
ยุทธการ 22 สิงหา : คำถาม ความข้องใจ ส.ว. พุ่งใส่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์

ความน่าสนใจจากกรณีของ น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ และกรณีของ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
มิได้อยู่ที่ “ความเห็น” ของ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
หากแต่ยังอยู่ที่ความเห็นของ 1 ความเห็นของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา
และ 1 ความเห็นของคณะอนุกรรมาธิการศึกษาพิจารณาและติดตามสถานการณ์ความรุนแรงและปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
คณะแรกมี ศาสตราจารย์นายแพทย์วิรัติ พาณิชย์พงษ์ เป็นประธาน
คณะหลังนอกจาก นายสมชาย แสวงการ จะเป็นประธาน นายตวง อันทะไชย เป็นรองประธาน ยังมี นายประสาร มฤคพิทักษ์ เป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการอยู่ด้วย
ในตอนว่าด้วย “การเบิกอาวุธมาใช้ในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม” ยังได้ระบุรายละเอียดที่น่าสนใจ
ลูกระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดขว้างจำนวน 50 ลูก
กระสุนยิงแก๊สน้ำตาขนาด 3 ม.ม. จำนวน 25 ลูก และยืนยันบทสรุปอันสัมพันธ์กับอาวุธและการใช้อาวุธ
นั่นคือ
จากการสืบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับการขอซื้อและเบิกแก๊สน้ำตาได้พบข้อมูลสำคัญอีกประการหนึ่งคือ
ในการสลายผู้ชุมนุมได้มีการระบุชัดเจนว่า
ต้องการเบิกลูกระเบิดแก๊สน้ำตาจากจีนมาใช้งาน ซึ่งลูกระเบิดแก๊สน้ำตาจากจีนได้จัดซื้อมาตั้งแต่ปี 2536
ซึ่งหมดอายุการใช้งานแล้ว
เหตุใดจึงมีการระบุชัดเจนว่าจะมีการขอเบิกลูกระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดที่ผลิตจากจีน ซึ่งผู้ที่ขอเบิกนั้นอาจจะทราบถึงสภาพ รวมถึงประสิทธิภาพของอาวุธดังกล่าว แต่เมื่อเบิกมาแล้วเจ้าหน้าที่ผู้ใช้งานจะไม่ทราบถึงข้อมูลดังกล่าว
ประเด็นจึงอยู่ที่ว่าเหตุใดในการเบิกจึงต้องเจาะจงว่าเป็นลูกระเบิดแก๊สน้ำตาที่ผลิตจากจีนซึ่งสั่งซื้อมาเป็นเวลานานจนหมดอายุแล้ว
ทั้งนี้ ลูกระเบิดแก๊สน้ำตาที่หมดอายุแล้วนั้นไม่ควรนำมาใช้งาน
แต่ควรมีการรวบรวมเพื่อทำลายทิ้ง ป้องกันการนำกลับมาใช้อีก ซึ่งมีข้อสังเกตว่าการนำลูกระเบิดแก๊สน้ำตาจากจีนมาใช้อีกในวันที่ 7 ตุลาคม 2551
จะเกี่ยวข้องกับสารระเบิด ซี 4 ที่ยังมีประสิทธิภาพสูงหรือไม่
จากนั้น คณะอนุกรรมาธิการแห่งคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ได้สรุปประเด็นสาเหตุการเสียชีวิตว่า
ลักษณะบาดแผลเป็นการเสียชีวิตจากแรงระเบิด
จากสาเหตุแห่งการเสียชีวิตที่สรุปว่าเป็นการเสียชีวิตจากแรงระเบิดนั้นเชื่อมโยงมาสู่ประเด็นในการพิจารณาต่อไปถึงอาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการสลายการชุมนุมจนนำมาซึ่งการส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต
นั้นคืออาวุธชนิดใดและแรงระเบิดจากที่ไหน
โดยที่ปรากฏตามสื่อมวลชนนั้น พบว่า อาวุธที่เจ้าหน้าที่นำมาใช้คือ ลูกระเบิดแก๊สน้ำตา
ทั้งยังระบุในตอน “สถานที่เกิดเหตุและทิศทางการยิงลูกระเบิดแก๊สน้ำตา” ว่า
หลังจากที่ได้ทราบถึงประเด็นเกี่ยวกับเหตุแห่งการเสียชีวิตประกอบกับอาวุธที่นำมาใช้แล้ว คณะอนุกรรมาธิการได้ศึกษาเพิ่มเติมถึงสถานที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของอาวุธซึ่งได้แก่ลูกระเบิดแก๊สน้ำตาจากจีนว่ามีลักษณะการยิงมาจากทิศทางไหน
โดยได้มีการสอบถามข้อมูลจากผู้ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ ตลอดจนการบันทึกภาพจำลองเหตุการณ์
ปรากฏผลดังนี้
จากการบอกเล่าและภาพข่าวที่ปรากฏออกมา คือ ภาพที่มีผู้พบน้องโบว์ภายหลังจากการยิงลูกระเบิดแก๊สน้ำตาแล้วนั้น พบว่า น้องโบว์อยู่ในลักษณะหมอบคุกเข่าลงอยู่บนถนน
และจากการมาประมวลภาพเหตุการณ์นั้น น้องโบว์อยู่ในท่าดังกล่าวโดยหันเท้าไปทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล และหันศีรษะไปทางด้านสวนอัมพร
ประกอบกับสภาพบาดแผลที่อยู่บริเวณหน้าอกและซอกแขน
ซึ่งเป็นการระเบิดใกล้ตัวแต่ไม่ชิดลำตัวนั้น สันนิษฐานได้ว่าทิศทางการยิงลูกระเบิดแก๊สน้ำตาพุ่งออกมาจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วตกกระทบลงที่พื้นข้างตัวน้องโบว์
หลังจากนั้นจึงแฉลบไปที่บริเวณรักแร้ จึงทำให้เกิดบาดแผลดังกล่าว
บทบาทของ “สมาชิกวุฒิสภา” ไม่ว่าคณะกรรมาธิการสามัญ ไม่ว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญ มากด้วยความเข้มข้น
โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการเพื่อการศึกษา พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ได้ตั้งข้อสังเกต
1 นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังมีเวลาแถลงนโยบายอีก 3 วัน เหตุใดจึงต้องรีบแถลงนโยบายในวันที่ 7 ตุลาคม ทั้งที่ทราบก่อนแล้วว่าในคืนวันที่ 5 ที่มวลชนมาปิดล้อมรัฐสภา
2 นายกรัฐมนตรีสามารถเลือกสถานที่อื่นซึ่งได้เตรียมไว้ถึง 3 แห่ง เหตุใดจึงยืนยันที่จะให้รัฐสภาเป็นที่ประชุมทั้งที่รู้ว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น
3 รัฐบาลมาแถลงนโยบายโดยใช้การสลายฝูงชนอย่างรุนแรง
4 หลังการแถลงนโยบาย นายกรัฐมนตรีก็มิได้มีการสั่งการตำรวจให้หยุดการสลายฝูงชน ยังคงมีการสลายฝูงชนต่อไปจนถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่ 7 ตุลาคม
5 แผนการสลายการชุมนุมดำเนินตามขั้นตอนตามหลักสากลหรือไม่
ไม่ปรากฏว่ามีการเจรจาขั้นตอนสลายการชุมนุมจากเบาไปหาหนักแต่ประการใด มีเพียงการประกาศด้วยเครื่องขยายเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งไม่อาจถือว่าเป็นการเจรจาตามหลักสากล
6 วิธีการสลายชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องใช้โล่และกระบองในการผลักดันมวลชนก่อน เมื่อไม่สำเร็จจึงใช้วิธีแรงเพิ่มขึ้น
จากรถฉีดน้ำก่อนหรือไม่
เพราะเหตุใดจึงใช้ปืนยิงกระสุนแก๊สน้ำตาและระเบิดแก๊สน้ำตาชนิดขว้าง โดยไม่มีการดำเนินการดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะในการสลายการชุมนุมครั้งแรกในช่วงเช้า
7 อาวุธที่ใช้สลายการชุมนุม เจาะจงเลือกใช้กระสุนแก๊สน้ำตาผลิตจากประเทศจีนที่มีสารระเบิดอันมีอานุภาพร้ายแรงถึงขั้นทำลายอวัยวะและชีวิตของผู้คนได้
ผลของการสลายการชุมนุมในช่วงเช้าได้ปรากฏชัดว่า มีคนขาขาด แขนขาดเกิดขึ้นแล้วหลายคน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังใช้อาวุธและวิธีการแบบเดิมในการสลายการชุมนุมต่อไปอีกตลอดทั้งวัน
จนมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นในตอนพลบค่ำ
8 วิธีการใช้ปืนยิงกระสุนแก๊สน้ำตาชนิดขว้างของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการเล็งยิง หรือขว้างระเบิดแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมโดยตรง มิได้เล็งยิงหรือขว้างให้ห่างจากตัวผู้ชุมนุมเพื่อเป็นการขู่ให้สลายตัว
ทำให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเสียชีวิต เป็นวิธีการใช้อาวุธที่ถูกต้องในการสลายการชุมนุมหรือไม่
9 หลังจากที่กลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.ได้ออกจากรัฐสภาทั้งหมดแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงดำเนินการสลายการชุมนุมด้วยการใช้อาวุธและวิธีการในรูปแบบเดิม ขณะที่ผู้ชุมนุมกำลังทยอยเดินทางกลับ
เป็นการสลายการชุมนุมที่สมเหตุสมผลและมีความชอบธรรมหรือไม่
10 ในการสลายการชุมนุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสจำนวนมาก รวมทั้งรถยนต์สองตอนสายตรวจและรถยนต์ตู้บรรทุกควบคุมผู้ต้องหาจำนวนหลายสิบคันเสียหาย
นายกรัฐมนตรีได้คำนึงถึงเรื่องนี้หรือไม่
11 นายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหารในรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้นได้แสดงความรับผิดชอบและตระหนักหรือไม่ว่าผลกระทบอันเกิดจากการสลายการชุมนุมจะทำให้ทัศนคติระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปในทางลบ
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต



