรียมบรีฟ คนประเมิน ทีมยุทธศาสตร์ หรือตัวนายกฯ มีความมั่นใจ แต่นี่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจมวลชน ตามไม่ทันอารมณ์สังคม
แถลงของพรรคเพื่อไทยที่มาเรียกร้องความสามัคคี นั่นคือหลุดโลกแบบไม่เข้าใจอะไรแล้ว และออกตอนกลางคืน ซึ่งคุณต้องดูกระแสสังคมทางโซเชียลมีเดียแล้วด้วยว่าเขาด่าคุณอย่างไรบ้าง กระแสคำไหนเป็นอย่างไร แต่คุณกลับออกแถลงการณ์นี้มา ซึ่งดิฉันคิดว่าหลุดโลกสุดสุด ไปดูในคอมเมนต์ได้ เป็นเอกฉันท์มากๆ
ทั้งหมดทั้งปวงนี้ แกนหลักอย่างเดียวก็คือมันเป็นการสื่อสารที่เน้นเอาใจกันเอง มากกว่าเอาใจมวลชนและสังคม และไม่ต้องพูดถึงหลักการ การสื่อสารที่ดี บางทีไม่ถูกใจมวลชน แต่ถ้ามันเป็นไปตามหลักการก็ต้องสื่อสาร (กรณีนี้) เรายกเรื่องนี้ออกไปเลย เอาแค่ว่าถูกใจมวลชนหรือถูกใจนาย
การสื่อสารของเพื่อไทยและแพทองธารคือสื่อสารเน้นถูกใจนายทั้งองคาพยพ มันทำให้เกิดความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และสุดท้าย อยู่ใน “echo chamber” (กะลา) ของตัวเอง ที่ไม่สามารถขยายฐานเสียงมวลชนได้
ถ้าวันนี้ “คุณต้าร์-วันเฉลิม (สัตย์ศักดิ์สิทธิ์)” ยังมีชีวิตอยู่และได้ทำสื่อให้พรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม จะดีกว่านี้มาก น่าเสียดายที่เขาถูกบังคับสูญหายโดย “เคลียง ฮวด” ที่เป็นล่ามให้กับคุณแพทองธารในวันนั้น
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

