
บทเรียน ‘ร้อนๆ’ จากศึกสโมสรโลก โจทย์ยากก่อน ‘เวิลด์คัพ 2026’

TECHNICAL TIME-OUT | SearchSri
กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์รวมถึงตั้งคำถามสำหรับความเหมาะสมในการเป็นเจ้าภาพร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 ของสหรัฐอเมริกา หลังจากศึก ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ซึ่งสหรัฐเป็นเจ้าภาพมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน เป็นไปอย่างทุลักทุเลในหลายนัด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง
หนักข้อที่สุดคือผลกระทบจากคลื่นความร้อนทั่วสหรัฐที่ทำให้ต้องใช้กฎ “คูลลิ่งเบรก” หยุดเกมครึ่งเวลาละ 1 ครั้ง เหมือนกับเมื่อคราวฟุตบอลโลกที่กาตาร์เมื่อปี 2022
เนื่องด้วยเกมเตะต้องปรับเวลาให้เหมาะสมกับการถ่ายทอดสดไปยังฝั่งยุโรปและเอเชียซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าหลักของวงการลูกหนัง ทำให้เกมคลับเวิลด์คัพต้องฟาดแข้งกันในช่วงเที่ยงหรือบ่ายตามเวลาท้องถิ่นเสียเป็นส่วนใหญ่
อุณหภูมิระหว่างเกมหลายนัดไม่ต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส ถึงขั้น นิโก้ โควัช กุนซือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ตัดพ้อว่าไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน กับการที่ต้องสั่งให้นักเตะตัวสำรองไปชมเกมจากห้องแต่งตัว ไม่มานั่งข้างสนามในช่วงครึ่งแรก เพื่อเลี่ยงอากาศร้อนจัดจนเหงื่อท่วมเหมือนอยู่ในเซาน่า
ขณะที่โค้ชของหลายๆ ทีมก็บอกว่า การคุมซ้อมช่วงกลางวันเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากอากาศร้อนจัดส่งผลให้นักเตะล้า
สหภาพนักฟุตบอลอาชีพ (ฟิฟโปร) ออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงโดยระบุว่า ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนทำให้สภาพอากาศในหลายพื้นที่เป็นไปอย่างสุดโต่ง โดยเฉพาะคลื่นความร้อนที่เข้าขั้นอันตราย การให้นักเตะลงแข่งขันภายใต้สภาพอากาศเช่นนี้อาจส่งผลกระทบรุนแรงกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักฟุตบอล
พร้อมเรียกร้องให้ปรับเปลี่ยนเวลาเตะ รวมไปถึงการปรับมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยใหม่โดยคำนึงถึงสุขภาพของนักเตะเป็นสำคัญ

อีกเรื่องที่กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกในครั้งนี้ คือ ผลกระทบจากพายุฤดูร้อนซึ่งทำให้เกมเตะต้องขยับเวลาแข่งขันหรือหยุดแข่งกลางคันเป็นการชั่วคราว
กรณีที่ปั่นป่วนที่สุดคือเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่าง เชลซี กับ เบนฟิก้า ที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา โดยขณะที่เกมดำเนินไปถึงนาทีที่ 85 กรรมการและฝ่ายจัดได้สั่งหยุดเกม และให้นักเตะกับสตาฟฟ์โค้ชทั้ง 2 ฝั่งกลับเข้าห้องแต่งตัว ท่ามกลางการประท้วงของฝั่งเชลซี เนื่องจากขณะนั้นทีมนำอยู่ 1-0 เหลือเวลาอีกไม่มากก็จะจบเกมแล้ว
แต่กลายเป็นว่าทุกคนต้องรอในห้องแต่งตัว ขณะที่แฟนๆ ถูกต้อนเข้าไปในตัวอาคาร เกมเบรกไปราว 2 ชั่วโมงจึงกลับมาแข่งต่อ กลายเป็นเบนฟิก้าได้จุดโทษตีเสมอ ต้องต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่เชลซีจะชนะ 4-1 โดยที่เกมจบลงในเวลาตีหนึ่ง 39 นาทีช่วงเช้ามืดวันรุ่งขึ้นตามเวลาท้องถิ่น
ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยของสหรัฐระบุว่า หากตรวจพบพายุฝนฟ้าคะนองในรัศมี 8 ไมล์จากสนามแข่งขัน ผู้รับผิดชอบต้องให้นักกีฬา สตาฟฟ์โค้ช เจ้าหน้าที่ และแฟนๆ เข้าไปในตัวอาคารจนกว่าจะแน่ใจว่าสถานการณ์ปลอดภัยแล้ว
งานนี้ทำเอา เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือสิงห์บลูส์ถึงกับบ่นอุบว่า เข้าใจดีว่าต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก แต่การหยุดเกมไปนานขนาดนี้แล้วกลับมาแข่งใหม่ไม่ใช่กีฬาฟุตบอลที่เขาเคยพบเคยเห็น และถ้ามีหลายแมตช์ที่เกมต้องหยุดชะงักหรือล่าช้าเพราะปัญหานี้ในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ในทัวร์นาเมนต์เดียว บางทีก็ต้องกลับมาคิดแล้วว่าสถานที่นี้เหมาะกับการเป็นเจ้าภาพมากน้อยขนาดไหน
ประเด็นนี้ชวนให้มองไกลไปถึงศึกฟุตบอลโลก 2026 ในปีหน้า ซึ่งสหรัฐอเมริกาจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับแคนาดาและเม็กซิโก โดยกำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน-19 กรกฎาคม 2026 เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับปีนี้

ดร.คริส ไทเลอร์ นักสรีรวิทยาสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยโรแฮมป์ตัน แสดงทรรศนะว่า ศึกชิงแชมป์สโมสรโลกครั้งนี้เป็นตัวอย่างสำหรับนักเตะแต่ละชาติที่จะเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกในปีหน้า เพราะเชื่อว่าด้วยข้อจำกัดเรื่องเวลาการถ่ายทอดสด คงจะมีโปรแกรมเตะในช่วงเวลาเดียวกันนี้อีกหลายนัด และสภาพอากาศร้อนจัดจะเป็นอุปสรรคใหญ่ของทัวร์นาเมนต์
ขณะที่ ศ.ไมก์ ทิปตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านผลกระทบจากอุณหภูมิร้อนจัดที่มีต่อร่างกาย จากมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัธ ชี้ว่า ฟีฟ่าและฝ่ายจัดฟุตบอลโลก 2026 ถ้าเลือกได้ตนคงแนะนำให้เตะในสนามที่ปิดหลังคาได้เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือย้ายโปรแกรมเตะไปช่วงอื่นของปีที่อากาศเย็นกว่านี้
แต่ในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ควรเปลี่ยนแปลงเวลาเตะ เลือกช่วงเวลาของวันที่อากาศเย็นกว่าช่วงเที่ยงบ่ายอย่างนี้ เช่น ขยับไปในช่วงเช้าแทน แต่ก็เข้าใจว่ามีข้อจำกัดเรื่องอื่น เช่น การจะให้แฟนบอลหลายหมื่นคนเดินทางไปสนามตั้งแต่เช้าคงเป็นเรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม ศ.ทิปตันย้ำว่า อากาศร้อนขนาดนี้ไม่ได้เสี่ยงแค่นักเตะ แต่ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่และผู้ชมด้วย ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เตือนว่าไม่ควรทำ แต่ถ้ายังฝืนทำ ฝ่ายจัดและฟีฟ่าก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ
ขณะที่สื่อย้อนเวลาไปเมื่อครั้งสหรัฐเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกหนก่อนเมื่อปี 1994 ตอนนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่รอบชิงเวิลด์คัพเตะกันในเวลากลางวัน โดยแข่งขันกันที่เมืองพาซาเดน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีแฟนบอลหลั่งไหลเข้าไปชมเกมระหว่างบราซิลกับอิตาลีกว่า 90,000 คน ท่ามกลางอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงถึง 37.8 องศาเซลเซียส
ฟุตบอลโลกปีหน้าเพิ่มทีมจาก 32 เป็น 48 ทีม หมายถึงจำนวนเกมเตะที่เพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องยากที่จะเลี่ยงเวลาคิกออฟในช่วงอากาศร้อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเงื่อนไขเรื่องเวลาถ่ายทอดสดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ลงทุนไปมหาศาล ย่อมไม่ต้องการเกมซึ่งถ่ายทอดในช่วงเวลาที่คนไม่สะดวกจะดู
หลังจากนี้เหลือเวลาอีก 1 ปีพอดิบพอดีก่อนฟุตบอลโลกจะเปิดฉาก ถือเป็นโจทย์ยากที่ฟีฟ่าและฝ่ายจัดต้องหาทางผ่อนหนักเป็นเบาเพื่อรับมือสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้น
ดังที่มีคนบอกไว้ว่า ถ้าคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง สามารถเลือกวิธีแก้ได้ง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่พอมีเงื่อนไขและองค์ประกอบอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรๆ จึงซับซ้อนขึ้นเยอะ
…อยู่ที่ว่าจะหาจุดลงตัวได้ตรงไหน