
คุยกับทูต | แดนนี แอนนัน เดนมาร์กกับเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (2)

ชนัดดา ชินะโยธิน | Chanadda Jinayodhin
รายงานพิเศษ
การเสริมสร้างความเข้มแข็ง
ทางด้านสุขภาพ
สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์กทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศไทยด้วยการผนึกความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและส่งเสริมสุขภาพของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพื่อให้คนไทยและคนรุ่นต่อไปมีการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนระดับโลก
“ความสัมพันธ์ทวิภาคีในการพัฒนาระบบสุขภาพของเรา เป็นไปอย่างเข้มแข็งและก้าวหน้า โดยมีบริษัทเภสัชกรรมและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำของเดนมาร์ก ได้แก่ บริษัท โนโว นอร์ดิสก์ (Novo Nordisk) และบริษัท โคโลพลาสต์ (Coloplast) กำลังให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในการริเริ่มทางด้านสาธารณสุข ตัวอย่างเช่น โครงการ ‘Cities for Better Health’ (CBH) ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมสุขภาพของประชาชนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ร่วมกับกรุงเทพมหานคร มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงระบบบริการสุขภาพเขตเมือง”
นายแดนนี แอนนัน (H.E. Mr. Danny Annan) เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ย้ำว่า
“นวัตกรรมการดูแลสุขภาพของเดนมาร์กผสมผสานในคุณภาพ ความยั่งยืน และความเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นคุณค่าที่เราภูมิใจที่จะแบ่งปันกับประเทศไทย”
เดนมาร์กเป็นประเทศฝั่งยุโรปเหนือ ที่มีชื่อเสียงในด้านการดูแลสุขภาพ หลักการขั้นพื้นฐานของระบบรัฐสวัสดิการของเดนมาร์กคือ การให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในด้านการรักษาพยาบาลและการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นประเทศที่มีความเจริญมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ดูได้จากการจัดอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นในด้านคุณภาพชีวิต ขีดความสามารถในการแข่งขัน ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน ระบบสวัสดิการ หรือความก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็ก แต่มีเทคโนโลยีในด้านอุตสาหกรรมที่ก้าวหน้า มีขีดความสามารถในการผลิตสูงทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด รวมทั้งมีความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีเกษตรและอาหาร
อาทิ ด้านเกษตรอินทรีย์ การบริหารจัดการฟาร์มอัจฉริยะ เกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดการใช้พลังงานในภาคการเกษตร เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออาหารปลอดภัยครบวงจร เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและการแปรรูปอาหาร
จากการจัดอันดับระดับโลกในด้านการแข่งขัน นวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงการจัดการกับปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เดนมาร์กอยู่ในลำดับต้นๆ เสมอ

นวัตกรรมด้านการศึกษา
และการเรียนรู้ของเดนมาร์ก
“ระบบการศึกษาของเดนมาร์กสร้างขึ้นจากความไว้วางใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง เราให้ความสำคัญกับการคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน และการสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงานที่ดี นักเรียนได้รับการสนับสนุนให้ตั้งคำถาม ท้าทายแนวคิด และพัฒนาตนเองให้เป็นนักคิดอิสระ
ประเทศของเรามีมหาวิทยาลัย 7 แห่งที่ติดอันดับโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการอย่างครอบคลุม แต่การศึกษาไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการสอบเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมให้กับพลเมืองเพื่อดำเนินชีวิตในสังคมด้วย”
มหาวิทยาลัยของเดนมาร์ก 7 แห่งติดอันดับโลกตามการจัดอันดับของ Times Higher Education (THE) World University Rankings ปี 2024 มหาวิทยาลัยเหล่านี้ เป็นที่รู้จักในด้านคุณภาพการวิจัย และการสอนที่โดดเด่น การติดอันดับโลกของมหาวิทยาลัยดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเดนมาร์กในการพัฒนาการศึกษาและวิจัยในระดับสูง
ในเดนมาร์ก การศึกษาส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากภาษีและไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียน การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวเดนมาร์ก แม้แต่คนที่สำเร็จการศึกษาแล้วก็ยังลงทะเบียนเรียนหลักสูตรเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาทักษะทางอาชีพหรือทำกิจกรรมตามงานอดิเรก

เพิ่มอายุเกษียณเป็น 70 ปี
สูงสุดในยุโรป
รัฐสภาเดนมาร์กได้ผ่านร่างกฎหมายปรับเพิ่มอายุเกษียณจากปัจจุบันอยู่ที่ 67 ปี เป็นอายุ 70 ปี ภายในปี 2040 ทำให้เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีอายุเกษียณสูงที่สุดในยุโรป
เรื่องนี้เอกอัครราชทูต แอนนัน ชี้แจงว่า
“เนื่องจากอัตราการเกิดต่ำ (1.7 คนต่อผู้หญิง) รัฐบาลจึงตัดสินใจขยายอายุเกษียณเป็น 70 ปีสำหรับผู้ที่เกิดในปี 1971 หรือหลังจากนั้น เพื่อให้แน่ใจว่ามีคนจำนวนมากพอที่จะอยู่ในตลาดแรงงาน แม้ว่าจะไม่ใช่การบังคับให้ทำงานจนถึงอายุนั้น แต่เงินบำนาญของรัฐแบบเต็มจำนวนก็จำเป็นต้องได้รับ ซึ่งการปรับอายุเกษียณนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการจัดการแรงงานและระบบบำนาญที่ตอบสนองต่ออายุขัยที่ยืนยาวขึ้นของประชากร
เปรียบเทียบเรื่องนี้กับอัตราการเกิดของประเทศไทยที่ต่ำกว่าและความจำเป็นในการใช้มาตรการที่คล้ายคลึงกันในการขยายอายุเกษียณราชการ”
ปัจจุบันประเทศไทยกําลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว การเกิดใหม่ของประชากรลดลง ทําให้เกิดการขาดความต่อเนื่องของกําลังคน ภาครัฐ ระบบราชการไทยจึงประสบปัญหาในการหาบุคลากรมาทดแทนในตําแหน่งที่มีการเกษียณอายุราชการ โดยเฉพาะสายงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งต้องมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน ซึ่งข้าราชการรุ่นต่อมายังคงต้องใช้เวลาในการสั่งสมความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ให้เพียงพอก่อน จึงจะทดแทนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวคิดการขยายอายุเกษียณราชการจึงเป็นแนวคิดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นวิธีการหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวได้
ซึ่งแนวคิดการขยายอายุเกษียณราชการ ถือว่าเป็นก้าวสําคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบเกษียณอายุราชการของระบบราชการไทย

สถานเอกอัครราชทูตกลุ่มนอร์ดิกในกรุงเทพฯ ร่วมกันเฉลิมฉลองวันนอร์ดิก 2025

วันนอร์ดิก (Nordic Day)
เมื่อเราพูดถึง -นอร์ดิก- หรือกลุ่มประเทศแถบยุโรปเหนือทั้ง 5 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย นอร์เวย์ ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ เดนมาร์ก และสวีเดน แน่นอนว่า 5 รายชื่อนี้เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ ตามข่าวการจัดอันดับโลกหัวข้อต่างๆ และหนีไม่พ้นตำแหน่ง กลุ่มประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก
สำหรับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ภาพที่มักปรากฏให้เห็นก็จะเป็นสังคมที่มีคุณภาพชีวิตสูง มีความเสมอภาค และระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่ง
วันนอร์ดิก ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในวันที่ 23 มีนาคม เป็นการรำลึกถึงความร่วมมือในภูมิภาคที่ยั่งยืนระหว่างประเทศในกลุ่มนอร์ดิก โดยเป็นวันครบรอบการลงนามสนธิสัญญาเฮลซิงกิ ( Helsinki Treaty) ปี 1962 ซึ่งเป็นเอกสารพื้นฐานสำหรับความร่วมมือของกลุ่มนอร์ดิก
“วันนอร์ดิก คือวันเฉลิมฉลองเอกลักษณ์และความร่วมมือร่วมกันของเราในเดนมาร์ก สวีเดน นอร์เวย์ ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ สิ่งที่ทำให้เรากลุ่มประเทศนอร์ดิกมีความโดดเด่น คือความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งของเราที่มีต่อประชาธิปไตย ความเท่าเทียมทางเพศ สวัสดิการสังคม และความยั่งยืน
เราให้ความสำคัญกับการเปิดกว้าง ความไว้วางใจ และความครอบคลุม คุณค่าเหล่านี้ได้หล่อหลอมสังคมที่ผู้คนรู้สึกปลอดภัย ได้รับการสนับสนุน และมีอำนาจ ซึ่งบางคนเรียกว่า ตัวแบบนอร์ดิก (Nordic Model)”


เอกอัครราชทูตแดนนี แอนนัน กล่าวถึงจุดยืนของเดนมาร์กเกี่ยวกับยูเครน
“เดนมาร์กยืนหยัดเคียงข้างยูเครนอย่างมั่นคง เราสนับสนุนอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน และเชื่อมั่นในระเบียบระหว่างประเทศที่อิงกฎเกณฑ์
เพราะการรุกรานไม่ควรได้รับการตอบแทน การต่อสู้ของยูเครนไม่ใช่เพียงเฉพาะพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับการยึดมั่นในค่านิยมของเสรีภาพ ประชาธิปไตย และสันติภาพในยุโรป รวมถึงในที่แห่งอื่น
เดนมาร์กถือว่ายูเครนเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ยูเครนถือว่าเดนมาร์กเป็นหุ้นส่วนหลักในภูมิภาคยุโรปเหนือ และเป็นผู้สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันภายในสหภาพยุโรปและนาโต”