เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

แค่จะปิดชายแดน ปัญหาก็จบ แต่ปรับ ครม. ไม่สยบความขัดแย้ง

16.06.2025

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว | มุกดา สุวรรณชาติ

แค่จะปิดชายแดน ปัญหาก็จบ

แต่ปรับ ครม. ไม่สยบความขัดแย้ง

มีคำถามสำหรับคนไทยที่ไม่ได้อยู่ชายแดนว่าการปิดด่านชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านมีความสำคัญอย่างไร?

มีผลกระทบอะไรบ้าง?

1 ส่งผลต่อการค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน

การค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้านยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของไทยและเพื่อนบ้านอย่างมาก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดสงครามการค้าโลก และการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรจากประเทศใหญ่

ถ้าดูตัวเลขรวมจะพบว่า…

มูลค่าการค้ารวมที่ไทยนำเข้าและส่งออกสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียน มีมูลค่าถึง 3,818,000 ล้านบาท นี่เป็นตัวเลขในปี 2566 ซึ่งลดลงจากปี 2565 ถึง 7.2% ประมาณครึ่งหนึ่งคือ 53% เป็นการค้าขายกับมาเลเซีย สิงคโปร์และอินโดนีเซีย

แต่กับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่เศรษฐกิจยังไม่เจริญมาก เช่น กัมพูชา เวียดนาม ลาวและพม่า ก็มียอดค้าขายไม่น้อย ซึ่งไทยล้วนได้เปรียบดุลการค้าทั้งสิ้น

ยอดการส่งออกและนำเข้าสินค้ารวม 4 ประเทศ ประมาณ 1,390,000 ล้านบาท

ถ้าแยกออกให้เห็นรายละเอียดก็คือ

ไทยส่งออกไปเวียดนาม 370,000 ล้านบาท นำเข้าสินค้า 256,000 ล้านบาท

ไทยส่งออกไปกัมพูชา 212,500 ล้านบาท นำเข้าจากกัมพูชา 53,000 ล้านบาท

ไทยส่งออกไปลาว 153,300 ล้านบาท นำเข้าจากลาว 98,700 ล้านบาท

ไทยส่งออกไปพม่า 146,500 ล้านบาท นำเข้าจากพม่า 100,000 ล้านบาท

สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคและซึ่งผลิตในประเทศไทย มีผลให้อุตสาหกรรมเติบโตและอยู่ต่อได้ ในภาวะที่เศรษฐกิจมีปัญหา

2มีผลต่อความสัมพันธ์ที่มีลักษณะพึ่งพาอาศัยกัน ก็คือ

นอกจากพึ่งพาสินค้าอุปโภคบริโภคจากไทยเป็นจำนวนมาก ไทยยังเป็นแหล่งที่ประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้านต้องเข้ามาหางานทำ ในขณะที่การผลิตและการบริการในประเทศไทย ก็ยังต้องใช้แรงงานต่างชาติ

และเนื่องจากระบบสาธารณสุขของไทยเป็นระบบที่มีศักยภาพในการรักษาและการให้บริการที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเมียนมา ลาว และกัมพูชา ส่งผลให้ประชากรจากทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว เข้ามาใช้บริการการรักษาในไทยเป็นจำนวนมาก คนที่มีเงินมาก เข้ามาใช้บริการจากโรงพยาบาลเอกชน แต่คนจนก็ต้องเข้ารักษาผ่านระบบสาธารณสุขของรัฐบาลไทย

โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 มีคนต่างด้าวเข้ามาใช้บริการสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนทั้งสิ้น 8.7 แสนครั้ง ส่วนใหญ่มาจากชายแดนด้านพม่า 5.7 แสนครั้ง ชายแดนกัมพูชา 1.6 แสนครั้ง และลาว 100,000 ครั้ง บางส่วนก็มีจ่าย บางส่วนก็ไม่มี

ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เรียกเก็บไม่ได้จากคนต่างด้าวในพื้นที่ชายแดนไทย ปีงบประมาณ พ.ศ.2567 มีมูลค่าถึง 2,315 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ถึงร้อยละ 12.6

และที่สำคัญคือ พลังงาน ทั้งน้ำมัน และไฟฟ้า ถ้าไทยปิดชายแดนไม่ส่งน้ำมัน ไม่ส่งสินค้าบริโภคอุปโภค ตัดไฟฟ้า ตัดระบบอินเตอร์เน็ต ไม่ให้คนเข้าไปเที่ยวในกัมพูชา และไม่ให้คนกัมพูชาเข้ามาในเขตไทย ทำแบบนี้แค่ 1 สัปดาห์ก็จะปั่นป่วน เดือดร้อนไปทั่ว

ผู้รับผิดชอบทั้ง 2 ประเทศ

รู้ดีว่าไม่ต้องรบก็จบปัญหาได้

การเป็นผู้นำหรือผู้รับผิดชอบระดับสูง จะต้องสำนึกอยู่เสมอว่า ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการสั่งการใดๆ อาจสร้างปัญหาให้กับประชาชนจำนวนมากได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์

จะเห็นได้ว่าผู้นำกัมพูชาทันทีที่ได้ข่าว มีการลดเวลาการเปิดช่องผ่านแดน ก็ต้องรีบโยนความผิดมาให้ฝ่ายไทยทันทีเพราะรู้ว่าประชาชนจะเดือดร้อน ฝ่ายไทยเองก็รู้ว่าการพึ่งพาของระบบต่างๆ ทั้งเรื่องพลังงาน การค้าและการสาธารณสุข ถ้าทำไปจะกระทบจนเดือดร้อนไปทุกส่วน ไม่ถึงที่สุดจริงๆ ก็จะไม่ทำ เพราะเรื่องนี้หนักหนาสาหัสกว่าการยิงกระสุนปืนใหญ่ข้ามแดน ซึ่งอาจไม่ถูกใครเลย แต่การตอบโต้ทางเศรษฐกิจ กระทบทุกคน

การแจ้งว่าจะยกระดับการปิดด่านชายแดนทีละขั้น ถือว่าถูกต้อง แต่ควรเริ่มได้แล้ว และทำอย่างหวังผล

ประเทศที่ใหญ่กว่า มีกำลังทางเศรษฐกิจมากกว่า การเดินเกมต้องคิดให้หนัก มิฉะนั้นจะถูกกล่าวหาว่าไปรังแกประเทศเล็ก

ส่วนประเทศนั้นเขาอาจจะต้องการภาพและแรงสนับสนุนทางการเมืองภายในก็อาจมีการแสดงให้คนของเขาดูมากไปหน่อย คนของเราไม่ควรไปวิ่งตามรถแห่

แต่กลุ่มคนที่ชาตินิยมจัดไม่ว่าอยู่ประเทศไหนมักจะถูกหลอกง่ายเสมอ หลังจากแสดงความรักชาติไปได้พักหนึ่ง คนระดับสูงทั้งสองประเทศเขาก็แค่คุยกัน แล้วปิดฉาก ผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งพ่อค้า ชาวบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่จะละเลยได้ง่ายๆ

กองทัพวันนี้ต้องทำหน้าที่หลายอย่าง รักษาชายแดนโดยสกัดไม่ให้คนเข้าออกอย่างผิดกฎหมาย

ไม่ให้สินค้าผิดกฎหมายเข้าออกตามชายแดน

แต่เมื่อมีความขัดแย้ง ในโลกยุคใหม่อาจไม่ต้องใช้ปืนในการต่อสู้

ส่วนการปรับ ครม.จบแล้ว

ตอนที่เขียนต้นฉบับนี้ยังไม่มีการปรับ ครม.อย่างเป็นทางการ แต่ทีมวิเคราะห์ประเมินว่าจะต้องเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันนี้

สาเหตุใหญ่น่าจะมาจากการใช้อำนาจหน้าที่ผ่านกระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยดูแล ไม่เพียงแต่มีผลงานน้อย แต่บางเรื่องกลับกลายเป็นผลเสียและมีผลกระทบต่อรัฐบาลทางอ้อม

การลดขอบเขตอำนาจของพรรคภูมิใจไทยจึงเป็นเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยกำหนดไว้และจะดึงเอาอำนาจนั้นมาไว้กับตนเอง แต่จะทำได้ดีกว่าอย่างไรหรือไม่ ยังไม่รู้

แต่อย่างน้อยก็ปลอดภัยกว่าให้อำนาจของกระทรวงมหาดไทยไปอยู่กับคนอื่น

ส่วนข้อตกลงที่เพื่อไทยต้องยอมให้กระทรวงมหาดไทยตั้งแต่การเป็นรัฐบาลครั้งแรกสมัยนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน และมี ส.ว. 250 เสียงเป็นผู้ร่วมโหวตนั้นคงไม่สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว

ถึงนาทีนี้ภูมิใจไทยปฏิเสธไม่ได้ แต่พอจะต่อรองได้บ้าง คาดว่าถ้าเพื่อไทยเกรงใจมากน่าจะให้ 1 กระทรวงใหญ่เช่นสาธารณสุข และบวกกับอีก 1 กระทรวงเล็ก

แต่เรื่องที่ภูมิใจไทยจะต่อรองให้ปรับใหญ่โดยแบ่งกระทรวงกันใหม่ทั้งหมด พรรคที่เล็กกว่าคงไม่ยอม

และตอนนี้อำนาจในการปรับ ครม.หรือยุบสภายังอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีที่ตั้งไปเรียบร้อยแล้ว ความได้เปรียบจึงยังอยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย

หลังปรับ ครม.แล้ว

ความขัดแย้งของพรรคต่างๆ

จะดำเนินต่อไป

ขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้เสียเปรียบ เพราะที่เป็นจุดอ่อนคือมีคดีเกี่ยวกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งก็ไม่ได้เชื่อมโยงอะไรกับพรรคอย่างเป็นทางการจึงไม่มีผลที่จะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยโดยตรง

ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยยังต้องกังวลเรื่องคดีฮั้ว ส.ว. ว่าสุดท้ายจะเกี่ยวโยงมาถึงใครบ้าง และจะกระทบถึงพรรคหรือไม่

แต่คดีนี้ดูแล้วจะถูกยืดถูกดองซึ่งเมื่อความขัดแย้งขยายไปถึงจุดนั้น องค์กรที่เกี่ยวข้องจะถูกกล่าวหาและถูกฟ้องร้อง

ภูมิใจไทยรู้ตัวเองดีว่าไปอยู่ในฐานะพรรคฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะเมื่อใดที่อำนาจลดลง ปัญหาต่างๆ จะรุมเข้าใส่ทันที ที่ไม่เคยผิดก็จะผิด ที่ปกปิดก็จะเปิด

และก็รู้ด้วยว่า ส.ส.ของตนเองจำนวนหนึ่งก็จะตีจากไปสู่ต้นไม้ที่ให้ร่มเงาดีกว่า จากการที่เคยดูดคนอื่นอาจจะถูกดูดกลับได้

ดังนั้น การประคองเพื่ออยู่ในรัฐบาล จึงเป็นเกมที่ดีที่สุดที่จะเอาตัวรอด และสู้ต่อ

สถานการณ์ 2 พรรคลุง…รวมไทยสร้างชาติคงจะแยกกันสร้างชาติ

ส่วนพลังประชารัฐคงจะแยกกันก่อนแล้วไปรวมหนุนรัฐบาล

มีเรา ไม่มีลุง เมื่อไม่มีลุง ต้องหนุนเรา

ส่วนเรื่องที่มีบางคนวิเคราะห์สถานการณ์ ขยายไปถึงการรัฐประหาร หรือทักษิณจะหนีออกต่างประเทศ ถือเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่มีเหตุผล

กว่าเขาจะกลับเข้ามาได้ต้องทุ่มเทกำลังความสามารถไปมากมาย ต้องยอมทุกทาง อาศัยช่องว่างและสถานการณ์ต่างๆ จึงกลับเข้ามาได้ วันนี้ไม่มีทางถอยกลับไปแบบนั้น

ปัญหาของเพื่อไทยเวลานี้คือการแข่งกับเวลา เพราะเคยพูดแล้วทำได้ แต่ครั้งนี้ผ่านไป 2 ปียังไม่มีผลงานที่ประทับใจประชาชน ยิ่งคุยมาก ให้คนหวังมาก ถ้าปรับ ครม.ครั้งนี้แล้วไม่มีผลงานอะไรออกมา…ลำบากแน่



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

คาดเดาไม่ออก บอกไม่ถูก | ลึกแต่ไม่ลับ
เริ่มแล้ว! “Thai–Chinese Golden Fest 2025 เทศกาลร้อยเรื่องราวไทย–จีน” เทศกาลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งปี
ฟังเสียง ‘เยาวชน’ | ปราปต์ บุนปาน
“One Plan” โมเดลใหม่ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่
ไม้ดัดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร | กวีกระวาด : สิริวตี
ตลาด..ชีวิตและความหวัง | เรื่องสั้น : มีนา ฟ้าศุกร์
ทำเล
ภาษีปนาวุธ ทรัมป์ถล่มข้ามทวีป ทีมไทยแลนด์ร่อแร่
‘ภูมิธรรม’ จัดแถวมหาดไทย ล้างบาง ‘สิงห์น้ำเงิน’ ประเดิมย้าย 2 อธิบดีเข้ากรุ จับตา ‘เขากระโดง’ เปิดแผล ‘ปราสาทสายฟ้า’
ดาวกับดวงวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568
‘กฤษฎีกา-เพื่อไทย’ มองต่างมุม ไพ่ในมือรักษาการนายกฯ ผ่าทางตัน ‘ยุบสภา’ ได้หรือไม่ได้
“หวัง อี้” ร่วมประชุมอาเซียน กระชับความร่วมมือ ไทยผลักดันความร่วมมือสำคัญ อาชญากรรมข้ามชาติ-สแกมเมอร์ออนไลน์