เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ขวาไทยทำประเทศสู่อันตราย

18.05.2025

บทความพิเศษ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

https://www.facebook.com/sirote.klampaiboon

 

ขวาไทยทำประเทศสู่อันตราย

 

ในที่สุดรัฐบาลเพื่อไทยก็เกิดการซื้อ ส.ส.งูเห่าเพื่อเอาไปต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีเหมือนรัฐบาลคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำ

แต่ที่เลวร้ายกว่าคือรอบนี้คนทำได้แก่พรรคสาขาของเพื่อไทย มิหนำซ้ำพรรคเพื่อไทยเคยปราศรัย “ไล่หนูตีงูเห่า” ในการเลือกตั้งปี 2566 ซึ่งเท่ากับเพื่อไทยว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง

ส.ส.ที่ทรยศประชาชนเลวร้ายแน่ๆ เช่นเดียวกับพรรคที่ดูด ส.ส.เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี และรัฐบาลที่ตั้งรัฐมนตรีด้วยวิธีนี้

แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือเรื่องทั้งหมดเกิดในวาระที่การเลือกตั้งปี 2566 เวียนมาครบรอบ 2 ปี ที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง เพื่อไทยแพ้ พรรคร่วมรัฐบาลประยุทธ์แพ้ย่อยยับ ส่วนฝ่ายตรงข้ามคุณประยุทธ์ได้ ส.ส.ถึง 318 คน

ถ้ายอมรับว่าการเลือกตั้งปี 2566 คือชัยชนะของฝ่ายเสรีประชาธิปไตย การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยก็คือชัยชนะของฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยที่เพื่อไทยเป็นฉากบังหน้าให้อำนาจเก่ามีอำนาจต่อ เพราะรัฐบาลที่เพื่อไทยเป็นแกนนำทำให้ผลเลือกตั้งแบบ “เสรีประชาธิปไตยแลนด์สไลด์” ไม่นำไปสู่รัฐบาลประชาธิปไตยอย่างที่ควรเป็น

ปรากฏการณ์ ส.ส.งูเห่า 55 ล้านสะท้อนว่า 2 ปีของการตั้งรัฐบาลโดยฝ่ายแพ้เลือกตั้งคือ 2 ปีแห่งการล่มสลายของบรรทัดฐานทางการเมืองว่าอะไรคือสิ่งที่ควรจะเป็นในระบอบประชาธิปไตย

 

คุณแพทองธาร ชินวัตร อ้างว่ารัฐบาลนี้เป็นประชาธิปไตยเพราะพรรคร่วมมาจากการเลือกตั้ง แต่ทุกพรรคที่จะมี ส.ส.ล้วนต้องลงเลือกตั้งอยู่แล้ว และรัฐบาลไม่สามารถจัดตั้งจากพรรคที่ไม่มีคนเลือกได้ การมีพรรคร่วมจากการเลือกตั้งจึงเป็นข้อบังคับทางกฎหมายซึ่งไม่เกี่ยวกับเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เลย

พูดตรงๆ พรรคร่วมรัฐบาลการเมืองกลุ่มนี้มีบทบาทปฏิปักษ์ประชาธิปไตยตั้งแต่โหวตคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ในปี 2562, ขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ คสช., สนับสนุนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินจับประชาชนช่วงโควิดระบาด, ปราบปรามประชาชนปี 2563 ฯลฯ จนไม่มีทางพูดว่าเป็นพรรคประชาธิปไตย

ควรสังเกตด้วยว่าขณะที่เพื่อไทยสาละวนกับการอ้างว่าพรรคเหล่านี้เป็นประชาธิปไตยเพื่ออ้างต่อว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตย พรรคร่วมรัฐบาลนี้กลับพูดถึงประเด็นประชาธิปไตยด้วยตัวเองน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ

เช่น การต่อต้านการแก้กฎหมายอาญา ม.112 หรือความจงรักภักดีต่อสถาบัน

 

ภายใต้รัฐบาลที่มีแต่พรรคซึ่งไม่มีอุดมคติประชาธิปไตย และไม่เคยผลักดัน “วาระ” ประชาธิปไตย การเมืองไทยในรอบ 2 ปีหลังเลือกตั้ง 2566 ถดถอยเป็นระบอบการเมืองซึ่ง ส.ส.งูเห่าเป็นเรื่องธรรมดา, พรรครัฐบาลซื้อ ส.ส.ฝ่ายค้านอย่างเปิดเผย, การตั้งพรรคสาขาหลอกประชาชนเป็นเรื่องทำได้ เช่นเดียวกับการกวาดต้อน ส.ส.เพื่อต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี

กองเชียร์รัฐบาลอ้างว่าการเมืองแบบนี้คือ Realpolitik ซึ่งแปลเป็นไทยตามตัวอักษรว่า “การเมืองที่เป็นจริง” แต่คำแปลนี้หยาบเหมือนใช้ AI แปลว่า Realpolitik คือการทำเลวได้ทะลุเพดาน ตระบัดสัตย์ระดับซูเปอร์กะล่อนก็ไม่ผิด ทั้งที่คำคำนี้หมายถึงการเมืองเชิงปฏิบัตินิยม (Pragmatism) ที่พลิกแพลงวิธีไหนก็ได้เพื่อไปให้ถึง “เป้าหมายส่วนรวม”

เติ้ง เสี่ยวผิง หรือลี กวนยิว เป็นตัวอย่างของการเมืองแนว Realpolitik หรือ “ปฏิบัตินิยม” ที่การกระทำล้วนมีเป้าหมายเพื่อส่วนรวม

แต่พฤติกรรมรัฐบาลชุดนี้ที่ซื้อ ส.ส., ดูดฝ่ายค้าน ฯลฯ คือการเมืองแบบ “ฉวยโอกาส” หรือ “Opportunist” ซึ่งการกระทำทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อตัวเองล้วนๆ จนไม่เกี่ยวอะไรกับ Realpolitic หรือ Pragmatic เลย

 

ปกติผมไม่เห็นด้วยกับการจัดประเภทว่าใครหรือพรรคไหนคือ “ฝ่ายซ้าย” หรือ “ฝ่ายขวา” ยิ่งเห็นคอลัมนิสต์ฝ่ายรัฐบาลพูดชุ่ยๆ ว่าพรรคประชาชนเป็นฝ่ายซ้ายผมยิ่งรังเกียจ เพราะคำว่าฝ่ายซ้ายในสังคมไทยหมายถึงการล้มสถาบันซึ่งมีนัยยะที่อันตราย จะโดน 112, ยุบพรรค, ตัดสิทธิการเมือง หรือถูกยิงกลางถนนแบบปี 2553 ก็ได้ตลอดเวลา

ภายใต้ข้ออ้างเรื่อง Realpolitik ซึ่งจริงๆ คือการเมืองแบบฉวยโอกาสซึ่งไม่สนใจหลักการเลย

สองปีของรัฐบาลเพื่อไทยคือ 2 ปีที่การเมืองเอียงขวาและความคิดแบบขวาแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

จนผมอยากตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการนี้ทำให้การเมืองไทยเสี่ยงกลับไปสู่การเมืองแบบปฏิปักษ์ประชาธิปไตย

แน่นอนว่า “ขวาไทย” ทุกยุคมีแกนกลางที่ท่าทีต่อสถาบัน และท่าทีต่อสถาบันหมายถึงท่าทีต่อคนที่ถูกถือว่าเป็นศัตรูกับสถาบันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคุณทักษิณ ชินวัตร, คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, คนเสื้อแดง หรือพรรคก้าวไกล แต่ประเด็นคือการเมืองแบบเอียงขวารอบนี้มีมิติมากกว่าเรื่องสถาบันอย่างที่เคยเป็นมาหลายปี

ชาตินิยมเป็นแกนกลางที่สำคัญของขวาไทย และขวาไทยก็เหมือนขวาในสังคมอื่นทั่วโลกซึ่งทำให้ชาตินิยมความหมายบวกอย่างการรักชาติและต่อสู้เพื่อชาติ (Patriotism) กลายเป็นชาตินิยมในความหมายลบอย่างการคลั่งชาติ ยกหางชาติตัวเองเหนือชาติอื่น และในที่สุดก็คือการโจมตีว่าคนอื่นในชาติล้วนไม่รักชาติเท่าคนคลั่งชาติเลย

อาวุธของฝ่ายขวาทุกยุคคือการปลุกปั่นด้วยข้อมูลข่าวสารเท็จ (Disinformation) เพื่อปลุกระดมว่าชาติมีศัตรู และหากสังเกตให้ดี ทุกวันนี้ข่าวประเภทชาตินิยมสุดโต่งกำลังแพร่หลายใน “โซเชียล” ในทุกแพลตฟอร์มเยอะไปหมด โดยเนื้อหาทั้งหมดล้วนวนเวียนอยู่กับความเกลียดชังพม่า ต่อต้านมลายูมุสลิม และปลุกให้ไทยรบกัมพูชา

แน่นอน ปฏิบัติการข่าวสารแบบนี้เป็น IO แต่องค์กรที่ปฏิบัติการ IO กรณีนี้มีทั้งหน่วยงานรัฐ, สื่อฝ่ายขวา, ข้าราชการสายเหยี่ยว, มวลชนจัดตั้งของทหาร รวมทั้ง IO ของพรรครัฐบาล

การปลุกปั่นประเด็นชาตินิยมสุดโต่งแบบนี้จึงมีหลายช่องทางจนดูเสมือน “ของแทร่” (Organic) และง่ายนิดเดียวที่จะปั้นกระแสขวาจัดขึ้นมา

 

หัวใจของการเมืองแบบขวาคือการสร้างภาพว่าชาติมีภัยคุกคาม ประเด็นว้าแดงบุกไทย, ทหารเขมรยึดปราสาท, BRN ฆ่าผู้บริสุทธิ์, คนพม่ายึดเมืองไทยหมดแล้ว, พรรคเพื่อพม่า ฯลฯ จึงไหลว่อนโซเชียลแล้วกลายเป็นคำถามว่าทำไมรัฐบาลไม่ทำอะไรเลยทั้งที่คุมทหาร, ตำรวจ, กอ.รมน.และหน่วยงานด้านความมั่นคง

ผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลรู้หรือไม่ว่าชาตินิยมสุดโต่งแบบนี้อันตรายกับรัฐบาลอย่างไร แต่เมื่อใดที่คนรู้สึกว่ารัฐบาลพลเรือนควบคุมสถานการณ์ไม่ได้จนบ้านเมืองไม่สงบ เมื่อนั้นความต้องการผู้นำเข้มแข็งซึ่งเป็นหน่ออ่อนของเผด็จการทหารจะเกิดขึ้นเสมอ และเรื่องแบบนี้คือหนึ่งในอาหารอันโอชะของการล้มรัฐบาล

ศีลธรรมเป็นแกนกลางของฝ่ายขวาในทุกสังคมเหมือนความคิดชาตินิยม แต่คำว่าศีลธรรมตามนัยยะของฝ่ายขวาไม่ได้หมายถึงหลักธรรมทางศาสนา รวมทั้งไม่ได้หมายถึงแค่การตั้งตัวเป็น “คนดีย์” อย่างที่คนชอบเสียดสีกัน แต่ “ศีลธรรม” ในที่นี้หมายถึงความเสื่อมทรามของสังคมที่จริงๆ ก็ไม่มีนิยามชัดว่าอะไรเสื่อมและเสื่อมอย่างไร

กฎหมายกาสิโนเป็นหนึ่งในเรื่องที่คนจำนวนมากรู้สึกถึงความเสื่อมโทรมทางศีลธรรม แต่นอกจากนี้แล้ว ปัญหาการซื้อ ส.ส., พรรครัฐบาลดูดงูเห่า, ตึกถล่ม, รัฐมนตรีโกงคอร์รัปชั่นลุกลาม, ลูกหลานนักการเมืองไล่กระทืบคนไปทั่ว ฯลฯ ก็ล้วนทำให้คนทวีความไม่พอใจรัฐบาลไปด้วย ต่อให้บางเรื่องรัฐบาลอาจไม่เกี่ยวโดยตรง

 

Realpolitik อาจเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่การทำแบบนั้นย่อมทำให้ต้นทุนด้านความน่าเชื่อถือของรัฐบาลติดลบเสมอ

เมื่อใดที่คนเริ่มรู้สึกว่าอำนาจในระบบทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเลวร้ายลง เมื่อนั้นคนจะโหยหาอำนาจที่บริสุทธิ์มากขึ้น และนั่นคือโอกาสทองของอำนาจพิเศษที่จะแทรกตัวเข้ามาในสังคม

ความไม่เอาไหนของนายกฯ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นอีกเรื่องที่กระทบสถานะของรัฐบาลระยะยาว เพราะถ้าอำนาจในระบบการเมืองแบบปกติแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ คนก็จะเริ่มมองหาทางเลือกอื่นที่อยู่นอกระบบ จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับพลังนอกระบบเองว่าจะมีอะไรมา Offer ให้สังคม

ผมไม่มีความเห็นดีๆ ในที่นี้ว่าจะหยุดยั้งแนวโน้มที่การเมืองไทยอาจ “เลี้ยวขวา” อย่างไร

แต่สิ่งที่พูดได้แน่ๆ บรรยากาศการเมืองแบบนี้จะไม่เกิดหากไม่มีการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว และรัฐบาลที่เข้าสู่อำนาจโดยทำลายหลักการทุกอย่างย่อมไม่อาจปกป้องตัวเองจากอำนาจที่ปราศจากหลักการ



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

“พีระพันธุ์” เรียกประชุมด่วน หลังอิหร่านเตรียมปิดช่องแคบฮอร์มุซเตรียมมาตรการรองรับทั้งด้านราคาและปริมาณสำรองหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น
พล.ท.ภราดร ชี้ครบ93ปีประชาธิปไตยไทย เดินสายพูดคุยปชช. พบสาเหตุที่ ปชต.อ่อนแอ
อดีต รมว.คลังชี้ช่วงนี้​ จะให้ศก.​เติบโต​สูงขึ้น ต้องปรับค่าเงินบาทลดลง​ ให้แข่งขันได้​ อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือทางนโยบายของรัฐบาล​ ไม่ควรปล่อยให้ขึ้นๆลงๆ​ ตามนักเก็งกำไร
รสนา ชี้กัมพูชาอ้างชุมนุม1.5 แสนคน เป็นแค่ราคาคุย ความจริงแค่หมื่นกว่าคนเท่านั้น
‘ลิณธิภรณ์’ จวก ‘ศุภชัย’ ร้อนรนเป็นฝ่ายค้าน ลืมอดีต เพื่อไทย เคยเสนอนำกัญชากลับบัญชียาเสพติด ย้ำรัฐบาล ‘แพทองธาร’ เร่งรื้อมรดก ‘ภูมิใจไทย‘ ทิ้งกัญชาเสรีทำลายสังคมไทย
มงคล ทศไกร ร่วมเปิดฟุตบอลคลินิก ให้เยาวชนคลองเตยและชุมชนเชื้อเพลิง โครงการ “BROS.CORE 2025 : เปิดเทอมเติมฝัน ปีที่ 2”
‘ใหม่-เต๋อ’ หมั้นแล้ว เปย์หนักแหวนเพชร 15 กะรัต ‘7 ปีกลัวที่สุด จับแต่งเลย จะได้ไม่ต้องเลิก’
ประเทศดี ที่มี ‘คนทุจริต’ กับ ‘อยุติธรรม’ อยู่อาศัย
93 ปี 24 มิถุนายน 2475 อาจต้องรอเกิน 100 ปี …จึงจะมีประชาธิปไตย
‘เครียด-จุดเดือดต่ำ-ซึมเศร้า’ บช.น.จัดคอร์สธรรมะขัดเกลาใจ สู้ความกดดันชีวิตอย่างมีสติ
จากการไล่ล่าผู้อพยพของ I.C.E. ในแอลเอ สู่การประท้วงใหญ่ ‘No Kings’ ทรัมป์ ทั่วอเมริกา
ขยายผลขบวนการค้า ‘ยาเสียสาว’ สวมชื่อ 370 คนตาย-สั่งซื้อ อย.แจ้งจับเพิ่ม 6 แพทย์ ร่วมทีม ‘หมอแอร์’ ใช้แฟลต ตร.ซุก 1.7 แสนเม็ด