
พระปิดตาหลวงปู่เหรียญ พิมพ์กระดาษสา-แข้งหมอน วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี

โฟกัสพระเครื่อง | โคมคำ
“พระโสภณสมาจาร” หรือ “หลวงปู่เหรียญ สุวัณณโชติ” อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) และอดีตเจ้าคณะอำเภอเมือง จ.กาญจนบุรี
ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกใกล้ชิดและได้รับการสืบทอดวิทยาคมจาก “หลวงปู่ยิ้ม” เจ้าอาวาสรูปสำคัญของวัดหนองบัว อันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคมสูง
ที่สำคัญ ยังเคยสั่งสอนศิษย์ให้เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในด้านไสยเวทในยุคต่อมาอีกหลายรูป
นอกจากหลวงปู่เหรียญแล้ว ยังมี หลวงปู่ดี วัดเหนือ, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ, หลวงพ่อสอน วัดลาดหญ้า, หลวงพ่อแช่ม วัดจุฬามณี, หลวงพ่อหัง วัดเหนือ, หลวงพ่อดอกไม้ วัดดอนเจดีย์, หลวงพ่อเหมือน วัดกลางเหนือ เป็นต้น
สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางไว้มากมาย อาทิ ตะกรุด ลูกอม ลูกอมแผง แหวนพิรอด พระปิดตา ซึ่งสร้างตามแบบของหลวงปู่ยิ้ม แต่มีขนาดย่อมกว่า สันนิษฐานว่าได้สร้างมาเรื่อยๆ ตามแต่จะมีผู้เลื่อมใสศรัทธาขอและแจกเรื่อยมา
จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิต บรรดาลูกศิษย์เห็นว่าวัตถุมงคลที่ได้รับแจกมาต่างมีประสบการณ์ ประกอบกับเห็นว่าชราภาพมากแล้ว จึงกราบขอให้จัดสร้างพระเครื่องวัตถุมงคล เพื่อไว้เป็นที่ระลึกและแจกให้ผู้ที่มาร่วมทำบุญ

วัตถุมงคลทุกรุ่น ล้วนแต่ได้รับความนิยม
โดยเฉพาะ “พระปิดตาพิมพ์หลังกระดาษสา” สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2481 ถือเป็นวัตถุมงคลยุคต้น กล่าวกันว่ามีมวลสารของหลวงปู่ยิ้มมากที่สุด
ลักษณะเป็นพระปิดตาคลุกรักแล้วจึงจุ่มรักอีกชั้นหนึ่ง ส่วนกระดาษสาเกิดจากเมื่อจุ่มรักแล้ว รักยังไม่แห้ง เมื่อนำมาวางไว้บนกระดาษสา เมื่อแห้งกระดาษสาจึงติดด้านหลังองค์พระ จึงเป็นที่มาของพระปิดตาหลังกระดาษสา จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระปิดตาภควัมบดี ประทับบนฐานเขียง แบบเดียวกับพระปิดตาทั่วไป แต่องค์พระจะดูอวบอ้วนกว่า
ด้านหลัง เรียบมีกระดาษสาติดอยู่ พิมพ์พระไม่มีอักขระยันต์ใดๆ
นอกจากนี้ ยังมี “พระปิดตาพิมพ์แข้งหมอน”
สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2497 ลักษณะเหมือนพระปิดตาเนื้อผงสีขาวอมเหลือง แต่ด้านหลังจะอูมเหมือนเบี้ยจึงเป็นที่มาของชื่อพิมพ์ มีจำนวนสร้างที่น้อยมาก หากนับจากจำนวนพระที่หมุนเวียนอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้มีการจดบันทึกไว้
ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระปิดตาภควัมบดี แบบเดียวกับพระปิดตาทั่วไป องค์พระประทับบนฐานหมอน จึงเป็นที่มาของชื่อพิมพ์ องค์พระจะดูอวบอิ่มมีเอกลักษณ์สวยงาม
ด้านหลัง อูมเหมือนเบี้ย พิมพ์พระไม่มีอักขระยันต์ใดๆ
พระปิดตาพิมพ์หลังกระดาษสา-พิมพ์แข้งหมอน เป็นเครื่องรางพิมพ์มาตรฐาน จัดเป็นเครื่องรางยอดนิยมที่ชาวเมืองกาญจน์นิยมหวงแหนมาก

อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า เหรียญ รัสสุวรรณ เป็นบุตรของชาวไทยเชื้อสายจีน เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2419 ตรงกับวันเสาร์ แรม 7 ค่ำ เดือนยี่ ปีชวด ที่บ้านหนองบัว ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
บิดา-มารดา ชื่อ นายโผ และนางแย้ม รัสสุวรรณ มีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 7 คน
ถึงแม้จะเกิดมาในตระกูลชาวนา-ชาวไร่ มีอาชีพที่เรียกว่าหาเช้ากินค่ำ ต้องช่วยบิดา-มารดา หาเลี้ยงชีพตามวิสัยชาวชนบทในสมัยที่บ้านเมืองยังไม่เจริญรุ่งเรือง
แต่กระนั้น ก็ยังสามารถเสาะแสวงหาความรู้ ด้วยความเอาใจใส่กับวิชาที่เล่าเรียน จนสามารถอ่านออกเขียนได้ มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญยิ่งทั้งภาษาไทย และภาษาขอม เป็นที่พึ่งแก่คนทั่วไป นับได้ว่าควรแก่การสรรเสริญ จากนั้นจึงได้กลับมาช่วยเหลือบิดา-มารดา ทำไร่ไถนา เป็นการแบ่งเบาภาระตามความจำเป็นในยุคนั้น
อายุย่าง 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2440 มีเจ้าอธิการยิ้ม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสิงคิบุรณคณาจารย์ (คง ทองสุด) วัดเทวสังฆาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์อยู่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา “สุวัณณโชติ”
อยู่จำพรรษาอยู่วัดศรีอุปลารามตลอดมา ครั้นมีพรรษาพอสมควร หลวงปู่ยิ้ม ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ มอบกิจการต่างๆ ให้ช่วยดูแล และเป็นพระกรรมวาจาจารย์สวดนาค
ระหว่างที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้พระอุปัชฌาย์และศึกษาวิทยาคมจากหลวงปู่ยิ้มจนหมดสิ้น

เป็นพระนอบน้อมถ่อมตน ไม่ชอบโอ้อวดว่าท่านมีดี ให้เกียรติและยกย่องพระอุปัชฌาย์และศิษย์รุ่นพี่ร่วมสำนักอยู่เสมอ
พ.ศ.2454 หลวงปู่ยิ้ม ถึงแก่มรณภาพลง พระครูวิสุทธิรังษี (เปลี่ยน อินทสโร) วัดชัยชุมพลชนะสงคราม เจ้าคณะจังหวัด พร้อมด้วยพระครูสิงคิบุรคณาจารย์ (สุด) วัดเทวสังฆาราม รองเจ้าคณะจังหวัด ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวสืบมา
ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2458 เป็นเจ้าคณะแขวงเมือง
พ.ศ.2473 เป็นพระอุปัชฌาย์
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2461 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่พระครูนิวิฐสมาจาร
พ.ศ.2490 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ.2496 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระโสภณสมาจาร
มรณภาพอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2503
สิริอายุ 84 ปี พรรษา 63