

นักธุรกิจที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน เคยเจอวิกฤตเศรษฐกิจมาหลายรอบ
เขาจะรู้เลยว่า “เงินสด” คือ “พระเจ้า”
ในมุมหนึ่ง หมายความว่าตอนที่วิกฤต
“ตัวเลข” ยอดขายจะสูงแค่ไหนก็ตามไม่สำคัญเท่า “เงินสด”
เพราะตอนที่เศรษฐกิจย่ำแย่ คนจะดึงเงินไม่ยอมจ่าย
ส่วนหนึ่งเพราะ “คู่ค้า” ต้องการตุนเงินสดไว้ในกระเป๋าก่อน
ยังไม่รีบจ่าย
พยายามขอยืดเครดิตการค้าออกไปให้นานที่สุด
แต่อีกส่วนหนึ่ง เพราะ “คู่ค้า” ไม่มีเงินจริงๆ
ขายของไม่ได้ ก็ไม่มีเงินมาจ่าย
ภาวะ “เหนียวหนี้” ของคู่ค้าแบบนี้ทำให้บริษัทที่มีตัวเลขยอดขายทางบัญชีสูงๆ
อาจเจ๊งได้เพราะไม่มี “เงินสด” ในบริษัท
มีคนบอกว่า “แคชโฟลว์” หรือ “กระแสเงินสด” เหมือนกับ “เลือด” ที่หล่อเลี้ยงร่างกาย
หมดเมื่อไรก็คือ ตาย
จะสังเกตว่าบริษัทที่เคยผ่านวิกฤตปี 2540 มาก่อน พอเจอวิกฤตโควิดปั๊บ
เขาโละขายสินค้าราคาถูกๆ ก่อนเลย
โกยเงินสดไว้ก่อน
ขนาดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ ยังตัดราคาขายบ้าน-คอนโดฯ เลย เพราะเขาเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายมา
รู้ซึ้งถึงความสำคัญของ “เงินสด”
อีกมุมหนึ่ง ผมเคยได้คุยกับ “เจ้าสัวใหญ่” หลายราย
เขาบอกว่าตอนวิกฤตจริงๆ ต่อให้มีสินทรัพย์มากมายขนาดไหน
ก็อาจตายได้
ถ้าไม่มี “เงินสด”
คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เคยเล่าว่าตอนนั้นเขามีที่ดินในมือเยอะมาก แต่เจอวิกฤตปี 2540 เข้าไป “ที่ดิน” ก็ไม่มีความหมาย
“ที่ดิน” ที่มีคนบอกว่าเป็นสินทรัพย์ที่ดีที่สุด เพราะราคาขึ้นตลอด ปรากฏว่าช่วงนั้นเอาไปเป็นสินทรัพย์กู้เงินธนาคารไม่ได้
แบงก์ไม่รับ
คาดว่าแบงก์คงมีโฉนดที่มาค้ำประกันเต็มล็อกเกอร์แล้ว
ไม่รู้จะเอามาอีกทำไม
รู้ไหมครับว่าอะไรทำให้ธุรกิจของคุณเจริญรอดมาได้
“สต๊อกเหล้าขาว” ครับ
แบงก์ถือว่า “เหล้าขาว” ที่ผลิตมาแล้วเป็นสินทรัพย์ที่แปรเปลี่ยนเป็นเงินได้คล่องตัวที่สุด
โรงงานของคุณเจริญกลั่นเหล้าทั้งวันทั้งคืนเลย
เอา “สต๊อกเหล้าขาว” มาเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเพื่อกู้แบงก์เอา “เงินสด” มาเป็นทุนหมุนเวียน
เป็นการแสดงให้เห็นว่าต่อให้วิกฤตแค่ไหน
คนไทยก็พร้อมจะเมา
วันนั้น คุณเจริญเข้าใจความสำคัญของ “เงินสด” แบบซาบซึ้งตรึงใจ มีคนบอกว่าช่วงวิกฤต ระหว่างเช็ค 1 แสนบาทแต่ตีเช็คล่วงหน้า 1 เดือน กับเงินสด 95,000 บาท
บางทีเอา “เงินสด” ดีกว่า
ดีกว่าจะมาเสี่ยงกับ “เช็คเด้ง”
บทเรียนพวกนี้ คนที่ผ่านประสบการณ์ช่วงวิกฤตจะเข้าใจดี
เพราะ “เล่นจริง-เจ็บจริง” มาแล้ว
“คนรุ่นเก่า” ส่วนใหญ่จะเห็นความสำคัญของ “เงินสด”
แต่ “คนรุ่นใหม่” บางทีไม่เข้าใจเรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
อย่างตอนนี้ระบบการสแกนจ่ายเงินผ่านมือถือเป็นระบบที่คล่องตัวและสะดวกมาก
ผมก็ใช้ประจำ
ดีมากเลย
แต่ด้วยความเป็นคนที่คุ้นชินกับการใช้เงินสดมานาน
ผมจะพกเงินสดติดตัวอยู่เสมอ
ในกระเป๋าจะมีทั้งเงินสดและบัตรเครดิต
แต่เวลาจ่ายเงิน บางทีก็ใช้มือถือสแกนจ่าย
สะดวกดี
แต่ “คนรุ่นใหม่” จำนวนไม่น้อยที่วันนี้ไม่พก “เงินสด” แล้ว
เขาจะใช้มือถือสแกนจ่ายอย่างเดียว
ซื้อของไม่ถึง 100 บาท เขาก็สแกนจ่าย
ไม่เหมือนผม ถ้าไม่ถึง 100 ผมจะจ่ายเงินสด
“มือถือ” กลายเป็นอวัยวะหนึ่งของ “คนรุ่นใหม่”
ใช้เป็นกระเป๋าตังค์ด้วย
ผมพยายามเตือนน้องๆ หลายคนเสมอว่าอย่าประมาท ให้พกเงินสดบ้าง
เพราะไป “บางที่” เขาก็ไม่มีระบบสแกนจ่าย
ตอนแรกๆ ก็จริงอย่างที่ผมเตือน
แต่ยิ่งนานวัน “บางที่” ของผมก็น้อยลงเรื่อยๆ
มีน้อยมากที่สแกนจ่ายไม่ได้
ผมก็เตือนน้องๆ น้อยลงในเรื่องนี้
จนวันก่อน ที่ “ทรู” เกิดระบบล่มไปหลายชั่วโมง และอีกไม่กี่วันแอพพ์ของแบงก์ไทยพาณิชย์มีปัญหา
ตอนแรกผมคิดว่าจะกระทบแค่การโทร.เข้า-โทร.ออก
หรือการใช้อินเตอร์เน็ตของลูกค้าทรูเท่านั้น
ใช้โซเชียลมีเดียไม่ได้
คิดในมุม “การสื่อสาร” ทั่วไป
แต่ลืมไปว่าโลกยุคนี้ “โทรศัพท์” เป็นมากกว่า “การสื่อสาร” แบบดั้งเดิม
แค่ธุระที่ต้องโทร.หากันก็ไม่ได้มีแค่เพื่อนฝูง หรือติดต่อธุรกิจทั่วไป
เพราะโลกยุคนี้เราซื้อสินค้าออนไลน์เยอะมาก
เช่นเดียวการสั่งอาหารผ่านแอพพ์ส่งอาหารต่างๆ
คนที่เดือดร้อนมากในช่วงที่ระบบล่ม คือ ไรเดอร์หรือพนักงานส่งสินค้า เพราะโทร.หาลูกค้าที่เอาของไปส่งไม่ได้
แต่เรื่องนี้ยังไม่เท่าไร
ที่โหดร้ายกว่า ก็คือ คนรุ่นใหม่ที่มี โทรศัพท์มือถือเป็นกระเป๋าเงิน
ใช้การสแกนจ่ายเงินผ่านมือถือ
ระบบการจ่ายเงินแบบนี้ ทันทีที่ระบบโทรศัพท์ของทรูล่ม
คนที่ใช้ทรูก็เปลี่ยนฐานะทันที
จาก “เศรษฐี” กลายเป็น “ยาจก” ไปในพริบตา
คนที่ซื้อของยังไม่เท่าไร
เพราะถ้าสแกนจ่ายไม่ได้ ก็ยังคืนของในตะกร้าได้
ไม่มีปัญหาอะไร
แค่เสียฟอร์มเล็กน้อย
ไม่เหมือนคนที่กินข้าวอยู่ในร้านอาหาร
กินเสร็จแล้ว เรียกพนักงานเช็กบิล
พอจะสแกนจ่ายกลับจ่ายไม่ได้
แล้วจะทำอย่างไร
อาหารก็อยู่ในท้องหมดแล้ว
จะคายออกมาแบบคืนของก็ไม่ได้
เขาไม่ยอมรับ 55
จะโทร.หาเพื่อนให้โอนจ่ายแทนก็โทร.ออกไม่ได้
วุ่นวายปั่นป่วนไปทั่ว
เช่นเดียวกับน้องๆ ที่นั่งแท็กซี่จนถึงที่หมายแล้ว
จะสแกนจ่าย
จ่ายไม่ได้
จะแก้ปัญหาด้วยการให้แท็กซี่ส่งกลับที่เก่าก็ไม่ได้
เพราะอาจจะได้กลับ “บ้านเก่า” แทน
วินาทีนั้น “คนรุ่นใหม่” เริ่มเข้าใจในปรัชญานี้
“เงินสด ” คือ “พระเจ้า” จริงๆ •
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ | หนุ่มเมืองจันท์
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต



