เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

ยุทธการ 22 สิงหา : จังหวะก้าว ตุลาการภิวัฒน์ จังหวะยุบ ‘พลังประชาชน’

15.05.2024

นับแต่พรรคพลังประชาชนมีมติเลือก นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี “แทน” นายสมัคร สุนทรเวช

การตั้งรับและถอยในทางการเมืองก็เด่นชัด

ปัญหามิได้มาจากกลุ่มกุมอำนาจรัฐ “พันลึก” อันมีพื้นฐานมาจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เท่านั้น

หากแต่บรรดา “เครือข่าย” ก็ออกปฏิบัติการอย่างมากด้วย “กัมมันต์”

แปรจากที่พรรคพลังประชาชนเคยครองความได้เปรียบในทางการเมือง “ชั่วคราว” จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550

รูปธรรมคือ นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี

รูปธรรมคือ การเดินทางกลับประเทศของ นายทักษิณ ชินวัตร ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551

คล้ายกับจะเป็นการรุกอย่างต่อเนื่องในทางการเมือง

แต่เอาเข้าจริงๆ อำนาจที่แท้จริงมิได้อยู่ที่ผลการเลือกตั้ง มิได้อยู่การได้เป็นรัฐบาล หากแต่มาจาก “ฐานทางการเมือง” ที่สะสมมาอย่างยาวนานผ่านหลายสถานการณ์ทางการเมือง

รัฐประหารเดือนพฤศจิกายน 2490 รัฐประหารเดือนกันยายน 2500

สถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 สถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 สถานการณ์การกุมอำนาจของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2523

ยิ่งผ่านรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ยิ่งมีความแข็งแกร่ง ยิ่งมีความมั่นคง ที่อำนาจใหม่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนมิอาจโยกคลอนได้

การเดินทางออกนอกประเทศในเดือนสิงหาคม 2551 คือ คำตอบ

 

การดำเนินคดีต่อ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว ตั้งแต่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ต่อเนื่องมายังรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สว่าง คือตัวอย่างอย่างเป็นรูปธรรม

ตัวอย่างในเดือนกันยายน 2551 ก็คือ

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาคดีฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในความผิดกรณีที่จำเลยอนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้กับรัฐบาลพม่าวงเงิน 4,000 ล้านบาท

ในโครงการปรับปรุงระบบโทรคมนาคมของประเทศพม่าเพื่อเอื้อประโยชน์ในธุรกิจดาวเทียมให้สั่งซื้ออุปกรณ์จากบริษัทชิน แซทเทลไลท์ และบริษัทในเครือตระกูลชินวัตร

เมื่อถึงเวลาพิจารณาคดีจำเลยไม่มา ศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวและให้ออกหมายจับจำเลย

นับเป็นหมายจับฉบับที่ 3 โดย 2 ครั้งแรกเป็นดคีทุจริตซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก

เท่านั้นยังไม่พอ

 

ในเดือนกันยายน 2551 นี้เอง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในคดีทุจริตที่ดินรัชดาภิเษก

ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็น จำเลย

โดยขอให้ยึดทรัพย์จำนวน 772 ล้านบาท

ปรากฏว่า เมื่อถึงเวลานัดจำเลยทั้ง 2 คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไม่มาศาล

ศาลจึงออกหมายจับ

และเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาออกไปในปลายเดือนตุลาคม 2551

กล่าวสำหรับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นี่เป็นหมายจับที่ 3 อันมาจากคดีที่ดินถนนรัชดาภิเษก

กล่าวสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นี่เป็นหมายจับที่ 4

เป็นความต่อเนื่องในคดีความจากรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช มายังรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์

ขณะที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ปิดปากเงียบอย่างที่เคยเงียบ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เปิดปากแสดงความเห็นเป็นครั้งแรกนับแต่เดินทางออกนอกประเทศเมื่อเดือนสิงหาคม 2551

โดยออกมายืนยันว่า

ข้อกล่าวหาทั้งหมดที่เกี่ยวเนื่องกับการคอร์รัปชั่นของตนเองเป็นส่วนหนึ่งของการสมคบคิดกันเล่นงานตนในทางการเมืองของฝ่ายตรงกันข้าม

ยืนกรานว่าจะไม่เดินทางกลับไทยเพื่อต่อสู้คดีจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม

“คดีที่มีเหตุจูงใจมาจากเรื่องทางการเมืองจะต้องแก้ไขก็ด้วยวิธีการทางการเมืองเท่านั้น ผมถูกใส่ร้ายในทางการเมือง”

ยิ่งเวลาผ่านไปความร้อนแรงในทางคดียิ่งประชิดติดพัน

 

ปลายเดือนกันยายน 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เปิดพิจารณานัดแรกคดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท

โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกรวม 44 คน

ถูกฟ้องในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) พร้อมกับ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ คชก.

นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการ

นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอดิศัย โพธารามิก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.)

นี่ย่อมเป็นผลและความต่อเนื่องจากการดำเนืนนโยบายในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยอันมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

สะท้อนการรุกอย่างต่อเนื่องในเดือนกันยายน 2551

 

ถามว่าเบื้องหน้าการรุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าในระดับอำนาจรัฐ ไม่ว่าในระดับการเคลื่อนไหวทางการเมือง

เด่นชัดยิ่งคือ การพ้นจากตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ของ นายสมัคร สุนทรเวช

เด่นชัดยิ่งคือ การไล่ฟ้องคดีอันเกี่ยวกับ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว คดีแล้วคดีเล่า

รุนแรงถึงขั้นมีการออก “หมายจับ” ตกอยู่ในสถานะ “หนีคดี”

สภาพการณ์ “ภายใน” ของรัฐบาล ภายในพรรคพลังประชารัฐ ดำเนินไปอย่างไร หยัดยืนเผชิญอย่างเด็ดเดี่ยวหาญกล้าหรือไม่เพียงใด

ผลกระทบเฉพาะต่อรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ คืออยู่ในสภาพเร่ร่อน

ในเมื่อทำเนียบรัฐบาลถูกยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2551

จนถึงเดือนกันยายนก็ต้องประชุม ครม.นอกสถานที่

จังหวะก้าวที่คุกคามในทางการเมืองเป็นอย่างสูงสะท้อนผ่านกระบวนการอย่างที่เรียกว่า “ตุลาการภิวัฒน์”

นั่นก็คือ ใช้วิธีการทางกฎหมายมาเป็นเครื่องมือในการจัดการ

 

ตัวอย่างที่เขย่าขวัญเป็นอย่างมากคือมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 2 กันยายน

สั่งยุบพรรคพลังประชาชน

จากกรณี นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีต ส.ส.ระบบสัดส่วน ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง

มตินี้เป็นเอกฉันท์ 5 เสียง

เมื่อ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองลงนามในหนังสือแจ้งต่ออัยการสูงสุดพร้อมด้วยพยานหลักฐานเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

นี่ย่อมสร้างความระทึกใจเป็นอย่างสูงในทางการเมือง



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

กระดอเย็น
ความฝัน ความรัก ของ ‘โชต้า’ จากกอนโดมาร์ถึงลิเวอร์พูล
เกร็ดน่ารู้ ‘ที่สุด’ กีฬาซีเกมส์ ไทยนับถอยหลังเป็นเจ้าภาพ
ตลาดซื้อขายที่ดินเงียบ
ผ่าสเป๊ก ‘Volvo EX30 Cross Country’ EV ตัวเล็กจอมลุย-ออปชั่นเทียบรุ่นใหญ่
จดหมาย
เดินตามดาว | ศรินทิรา
สลัดทูน่าอะโวคาโด
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568
ขอแสดงความนับถือ
ลิซ่า ชี้ อดีตนายกฯ ขึ้นเวที ไม่ใช่การ “ผ่าทางตัน” ให้กับประเทศไทย แต่กลับเป็นการ “ตอกลิ่มประเทศ” ให้จมอยู่กับวังวนของปัญหาเดิม ๆ ยึดติดกับตัวบุคคลมากกว่าระบอบ
คำศัพท์พื้นฐานในโลกของฟอเร็กซ์ที่ต้องรู้ก่อนเทรด