

| สุจิตต์ วงษ์เทศ
จีนให้ความสำคัญต่อสยาม (ลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง) เพื่อควบคุมเส้นทางการค้าตะวันออก-ตะวันตก ด้วยการขนสินค้าข้ามคาบสมทุร จึงมีการติดต่อกับสยามถี่ขึ้นเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ช่วงเวลาเดียวกัน ตามที่พบหลักฐานในเอกสารจีนเมื่อมากกว่า 700 ปีมาแล้ว ตั้งแต่เรือน พ.ศ.1800
ช่องแคบมะละกา (อยู่ปลายแผ่นดินคาบสมุทรสุวรรณภูมิ) เป็นที่รู้จักทั่วไปของนักเดินเรือทะเลสมุทรมากกว่า 700 ปีมาแล้ว ว่าเป็นเส้นทางเดินเรืออันตรายมากๆ ดังนี้
(1.) ลมพายุแรงจัด คลื่นมหึมา (2.) โจรสลัดชุกชุมคอยปล้นสะดมไม่ละเว้น และ (3.) ใช้เวลาเดินทางนานมากกว่าจะถึงอินเดีย, ลังกา ทำให้ไป-กลับจีนไม่สอดคล้องลมมรสุม
ดังนั้น นักเดินเรือสมัยโบราณพากันหลีกเลี่ยงช่องแคบมะละกาไปใช้เส้นทางบกขนสินค้าข้ามคาบสมุทร ทำให้จีนหนุนสยามควบคุมเส้นทางการค้าตะวันออก-ตะวันตกโดยข้ามคาบสมุทรสุวรรณภูมิ
ในที่สุดส่งผลให้อยุธยาเป็นชุมทางการค้านานาชาติเพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าจากจีน
คาบสมุทรสุวรรณภูมิ
แผ่นดินใหญ่สุวรรณภูมิ มีส่วนปลายด้านทิศใต้เป็นแผ่นดินทอดยาวยื่นลงไปในมหาสมุทร เรียก คาบสมุทรสุวรรณภูมิ จึงมีทะเลขนาบ 2 ด้าน คือ ทะเลจีนกับทะเลอันดามัน และมีลมมรสุมพัดผ่านซึ่งมีประโยชน์มากต่อการเดินเรือทะเล ราว 700 ปีมาแล้ว
เส้นทางบกข้ามคาบสมุทร จากทะเลจีน อ่าวไทย (มหาสมุทรแปซิฟิก) ไปท่าเรือทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล (มหาสมุทรอินเดีย) มีบรรดาพ่อค้าจากอินเดีย, จีน และอื่นๆ ขนสินค้าข้ามไปมาเสมอๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา ดังนี้
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ (ฤดูหนาวของสยาม) พัดจากจีนไปสยาม เริ่มราวกลางเดือนตุลาคม-กลางเดือนกุมภาพันธ์ (ต่อเนื่องมีนาคม) เหมาะสำหรับแล่นสำเภาจากจีนไปสยาม
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ฤดูฝนของสยาม) พัดจากสยามไปจีน เริ่มราวกลางเดือนพฤษภาคม-ปลายเดือนกันยายน เหมาะสำหรับแล่นเรือสำเภาจากสยามกลับจีน
ช่วงว่าง 2 เดือน มีนาคม, เมษายน เป็นเวลาทำธุรกิจคั่งค้างและซ่อมเรือที่ชำรุดให้สมบูรณ์เพื่อแล่นกลับจีน
ท่าเรือ ที่สำคัญเป็นที่รู้จักกว้างขวางบริเวณคาบสมุทร มี 2 ฟากมหาสมุทร ได้แก่ ชุมพร, นครศรีธรรมราช, สงขลา, ปัตตานี, ตรัง, ตะกั่วป่า, ระนอง (คอคอดกระ) ฯลฯ
เส้นทางสำคัญ มี 2 เส้นทาง ได้แก่ ช่องสิงขร บริเวณประจวบคีรีขันธ์ ผ่านช่องเขาไปเมืองตะนาวศรี, เมืองมะริด และช่องเขาสามแก้ว ไประนอง
ไทยในเอกสารจีน
เอกสารจีนระบุชื่อบ้านเมืองเกี่ยวข้องประวัติศาสตร์ไทย ที่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อน ดังนี้
หลอหู หมายถึง เมืองละโว้ (ลพบุรี) ลุ่มน้ำป่าสัก-ลพบุรี
เสียน หมายถึง สยาม คือ เมืองสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี) ลุ่มน้ำท่าจีน-แม่กลอง
ซู่กู่ไถ หมายถึง เมืองสุโขทัย ลุ่มน้ำยม-น่าน
ปี้ชาปู้หลี หมายถึง เมืองเพชรบุรี ลุ่มน้ำเพชรบุรี
ก่อนหน้านี้นักปราชญ์และนักค้นคว้าเคยเข้าใจว่า “เสียน” (ในจดหมายเหตุจีน) หมายถึงสยาม คือเมืองสุโขทัย
แต่หลังจากนั้นนักวิชาการพบหลักฐานว่า “เสียน” (ในจดหมายเหตุจีน) หมายถึงสยาม คือเมืองสุพรรณภูมิ (มีศูนย์กลางอยู่สุพรรณบุรี) ซึ่งไม่ใช่สุโขทัย เพราะถ้าจะหมายถึงสุโขทัยในเอกสารจีนระบุตรงๆ ทับศัพท์ว่าตามสำเนียงจีน “ซู่กู่ไถ”

[ลายเส้นจากภาพถ่ายในหนังสือของอองรี มูโอต์ นักสำรวจและนักธรรมชาติวิทยา ชาวฝรั่งเศส ซึ่งเดินทางเข้ามาสำรวจดินแดนสยาม ลาว และกัมพูชา แผ่นดิน ร.4 พ.ศ.2401-2404 จากหนังสือ Travels in Siam Cambodia and Laos 1858-1860, Oxford University Press, 1989.]
อโยธยา-อยุธยา
การค้าทางทะเลกับจีนเติบโตมั่งคั่งอย่างยิ่ง ทำให้สยามกับละโว้ร่วมกันสถาปนาเมืองอโยธยาเพื่อค้ากับจีนได้สะดวกกว่าเดิม บริเวณชุมทางแม่น้ำ 3 สาย คือ เจ้าพระยา, ป่าสัก, ลพบุรี
พ่อค้าจีนรวมตัวกันตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่บริเวณชุมทางแม่น้ำเรียกบางกะจะ ต่อมาได้สร้างวัดแล้วบูรณปฏิสังขรณ์ให้มีขนาดใหญ่โตตามวัฒนธรรมจีน เรียกวัดพนัญเชิง
โรคระบาด ต่อมาอโยธยามีโรคระบาด คือ กาฬโรค (Black Death) ผู้คนล้มตายมาก
แก้อาถรรพ์ สังคมครั้งนั้นเชื่อว่าโรคระบาดเป็นการกระทำของ “ผีห่า” ต้องแก้ไขด้วยการเลี้ยงผีล้างอาถรรพ์ แล้วย้ายศูนย์กลางอำนาจจากอโยธยาไปสร้างใหม่บริเวณหนองโสน โดยสถาปนาชื่อใหม่ว่า “อยุธยา”
ความขัดแย้ง
กษัตริย์องค์แรกของอยุธยาสืบจากกษัตริย์องค์สุดท้ายของอโยธยา หลังจากนั้นผลัดกันขึ้นเป็นใหญ่ในอยุธยาระหว่างวงศ์ละโว้-อโยธยา กับวงศ์สยาม-สุพรรณภูมิ แล้วเกิดความขัดแย้งทางการเมือง ดังนี้
1. พระรามาธิบดี (ละโว้-อโยธยา พ.ศ.1893-1912)
2. พระราเมศวร (ครั้งที่ 1) (ละโว้-อโยธยา พ.ศ.1912-1913)
ขุนหลวงพระงั่วยกกำลังเมืองสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี) ชิงอำนาจจากพระราเมศวร แล้วขึ้นเสวยราชย์เป็นกษัตริย์อยุธยา พระนามบรมราชาที่ 1 [ทางเมืองสุพรรณภูมิ มอบให้เจ้านครอินทร์ (โอรส) เป็นกษัตริย์]
ส่วนพระราเมศวรไปครองเมืองละโว้ (ลพบุรี) ขึ้นกับอยุธยา
3. พระบรมราชาที่ 1 (สยาม-สุพรรณ พ.ศ.1913-1931)
4. พระเจ้าทองลัน (สยาม-สุพรรณ พ.ศ.1931-?)
พระราเมศวรยกจากละโว้สำเร็จโทษพระเจ้าทองลัน แล้วขึ้นเสวยราชย์ (ครั้งที่ 2) เป็นกษัตริย์อยุธยา
5. พระราเมศวร (ครั้งที่ 2) (ละโว้-อโยธยา พ.ศ.1931-1938)
6. พระรามราชา (ละโว้-อโยธยา พ.ศ.1938-1952)
เจ้านครอินทร์ (ด้วยการอุดหนุนอย่างแข็งแรงจากจีน) ชิงอำนาจจากพระรามราชา แล้วขึ้นเสวยราชย์เป็นกษัตริย์อยุธยา
7. เจ้านครอินทร์ (สยาม-สุพรรณ พ.ศ.1952-1967)
จีนหนุนเจ้านครอินทร์ยึดอำนาจครองอยุธยา เท่ากับจีนหนุนสยามควบคุมเส้นทางข้ามคาบสมุทรสุวรรณภูมิ แล้วผลักดันอยุธยาเป็นชุมทางการค้านานาชาติจนมั่งคั่งแล้วได้รับยกย่องจากยุโรปว่าเป็น “ราชอาณาจักรสยาม” ซึ่งนับเป็นอาณาจักรสยามแห่งแรกของไทย