
คุยกับทูต | โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (1) ครบรอบ 249 ปี วันประกาศอิสรภาพสหรัฐ

รายงานพิเศษ | ชนัดดา ชินะโยธิน
งานเลี้ยงรับรองวันประกาศอิสรภาพของสหรัฐครบรอบ 249 ปี หรือวันชาติสหรัฐในปีนี้ ได้ฉลองล่วงหน้าไปแล้วเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีนายกรัฐมนตรีและผู้มีเกียรติจากหลายวงการเข้าร่วมงาน ซึ่งเป็นการจัดขึ้นก่อนวันฉลองจริงในวันที่ 4 กรกฎาคม
ในโอกาสอันสำคัญนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (H.E. Mr. Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ปลีกตัวมาชี้แจงในประเด็นสำคัญ อาทิ

ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
“สหรัฐติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและก็จะติดตามต่อไป โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหาทางออกได้อย่างสันติด้วยการยึดมั่นแนวทางปฏิบัติทางการทูตโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะประเด็นนี้มีความสำคัญไม่ใช่เฉพาะต่อไทยและกัมพูชา แต่ยังส่งผลต่อภูมิภาคและสหรัฐด้วย”
มาตรการเรื่องการขอวีซ่านักเรียนนักศึกษาสำหรับคนไทย
“ผมขอยืนยันว่าสหรัฐต้อนรับนักเรียนนักศึกษาจากประเทศไทยเสมอ สำหรับผู้ยื่นคำขอวีซ่า โปรดอย่ากังวล ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน”
“ส่วนการตรวจสอบข้อมูลในโซเชียลมีเดียนั้น เป็นหนึ่งในกระบวนการอยู่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อปกป้องสหรัฐและประชาชนชาวอเมริกัน ซึ่งประเทศอื่นนอกเหนือจากสหรัฐก็มีมาตรการเข้มงวดเช่นกัน เพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ”
“อย่างไรก็ตาม ผมขอสนับสนุนให้นักเรียนนักศึกษาจากไทยและจากทั่วโลกในการเลือกเดินทางไปศึกษาต่อในสหรัฐ”

ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐได้ลงหลักปักฐานมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่มีการทำสนธิสัญญาไมตรีและการพาณิชย์ (Treaty of Amity and Commerce) ในปี พ.ศ.2376 (1833) ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็กสัน (ประธานาธิบดีคนที่ 7 ของสหรัฐ) สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่สยามทำกับสหรัฐ และยังเป็นฉบับแรกที่ประเทศในทวีปเอเชียทำกับสหรัฐด้วย
สยามจึงเป็นประเทศแรกในเอเชียที่จัดทำสนธิสัญญากับสหรัฐ และถือเป็นการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ จนมาถึงวันนี้ ก็ผ่านวันเวลามาแล้วกว่า 190 ปี
ส่วนแง่มุมที่คุ้มค่าที่สุดในการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสำคัญอย่างวันประกาศอิสรภาพนั้น เอกอัครราชทูตสหรัฐกล่าวว่า “ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมากที่ได้เป็นตัวแทนของสหรัฐในประเทศไทย ช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ ผมได้เรียนรู้จากคนไทยทั่วประเทศ รู้สึกประทับใจที่ได้เห็นว่าเรามีหลายสิ่งเหมือนกัน ชาวไทยและชาวอเมริกันมีความคล้ายคลึงกัน เรามีความฝัน ความหวัง และค่านิยมที่เหมือนกัน”
“ชาวอเมริกันให้ความเคารพและชื่นชมความมุ่งมั่นของคนไทยในการเสริมสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย มั่งคั่งและมั่นคง เราต่างเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันและเป็นหุ้นส่วนที่ยืนยง และเมื่อเราอยู่ด้วยกัน เราจะแข็งแกร่งขึ้นเสมอ”

ความหมายของวันประกาศอิสรภาพในส่วนบุคคล
“ชาวอเมริกันเฉลิมฉลองวันประกาศอิสรภาพทุกปีในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันที่ครอบครัวชาวอเมริกันทั่วประเทศเฉลิมฉลองด้วยการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การปิกนิก การจุดดอกไม้ไฟ การสังสรรค์ในครอบครัวและชุมชน และเราสนุกสนานกัน”
“ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ผมชอบฉลองวันประกาศอิสรภาพกับครอบครัวและเพื่อนๆ ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม และการได้ฉลองวันประกาศอิสรภาพในประเทศไทย กับคุณลอรี ภรรยาของผมในช่วงสามปีที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องที่พิเศษมาก”
สำหรับความหมายของวันประกาศอิสรภาพโดยรวมนั้น
“แน่นอนว่า วันนี้ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น เนื่องจากในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2319 (1776) บิดาผู้ก่อตั้งประเทศได้ประกาศให้อาณานิคมทั้ง 13 แห่งในอเมริกาเป็นอิสระ ผ่าน ‘คำประกาศอิสรภาพ’ ซึ่งกล่าวถึงสิทธิที่ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ ซึ่งเราทุกคนมีร่วมกันอย่างชัดแจ้ง รวมถึงชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความสุข”
“คำประกาศดังกล่าวเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเราต่อเสรีภาพ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม และหลักนิติธรรม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับชาวอเมริกัน และยังรวมถึงผู้คนทุกแห่งหนที่แบ่งปันความเชื่อในหลักการของคำประกาศนี้ด้วย”

ส่วนแนวทางของสหรัฐในการร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เพื่อส่งเสริมค่านิยมร่วมกันและแก้ไขปัญหาโลกนั้น เอกอัครราชทูตสหรัฐกล่าวว่า
“สหรัฐให้ความสำคัญกับพันธมิตร และประเทศไทยก็เป็นพันธมิตรที่สำคัญสำหรับเรา เราทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับความท้าทายในภูมิภาคและมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ร่วมกันสร้างอนาคตที่ปลอดภัย แข็งแกร่ง และเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นสำหรับคนไทย คนอเมริกัน และผู้คนทั่วโลก”
“แม้ว่านโยบายต่างประเทศของเราจะให้ความสำคัญกับอเมริกาต้องมาก่อน (America First) แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับอเมริกาเพียงผู้เดียว (not America Alone)”
สำหรับการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องยิ่งขึ้นนั้น
“สหรัฐอเมริกายืนยันความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือและพันธมิตรกับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป เราได้บรรลุความสำเร็จมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมาในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงร่วมกัน”
“ในวันข้างหน้า เราสามารถทำได้มากกว่านี้อีก ทั้งในด้านการศึกษา สุขภาพ เทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ พลังงาน และอื่นๆ อีกมากมาย และจะไม่มีขีดจำกัดว่าเราจะบรรลุสิ่งใดได้บ้างหากเราทำงานร่วมกัน”
ดังนั้น การทำงานร่วมกันจึงเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดและบรรลุสิ่งที่เป็นไปไม่ได้