

เขย่าสนาม | เมอร์คิวรี่
กลายเป็นสงครามสตรีมมิ่งครั้งใหญ่ในวงการคอนเทนต์กีฬา เมื่อ JAS หรือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะในการคว้าลิขสิทธิ์จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ ตลอด 6 ฤดูกาล ใน 3 ประเทศได้แก่ ไทย, ลาว และกัมพูชา อย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับ JAS ผนึกกำลังกับ MONO หรือ บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) และความร่วมมือกับ AIS หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) สานพลังกันครั้งใหญ่ เพื่อร่วมถ่ายทอดสดการแข่งขันลีกฟุตบอลระดับโลก “พรีเมียร์ลีก-เอฟเอ คัพ” หลังหมดสัญญามาจาก TRUE หรือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อปีที่ผ่านมาแล้ว
ผู้อยู่เบื้องหลังการคว้าลิขสิทธิ์ได้ถึง 6 ฤดูกาลคือ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS ซึ่งก็ได้ MONO เข้ามาร่วมมือกัน โดยมีแอพพลิเคชั่น MONOMAX เป็นช่องทางหลักในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก-เอฟเอ คัพทั้งสดและย้อนหลัง รวมถึงดิจิทัลแพลตฟอร์ม AIS PLAY บนโครงข่ายอัจฉริยะ ทั้งมือถือและเน็ตบ้านครอบคลุมทั่วประเทศ
สำหรับทีมนักพากย์และผู้บรรยายมืออาชีพได้พาร์ตเนอร์จาก “SIAMSPORT” ผู้คร่ำหวอดในวงการกีฬามาหลายทศวรรษของเมืองไทย ในการเป็นผู้สนับสนุนทีมนักพากย์และผู้บรรยาย นำทีมโดย “บอ.บู๋” บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร, “บิ๊กจ๊ะ” สาธิต กรีกุล, “แจ็คกี้” อดิสรณ์ พึ่งยา, “ตังกุย” ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา และคนอื่นอีกมากมาย
การที่ JAS ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ ซึ่งได้ประกาศความมุ่งมั่นที่ต้องการถ่ายทอดคอนเทนต์กีฬาระดับโลกให้เข้าถึงมากกว่า 25 ล้านครัวเรือนใน 3 ประเทศทั้งในไทย, ลาว และกัมพูชา โดยตั้งเป้าสมาชิก 3 ล้านบัญชีในปีแรก และคาดว่ารายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาท จากเม็ดเงินลงทุนประมูลลิขสิทธิ์มูลค่ามหาศาลราว 19,000 ล้านบาทใน 6 ปี
นอกจากนี้ JAS และ MONO ยังได้กวาดคอนเทนต์กีฬาเอาไปรวมไว้ด้วยทั้งฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 รายการ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ และฟุตบอลไทยลีก ครบทุกคู่ พร้อมชมย้อนหลังไฮไลต์ทุกแมตช์ รวมทั้งคอนเทนต์บันเทิงจัดเต็ม 20,0000+ ชั่วโมง ซีรีส์ หนัง และรายการวาไรตี้พากย์ไทยครบทั้งแอพพิเคชั่น MONOMAX
ขณะที่ AIS หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บนแพลตฟอร์ต AIS PLAY ประกาศสู่ศูนย์กลางความบันเทิงและกีฬาครบวงจรอันดับ 1 ของไทย ด้วยการเสริมทัพคอนเทนต์ชั้นนำทั่วทุกมุมโลก ทั้งบันเทิง และกีฬา ทั้ง Eurosport, NBA ผ่าน PrimeVideo, LPGA และยังเตรียมถ่ายทอดสดการแข่งขันระดับโลกอีกมากมาย อาทิ วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก, ซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์
ไฮไลต์ของ AIS PLAY ในปีนี้คือ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 380 แมตช์ขึ้นแท่นหัวใจของแพลตฟอร์ม รวมถึงเอฟเอ คัพ, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ, ซัมเมอร์ ซีรีส์ และคอมมูนิตี้ชิลด์ นอกจากนี้ ยังมีคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟจาก 3 สโมสรทั้งลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และรีล มาดริด รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูโรป้าลีก ผ่านช่อง beIN SPORTS
ที่สำคัญ AIS ยังได้จับมือ GULF และ JAS คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก ครบทุกลีก ทั้งไทยลีก 1, ไทยลีก 2, ไทยลีก 3, เอฟเอ คัพ และลีกคัพ รวมถึงฟุตบอลลีกเยาวชน U-21, ฟุตบอลหญิงลีก 1 และ 2 ให้คนไทยได้รับชมฟรีผ่าน AIS PLAY แบบไม่ต้องสมัครสมาชิก เพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไทยทั้งระบบอีกด้วย

ข้ามฝากกลับที่ TRUE หรือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าเก่าผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี แต่ในปีนี้จะไม่มีสินค้าพรีเมียมอย่างฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อยู่ในมือของตัวเองแล้ว แต่พวกเขาก็ได้ปรับกลยุทธ์สู้ด้วยคอนเทนต์กีฬาและบันเทิงอื่นๆ ที่เป็นเวิลด์คลาสไม่แพ้กัน
TRUE ปรับกลยุทธ์เดินหน้ายกระดับรุกตลาดคอนเทนท์ดิจิทัลเต็มรูปแบบด้วยแอพพลิเคชั่น TrueVisions NOW สตรีมมิ่งที่ประกาศเป็น NOWtainment ครบจบทุกความบันเทิงในแอพพ์เดียว ทั้งกีฬาและเอนเตอร์เทนเมนต์จากทั่วทุกมุมโลก เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่คอนเทนต์กีฬาเท่านั้น
ชูคอนเซ็ปต์การขยายความบันเทิงไปสู่ทุกกลุ่มผู้ชม ด้วยคอนเทนต์จากทั่วทุกมุมโลก ทั้งซีรีส์ หนัง วาไรตี้ สารคดี อนิเมะ จากโซนต่างๆ ทั้งไทย จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป เพื่อตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชั่น ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมยังเสริมทัพด้วยพาร์ตเนอร์แอพพ์ชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น iQIYI, WeTV, HBO, VIU, NETFLIX กับคอนเทนต์คุณภาพหลากหลาย
ขณะเดียวกัน TRUE ยังคงมีคอนเทนต์กีฬาระดับโลกทั้ง F1, MotoGP, NFL, NBA, เทนนิสวิมเบิลดัน, ยูเอสโอเพ่น, แบดมินตัน, กอล์ฟไรเดอร์คัพ, ดิโอเพ่น, วอลเลย์บอล, สนุ้กเกอร์ ฯลฯ ที่รับชมได้แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ด้านฟุตบอลก็ยังมีลีกชั้นนำอย่าง ลาลีก้า, บุนเดสลีก้า, ซาอุดิลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก, ยูโรป้า ลีก, คอนเฟอเรนซ์ ลีก, ฟุตซอลไทยลีก และอีกมากมาย พร้อมนักพากย์คุณภาพเช่นกัน
จากการเปลี่ยนมือของผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้กลายเป็น “สงครามสตรีมมิ่ง” ครั้งสำคัญของวงการคอนเทนต์บันเทิงและกีฬาในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดต่างขับเคี่ยวต่อสู้กันด้วยคอนเทนต์ที่มีอยู่ในมือ และกลยุทธ์ในการช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด
แต่สงครามสตรีมมิ่งครั้งนี้ ประโยชน์ทั้งหมดคงจะตกไปอยู่ที่ “กลุ่มลูกค้า” ที่สามารถเลือกซื้อ “สินค้า” ได้อย่างมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น และราคายังสามารถจับต้องได้อย่างไม่ไกลเกินเอื้อมจนเกินไป เนื่องจากที่ผ่านมาการผูกขาดทำให้ราคาพุ่งทะยานสูงจนเกินไป ดังนั้น ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของลูกค้าในการเลือกสรรได้ตามความเหมาะสมของตัวเอง
อีกสิ่งสำคัญก็คือ ในเมื่อราคาที่สามารถจับต้องได้ โดยเฉพาะการเข้าถึงการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะส่งผลดีต่อทัศนคติในการรับชมสตรีมมิ่งแบบถูกต้องตามกฎหมาย และจะช่วยขจัดบรรดาพวกลิงก์เถื่อนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอาจจะไม่หมดไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็ยังช่วยให้ผู้ชมหันมาใส่ใจกับการรับชมคอนเทนต์ถูกกฎหมายได้ในราคาที่ไม่สูงเกินไป
อย่างไรก็ตาม จากการต่อสู้แย่งชิงการเป็นเจ้าคอนเทนต์ สตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทั้ง JAS-MONO-AIS-TRUE ถือว่าส่งผลดีในการเพิ่มทางเลือกสินค้าให้กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น แต่จะขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าจะตัดสินใจเลือกการใช้บริการจากเจ้าใด เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์เหล่านี้ ทั้งบันเทิงและกีฬา ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง…
สุดท้ายแล้ว จากสงครามสตรีมมิ่ง ผู้ชนะตัวจริงก็คือ “ลูกค้า” ที่จะได้รับชมคอนเทนต์ทั้งบันเทิง และกีฬาระดับโลกได้แบบจับต้องเข้าถึงได้ไม่ยากนั่นเอง!