เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ราชาปราชญ์ และระบอบการเมืองการปกครอง ของเพลโต

02.10.2024

Agora | กฤตภาศ ศักดิษฐานนท์

วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

www.facebook.com/bintokrit

 

ราชาปราชญ์

และระบอบการเมืองการปกครอง

ของเพลโต

 

“เพลโต” (Plato) หนึ่งในสามเสาหลักแห่งปรัชญากรีก ได้นำเสนอแนวคิดเรื่อง “ระบอบการเมืองการปกครอง” (Political Regimes) จำนวนทั้งหมด 5 แบบ เอาไว้ในหนังสือ “Republic”

ซึ่งเป็นบทสนทนาระหว่าง “โสกราตีส” (Socrates) ผู้เป็นอาจารย์ของเพลโตกับผู้คนต่างๆ เกี่ยวกับ “ความยุติธรรม” (Justice) และ “รัฐที่ดีที่สุดในอุดมคติ” (Ideal State)

เนื้อความเกี่ยวกับระบอบการปกครองปรากฏอยู่ในบทที่ 8 หลังจากที่บทก่อนหน้านี้เขาอธิบายความคิดทางการเมืองมาแล้วหลายแง่มุม แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เรื่องของ “วิญญาณ 3 ส่วนของมนุษย์” (The Tripartite Soul) อันเป็นที่รู้จักกันในนาม “ทฤษฎีเรื่องวิญญาณ” (Theory of Soul)

ซึ่งเพลโตนำแนวคิดนี้มาเชื่อมโยงไปสู่แนวคิดเรื่องรัฐที่มีโครงสร้างที่ประกอบไปด้วย 3 ส่วนเช่นกัน

วิญญาณของมนุษย์ตามความคิดของเพลโตคือ

(1) ภาคตัณหา (appetitive part) ในภาษากรีกคือ eros

(2) ภาคน้ำใจ (spirited part) ในภาษากรีกคือ thymos

และ (3) ภาคเหตุผล (rational part) ในภาษากรีกเรียกว่า logos

ทั้งสามส่วนนี้ต่างก็เป็นองค์ประกอบของมนุษย์เหมือนกัน แต่ต่างบทบาทหน้าที่และมีลำดับชั้นที่ต้องควบคุมกันให้อยู่ในร่องในรอย

ภาคตัณหาคือเรื่องปากท้อง กิน นอน เพศสัมพันธ์ เป็นความกระหายอยาก (desire) ความปรารถนาตามสัญชาตญาณของร่างกายซึ่งต้องการเติมเต็ม เช่น หิวก็ต้องกินอาหาร เป็นต้น

ในขณะที่ภาคน้ำใจเป็นส่วนของความกล้าหาญ ความเข้มแข็งทรหดอดทน เป็นอารมณ์อันแรงกล้าในทางดี (passion) เป็นส่วนที่เหนือกว่าภาคตัณหา แต่ด้อยกว่าภาคเหตุผลในทางตรรกะ ภูมิปัญญา และความรู้

ดังนั้น ภาคน้ำใจต้องควบคุมภาคตัณหา แต่ในขณะเดียวกันก็อยู่ภายใต้การควบคุมของภาคเหตุผล

เหมือนคนหิวก็ต้องใช้เหตุผลพิจารณาว่าจะกินอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าสักแต่กิน

หรือนักมวยซึ่งมีทั้งฝีไม้ลายมือและจิตใจที่เข้มแข็งก็ใช่ว่าจะไปต่อยตีกับใครก็ได้ แต่ต้องใช้สมองไตร่ตรองว่าจะสู้เมื่อไหร่และสู้อย่างไร

หากวิญญาณของมนุษย์อยู่ภายใต้ระเบียบดังกล่าวนี้ชีวิตย่อมดีงามและสมดุล

 

เพลโตคิดว่ารัฐก็มีโครงสร้างแบบนี้เช่นกัน ประกอบไปด้วยคน 3 ชนชั้นซึ่งมีจำนวนไม่เท่ากัน และมีลักษณะแตกต่างกัน ได้แก่

(1) คนทั่วไปในสังคม เช่น คนงาน คนทำการผลิต แรงงาน ช่างฝีมือ เกษตรกร เป็นต้น คนพวกนี้มีจำนวนมาก เป็นคนส่วนใหญ่ในรัฐ

(2) พวกนักรบหรือทหาร ซึ่งมีจำนวนน้อยลงมา

และ (3) พวกผู้ปกครอง อันมีจำนวนน้อยที่สุด

ในบรรดาผู้ปกครองเหล่านี้ คนที่ได้รับการศึกษาและฝึกฝนมาอย่างถูกต้องเป็นเวลายาวนานจะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน และเป็นสิ่งดีงามถาวรไม่แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าหรือผลประโยชน์ชั่วคราว

ความรู้ในการปกครองที่ถูกต้องคือภูมิปัญญาอันเป็นทักษะพิเศษซึ่งไม่มีอยู่ในคนทั่วไปที่ไม่ได้ผ่านการศึกษา

ผู้ปกครองเช่นนี้มีความรู้ที่เพียบพร้อมทั้งปรัชญา คณิตศาสตร์ การใช้เหตุผล ความแข็งแรงของร่างกาย และสิ่งอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับการปกครอง

ผู้ปกครองที่แท้จริงต้องสามารถแยกแยะระหว่าง “ความคิดเห็น” (opinion) กับ “ความรู้” (knowledge) ได้

โดยเพลโตยก “อุปมานิทัศน์เรื่องถ้ำ” (Allegory of the Cave) ขึ้นมาในบทที่ 7 เพื่อแสดงว่า “ความเป็นจริง” (reality) ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับ”สิ่งที่ปรากฏ” (appearance)

เหมือนนักโทษในถ้ำที่เห็นเพียงแต่เงามาทั้งชีวิต ย่อมไม่รู้ว่าความจริงแล้วเงาเป็นเพียงของปลอมที่เลียนแบบมาจากของจริงต้นตอ

ผู้ปกครองที่ดีจึงต้องสามารถเข้าถึงความจริงแท้ได้ ไม่ใช่หลงติดอยู่เพียงแค่เงา แล้วทึกทักไปเองว่าเงาคือความจริง

(ผู้สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความชื่อ “อุปมาเรื่องถ้ำของเพลโต” ทางลิงก์ https://www.matichonweekly.com/column/article_787203 )

 

เพลโตเรียกผู้ปกครองเช่นนี้ว่า “ราชาปราชญ์” (Philosopher-King) เป็นผู้ปกครองที่เหมาะสมและดีที่สุดในอุดมคติ

แนวคิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบอบการเมืองที่ดีที่สุดในทัศนะของเพลโต นั่นคือ “อภิชนาธิปไตย” (Aristocracy) ซึ่งเป็นการปกครองของคนกลุ่มน้อยที่มีคุณสมบัติโดดเด่นเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ และมีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติ

เมื่อราชาปราชญ์เป็นคนใดคนหนึ่งในกลุ่มของผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเหมาะสม อีกทั้งยังใช้ความสามารถเป็นเกณฑ์ในการคัดเลือก ไม่ใช่โดยการส่งต่อสืบทอดทายาท ดังนั้น จึงเป็นระบอบอภิชนาธิปไตย ไม่ใช่ราชาธิปไตย

เพลโตคิดว่าอภิชนาธิปไตยสามารถเสื่อมถอยไปสู่ระบอบอื่นได้ โดยเปลี่ยนไปสู่ “วีรชนาธิปไตย” (Timocracy) อันเป็นการปกครองของพวกนักรบหรือทหาร ซึ่งเขาคิดว่าเป็นระบอบที่ดีรองลงมา

การถดถอยนี้เป็นไปตามที่แนวคิดเรื่องวิญญาณสามส่วนที่ภาคเหตุผลอยู่บนสุด

เมื่อเทียบกับรัฐแล้วราชาปราชญ์ก็คือภาคเหตุผลเป็นผู้ปกครองซึ่งคอยควบคุมส่วนต่างๆ ของร่างกายให้อยู่ในตำแหน่งแห่งหนที่ถูกต้อง และทำให้ร่างกายสมดุลดำเนินไปในทิศทางที่ดี

พอขยับลงมาจากภาคเหตุผลแล้วจึงเป็นภาคน้ำใจซึ่งเมื่อเทียบกับรัฐแล้วก็คือกองทัพ เป็นระบอบที่ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับเกียรติยศและความกล้าหาญ มีความเข้มแข็งแต่ก็ไม่ได้มีเหตุผลที่ดีที่สุด

ต่อมาเมื่อพวกนักรบถอยห่างจากเกียรติมาสู่ความเพลิดเพลินทางกาย เริ่มสะสมทรัพย์สินเงินทอง และติดใจรสชาติของความมั่งคั่ง ระบอบวีรชนาธิปไตยจะเสื่อมลงและขยับถอยลงมาสู่ระบอบ “คณาธิปไตย” (Oligarchy) ที่อำนาจปกครองตกอยู่ในมือของกลุ่มคนรวย สนใจแต่ความมั่งมี เต็มไปด้วยความโลภ และกระหายอำนาจเพื่อกอบโกยผลประโยชน์

ดังนั้น จึงเป็นระบอบที่แย่ เมื่อเกิดสภาพการณ์เช่นนี้นานเข้า ท้ายที่สุดก็อยู่ไม่ได้ เกิดการแย่งชิงอำนาจมาอยู่ในมือคนจนซึ่งมีจำนวนมากกว่า และเสื่อมถอยไปสู่ระบอบคนจนเป็นใหญ่ และทำอะไรตามใจโดยไร้ขอบเขต

ซึ่งเพลโตเรียกว่า “ประชาธิปไตย” (Democracy)

 

อย่างไรก็ตาม ระบอบประชาธิปไตยซึ่งเป็นระบอบที่ดีและผู้คนเทิดทูนอย่างมากในปัจจุบัน กลับมีความหมายที่ติดลบอย่างยิ่งตามนิยามของเพลโต

เขามองว่าประชาธิปไตยเป็นระบอบที่เรียกร้องต้องการความเท่าเทียมให้กับสิ่งที่ไม่เท่าเทียม

เช่น คนจนได้อำนาจเท่ากับคนรวย ปฏิบัติต่อสิ่งที่ไม่เหมือนกันให้เหมือนกัน เช่น พ่อทำตัวเหมือนลูก ครูเท่ากับศิษย์ และให้เสรีภาพกับสิ่งที่ไม่ควรมี แม้กระทั่งสัตว์ก็ยังได้รับการปฏิบัติเท่ากับคน

นอกจากนี้ยังเห็นว่าคนทั่วไปไม่ได้มีความรู้ความสามารถและสติปัญญาที่ควรเป็นผู้ปกครองแต่ก็ยังได้อำนาจมาปกครอง

เขายกอุปมาเปรียบเทียบขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งในบทก่อนหน้านี้คือ “อุปมาเรื่องรัฐนาวา” ซึ่งอยู่ในบทที่ 6 เพื่อโจมตีระบอบประชาธิปไตยที่เขาจงเกลียดจงชัง และสนับสนุนระบอบอภิชนาธิปไตยภายใต้การปกครองของราชาปราชญ์

(ผู้สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเรื่อง “อุปมาเรื่องรัฐนาวาของเพลโต” ทางลิงก์ https://www.matichonweekly.com/column/article_739649)

ประชาธิปไตยจะทำให้สังคมเสื่อมทรามเละเทะ เกิดวิกฤตและความขัดแย้งขึ้น เปิดโอกาสให้พวก “ผึ้งตัวผู้” หรือ “กาฝาก” (drones) ฉกฉวยโอกาสในการเข้ามาคลี่คลายวิกฤต และสวมบทเป็นฮีโร่คืนความสงบสุขให้กับสังคม โดยเข้ามาประสานประโยชน์ ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง

แต่ท้ายที่สุดก็เสพติดอำนาจ กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัว ซ้ำยังหวาดระแวงผู้คน จนทำให้ต้องกำจัดศัตรูทางการเมืองไปเรื่อยๆ

คนมีความสามารถที่ท้วงติงจะถูกขจัดให้พ้นทาง รัฐจึงสูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดแทนที่จะรักษาเอาไว้

เพลโตเรียกระบอบนี้ว่า “ทรราชย์” (Tyranny) ซึ่งหาความดีไม่ได้เลย เป็นระบอบที่แย่ที่สุด และเป็นจุดตกต่ำที่สุดของสังคม

เพลโตเป็นนักปราชญ์ฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยและสนับสนุนอำนาจของชนชั้นนำ

ปัจจุบันนี้ความคิดทางการเมืองของเขาแทบไม่ได้รับการยอมรับ

ซ้ำยังถูกรังเกียจว่านำไปสู่สิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่า คือการเป็น “เผด็จการอำนาจนิยมแบบเบ็ดเสร็จ” (Totalitarianism) ของพวกอภิสิทธิ์ชน

อย่างไรก็ตาม การศึกษาความคิดของเขาไว้ก็ไม่สูญเปล่า ซ้ำยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนักคิดสายประชาธิปไตยสำหรับทบทวนข้อบกพร่องของทฤษฎี ตลอดจนอุดช่องว่าง และหาทางปรับปรุงพัฒนาให้ดีกว่าเดิมได้ในอนาคต

 



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

“พีระพันธุ์” เรียกประชุมด่วน หลังอิหร่านเตรียมปิดช่องแคบฮอร์มุซเตรียมมาตรการรองรับทั้งด้านราคาและปริมาณสำรองหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น
พล.ท.ภราดร ชี้ครบ93ปีประชาธิปไตยไทย เดินสายพูดคุยปชช. พบสาเหตุที่ ปชต.อ่อนแอ
อดีต รมว.คลังชี้ช่วงนี้​ จะให้ศก.​เติบโต​สูงขึ้น ต้องปรับค่าเงินบาทลดลง​ ให้แข่งขันได้​ อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือทางนโยบายของรัฐบาล​ ไม่ควรปล่อยให้ขึ้นๆลงๆ​ ตามนักเก็งกำไร
รสนา ชี้กัมพูชาอ้างชุมนุม1.5 แสนคน เป็นแค่ราคาคุย ความจริงแค่หมื่นกว่าคนเท่านั้น
‘ลิณธิภรณ์’ จวก ‘ศุภชัย’ ร้อนรนเป็นฝ่ายค้าน ลืมอดีต เพื่อไทย เคยเสนอนำกัญชากลับบัญชียาเสพติด ย้ำรัฐบาล ‘แพทองธาร’ เร่งรื้อมรดก ‘ภูมิใจไทย‘ ทิ้งกัญชาเสรีทำลายสังคมไทย
มงคล ทศไกร ร่วมเปิดฟุตบอลคลินิก ให้เยาวชนคลองเตยและชุมชนเชื้อเพลิง โครงการ “BROS.CORE 2025 : เปิดเทอมเติมฝัน ปีที่ 2”
‘ใหม่-เต๋อ’ หมั้นแล้ว เปย์หนักแหวนเพชร 15 กะรัต ‘7 ปีกลัวที่สุด จับแต่งเลย จะได้ไม่ต้องเลิก’
ประเทศดี ที่มี ‘คนทุจริต’ กับ ‘อยุติธรรม’ อยู่อาศัย
93 ปี 24 มิถุนายน 2475 อาจต้องรอเกิน 100 ปี …จึงจะมีประชาธิปไตย
‘เครียด-จุดเดือดต่ำ-ซึมเศร้า’ บช.น.จัดคอร์สธรรมะขัดเกลาใจ สู้ความกดดันชีวิตอย่างมีสติ
จากการไล่ล่าผู้อพยพของ I.C.E. ในแอลเอ สู่การประท้วงใหญ่ ‘No Kings’ ทรัมป์ ทั่วอเมริกา
ขยายผลขบวนการค้า ‘ยาเสียสาว’ สวมชื่อ 370 คนตาย-สั่งซื้อ อย.แจ้งจับเพิ่ม 6 แพทย์ ร่วมทีม ‘หมอแอร์’ ใช้แฟลต ตร.ซุก 1.7 แสนเม็ด