

ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน
สูตรปรับคณะรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง 2”
สูตรปรับคณะรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง 2” หลังพรรค “ภูมิใจไทย” โหนกระแส “ฮุน เซน” ประกาศขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล อ้างว่าการสนทนากระทบต่ออธิปไตย ทำให้ประเทศเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ จึงไม่ขอร่วมสังฆกรรมอีกต่อไป
ทำให้ฐานเสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำ จาก 325 เสียงจากช่วงลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณ เมื่อหายไป 69 ที่นั่ง เหลือ 256 เสียง จากแนวร่วมหน้าเดิม คือ “เพื่อไทย-รวมไทยสร้างชาติ-กล้าธรรม-ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา-ประชาชาติ-ชาติพัฒนา-ไทยรวมพลัง-ประชาธิปไตยใหม่” แต่พออาศัย เมื่อไม่ได้ 5 เสียงจากไทยสร้างไทยมาเป็นแนวร่วม บวกกับเก็บตกพรรคขนาดเล็กได้อีกบางส่วน ฐานที่มั่นใหม่ 262 ที่นั่งตามหลักคณิตศาสตร์ถือว่าสุ่มเสี่ยง เกินครึ่งจากจำนวนเต็ม 495 อยู่ประมาณ 14 ที่นั่ง
แต่ดังที่บอกว่า การไขก๊อกของ “ภูมิใจไทย” ในทางการเมืองสะดุดตาสง่างามทุกมุมมอง 9 ตำแหน่ง 8 ที่นั่งที่ว่างลง ล่อตะเข้ก่อกิเลสให้ทุกพรรคอยากได้ “เพื่อไทย” เลยมีหมากสำรองหลายชั้น พลิกสถานการณ์จากตกเป็นรองกลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ และเชื่อหัวเณรเรืองได้ว่า พอผ่านขั้นตอนฟอร์มรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง 2” สำเร็จยังสามารถ “ดูดงูเห่า” ได้อีกล็อตใหญ่
เหนือสิ่งอื่นใด ฟ้าหลังฝนจะสดใสสำหรับรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ คือกรณี “ค้างท่อ 44 ส.ส.ก้าวไกล” ที่ร่วมกันเสนอ ร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชนจำนวน 5 ฉบับ รวมถึงร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อประธานสภา ซึ่งต่อมา “นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร” ทนายอิสระ ร้องต่ออัยการสูงสุดว่าการกระทำของ 44 ส.ส.ดังกล่าว อาจเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
และต่อมา “นายธีรยุทธ” ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็รับคำร้องไว้พิจารณา และศาลฯ มีคำสั่ง “ยุบพรรคก้าวไกล”
คำวินิจฉัยนี้กลายเป็นมูลเหตุทางกฎหมายในการใช้พิจารณาถอดถอน ส.ส. 44 คน ซึ่งเจ้ากรรมนายเวรคนเดิมได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบ “และเอาผิดทางจริยธรรม” ต่อ ส.ส.พรรคก้าวไกล 44 คนว่า ร่วมกันฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่
ในจำนวน 44 คนของ ส.ส.ก้าวไกล แบ่งออกเป็น 3 กอง “กลุ่มที่หนึ่ง” บุคคลที่ยังดำรงสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในขณะนี้ จำนวน 25 คน ระดับเบอร์ต้นๆ ทั้งสิ้น อาทิ “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน “น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล” – นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล- นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร- นายรังสิมันต์ โรม ฯ” เป็นต้น
“กลุ่มที่สอง” บุคคลที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน จำนวน 11 คน “กลุ่มที่สาม” บุคคลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี จากคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งหมดเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคจำนวน 8 คน เช่น “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ – เบญจา แสงจันทร์- อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล”
จำนวนทั้งหมด 44 คน หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จะทำให้ ส.ส.ที่มีอยู่ในสภาจำนวนลดลงอีก 25 คน ซึ่งกระทบต่อฐานเสียงของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน “พรรคประชาชน” สะเทือนหนัก ส.ส. 142 คน จะเหลือ 117 คน
ซึ่งล่าสุด “นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ” เลขาธิการ ป.ป.ช. ระบุว่า ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้ดำเนินการชี้แจงข้อกล่าวหามาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอองค์คณะพิจารณาคำร้องขอต่างๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหาใช้ประกอบการชี้แจงมาว่าจะให้องค์คณะเรียกพยานหลักฐานอะไรมาประกอบการพิจารณาหรือไม่ เมื่อรวบรวมข้อมูลได้ครบถ้วน จะสรุปจำนวนเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาต่อไป กรอบเวลาขึ้นอยู่กับสำนวน
เรียกได้ว่า คดีของ 44 ส.ส.ก้าวไกลเดิมงวดเข้ามามากแล้ว น่าจะสะเด็ดน้ำในไม่กี่วันข้างหน้า
ประเด็นมันมีอยู่ว่า “กลุ่มที่หนึ่ง” จำนวน 25 คน ที่เป็น ส.ส.พรรคประชาชน แยกย่อยซอยเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 17 คน เขตเลือกตั้ง 8 คน จะมีผลต่อฐานเสียงระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านมากมิใช่น้อย
โดยเขตเลือกตั้งหากโดนสอย 8 คน สามารถลงเลือกตั้งซ่อม และพรรคประชาชนอาจชิงพื้นที่กลับมาได้ทั้งหมด
แต่บัญชีรายชื่อจำนวน 17 คนที่หายไปไม่สามารถขยับบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปมาเพิ่มได้เพราะพรรคก้าวไกลถูกยุบไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่พรรคประชาชนต้นสังกัดใหม่ ไม่มีบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนมี ส.ส. 142 คน ถูกตัดสิทธิ์หายไป 17 คน แน่นอนตายตัว เหลือ 125 ที่นั่ง โดย 8 เขตที่จะเลือกตั้งซ่อมชิงพื้นที่มาได้ทั้งหมด
ดังนั้น หากพรรคประชาชนเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองซ้ำซ้อนอีกครั้ง ตัวแปรทางการเมืองจะพลิกผัน ฝ่ายรัฐบาลมีฐานเสียง 262 เสียง ฝ่ายค้านยอดจะเหลือเพียง 216 เสียง จากของเดิม 233 ที่นั่ง
เหนือสิ่งอื่นใด ยอด ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรจะเหลือเพียง 478 ที่นั่ง ครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรจะเหลือเพียง 239 เสียง
รัฐบาล “แพทองธาร 2” มีฐานเสียง 262 ที่นั่ง เกินครึ่งหนึ่ง 23 ที่นั่ง “งูเห่า” พร้อมจะเลื้อยลงรูอีกเพียบ หาก 44 ส.ส.พรรคประชาชนโดนสอย
ปัญหาของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจที่ตกต่ำมากฟื้นตัวที่ “สมการทางการเมือง” เอื้อประโยชน์ให้ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าทำไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมัน

44 ส.ส.ก้าวไกล-ประชาชน
ส่อหมดสิทธิ์ทางการเมือง
รายชื่ออดีต 44 สส.ก้าวไกล
น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน
นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์
นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์
นายจรัส คุ้มไข่น้ำ
นายศักดินัย นุ่มหนู
นายวุฒินันท์ บุญชู
นายธีรัจชัย พันธุมาศ
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล
นายนิติพล ผิวเหมาะ
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล
นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม
นายวรภพ วิริยะโรจน์
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
นายคำพอง เทพาคำ
นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์
นายองค์การ ชัยบุตร
นายมานพ คีรีภูวดล
นายวาโย อัศวรุ่งเรือง
น.ส.วรรณวิภา ไม้สน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ
นายรังสิมันต์ โรม
นายสุรวาท ทองบุ
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์
นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี
น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา
นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์
นายทองแดง เบ็ญจะปัก
พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์
นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ
นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์
นายทวีศักดิ์ ทักษิณ แบะ
นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
น.ส.เบญจา แสงจันทร์
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์
นายสุเทพ อู่อ้น
นายอภิชาติ ศิริสุนทร
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา
นายสมชาย ฝั่งชลจิตร