ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน
“สูตร” ปรับคณะรัฐมนตรี
เข้าข่าย “ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก” กระแสปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ที่เริ่มลือหึ่งตั้งแต่ “นิด้าโพล” เผยผลสำรวจความต้องการปรับ ครม.กระทรวง-รัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการโดยเร็ว ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน แต่แล้วก็แคล้วคลาด ต่อมาว่าจะลงมือปรับเป็นหลังการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เสร็จสรรพในวันที่ 31 พฤษภาคม สุดท้ายชักตะพานแหงนรอเก้ออีกตามเคย
สำหรับรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง 1” มีฐานเสียงเต็มสรรพกำลัง 319 ที่นั่ง โควต้ารัฐมนตรีแบ่งตามสัดส่วน พรรคเพื่อไทย 16 คน 20 ตำแหน่ง กำกับดูแล 9 กระทรวงคือ “กลาโหม-คมนาคม-การท่องเที่ยวและกีฬา-คลัง-พาณิชย์-ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม-ต่างประเทศ-วัฒนธรรม-สาธารณสุข” กับ 5 รัฐมนตรีช่วย-2 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
“ภูมิใจไทย” 8 ที่นั่ง 9 ตำแหน่ง ระนาบรัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง ได้แก่ “มหาดไทย-แรงงาน-การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม-ศึกษาธิการ” รัฐมนตรีช่วยว่าการ 4 ที่นั่ง ได้แก่ มหาดไทย 2 ที่นั่ง ศึกษาธิการ พาณิชย์
“รวมไทยสร้างชาติ” 4 คน 5 ตำแหน่ง 2 รัฐมนตรีว่าการ คือ “พลังงาน-อุตสาหกรรม” 2 รัฐมนตรีช่วยได้แก่ กลาโหม พาณิชย์ โดยหัวหน้าพรรคควบรองนายกรัฐมนตรี
“กล้าธรรม” 3 ตำแหน่ง คือ ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ 2 รัฐมนตรีช่วยเหมาเข่ง กระทรวงเดียวกัน คือเกษตรและสหกรณ์
“ประชาธิปัตย์” 2 คน 2 ตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
“ชาติไทยพัฒนา” 1 เก้าอี้ คือ ว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เช่นเดียวกับ “ประชาชาติ” 1 เก้าอี้ คือ รัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม
ตามสูตรล็อตแรกเป็นการ “ปรับเล็ก” โยกสลับตามลายแทง “นิด้าโพล” ที่ประชาชนโหวตว่าควรปรับ อันดับ 1 ได้แก่ “กระทรวงพาณิชย์” ร้อยละ 57.02 ตามด้วย “กระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ร้อยละ 48.55 และ “กระทรวงการคลัง หายใจรดต้นคอ” ร้อยละ 47 เท่ากับว่า ชาวบ้านอยากจะทลายห้างทีมเศรษฐกิจ เพื่อขจัดจุดอ่อนด้านเศรษฐกิจเป็นเงื่อนไขหลัก
สูตรที่สอง ปรับ “ระดับปานกลาง” โยกสลับฟันปลากันหลายตำแหน่ง เกือบจะทุกพรรค แต่ที่เล่นใหญ่ไฟกะพริบมากที่สุดคือ “พรรคเพื่อไทย” จะยึดกระทรวงมหาดไทยคืนจาก “ภูมิใจไทย” เอากุ้งฝอย+ปลาซิว ปลาสร้อย คือกระทรวงพาณิชย์กับสาธารณสุข แลกปลากะพง
มีการปล่อยโผผ่านสื่อกระแสหลักมาก่อนหน้านี้ว่า “นายประเสริฐ จันทรรวงทอง” ปีกติดจรวดขึ้นลิฟต์ เป็นว่าการกระทรวงมหาดไทย นั่งเก้าอี้ “มท.1” โดยที่ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคสีน้ำเงิน ควบรองนายกฯ กับว่าการสาธารณสุข
พร้อมมีการขานชื่อเสนาบดีที่จะหลุดตำแหน่ง ประกอบด้วย “นายพิชัย นริพทะพันธุ์” ว่าการกระทรวงพาณิชย์ “ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย “เผ่าภูมิ โรจนกุล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง “นายอิทธิ ศิริลัทธยากร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน “นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งใหม่ ตามโผสอง มีเชนคัมแบ๊กหลายคนด้วยกัน อาทิ “นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน “นายอรรถกร ศิริลัทธยากร” เป็นว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว” และ “นายจักรพงษ์ แสงมณี” ว่าการกระทรวงหนึ่งกระทรวงใด
แต่ดังที่เคยบอกแหละครับว่า “ภูมิใจไทย” ทั้ง “ครูใหญ่-เนวิน ชิดชอบ” เป็นชาวเซาะกราว บ้านไม่ได้อยู่หนองโพ ย่อมไม่ชอบบริโภคหญ้าหวาน ขณะที่ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค ก็ไม่ได้มาจากกระบอกไม้ไผ่ ช่วงนี้ระดับขี่เมฆกับเขาเหมือนกัน แรกๆ ที่ “เพื่อไทย” ยื่นโนติสแลกกระทรวง อาจจะยืนงงในดงกล้วยอยู่มั้ง ครั้นพอสติฟื้นคืน
ก่อนเดินทางไปประชุมที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ “เสี่ยหนู” ฟ่อยิ่งกว่าหนูที่โดนแมวไล่จับ ขากลับ มิทราบไปฟาดช็อกโกแลตแสนอร่อยจากเจนีวามาจากย่านไหน กลายเป็นคนละคน มาถึงปั๊บโยนระเบิดตูม
“พรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาลตามคำเชิญของพรรคเพื่อไทย เราไม่ได้เดินไปขอเข้าร่วมรัฐบาล จึงขอยืนยันว่าเราจะไม่มีการย้ายกระทรวง ยังยึดตามข้อตกลงเดิม ซึ่งนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ให้ความมั่นใจแล้ว”
นอกจากนี้แล้ว ช่วงที่ “เสี่ยหนู” ท่องอยู่สวิส พรรคสีน้ำเงินได้ประชุม ยืนยันเสียงดังฟังชัดว่า พรรคยังไม่มีแนวคิดในการปรับ ครม.ในส่วนของพรรค แต่หากว่านายกฯ เห็นว่าการปรับเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ก็ควรปรับใหญ่ทั้งคณะ เปิดโอกาสให้ทุกพรรคพิจารณาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ หรือสลับกระทรวงให้เหมาะสมกับนโยบายที่ตัวเองรับผิดชอบ
“ภูมิใจไทย” ย้ำชัดๆ ให้ทราบว่า การปรับ ครม.มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาประชาชน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อ “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” อันดับ 1 กับ 2 ตกล่องปล่องชิ้นกันไม่ได้เกี่ยวกับ “กระทรวงมหาดไทย” ค่ายสีน้ำเงินต้องปักธงยึดไว้เพื่อขยายกำลังภาคพื้นที่ เพราะตามยุทธศาสตร์ เพื่อไทยไปแข่งเชิงอุดมการณ์กับพรรคสีส้ม ตามสารรูปจะต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบอีกในการเลือกตั้งครั้งหน้า ด้วยเงื่อนไขดังกล่าว “สีน้ำเงิน” ที่กุมบ้านใหญ่ไว้ในมือมากที่สุด มีโอกาสที่จะเบียดแทรกมาเข้าป้ายพรรคอันดับ 1 ได้
เท่ากับว่าสถานการณ์ยกระดับสู่จุดแตกหัก “เพื่อไทย” จะยกระดับการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นสูตร “ปรับใหญ่” ด้วยการเขี่ยพรรคภูมิใจไทยทิ้ง
มีการดีดลูกคิดดูฐานที่มั่น ขุมกำลังแล้ว รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” มีฐานเสียงอยู่ 319 เสียง ถีบสีน้ำเงินออก 69 เสียง เหลือ 250 ที่นั่ง เกินครึ่งหนึ่งเพียงเล็กน้อยจากยอด ส.ส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ 495 ที่นั่ง
แต่มีช็อตเด็ด สามารถดึงพรรคพลังประชารัฐซีกที่เหลืออยู่กับ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” มาร่วมแจมอีก 20 ที่นั่ง บวกด้วย 5 ที่นั่งจากไทยสร้างไทย รวมเป็น 265 เสียง เกินครึ่งหนึ่งราว 25-26 ที่นั่ง
แต่ “ไม่พอดีคำ” เนื่องจากพรรครวมไทยสร้างชาติ แตกเป็นสองเสี่ยง วัดครึ่งกรรมการครึ่ง ซีกหนึ่งไปจับมือกันลับๆ ไปด้วยกันกับ “คนโตสีน้ำเงิน” เรียบร้อยแล้ว โอกาสที่จะเจอทางตันมีเปอร์เซ็นต์สูง
การปรับคณะรัฐมนตรี “แพทองธาร 2” อาจจะทอดระยะออกไปอีกนิดหน่อย รอให้คดี ส.ส.พรรคก้าวไกลจำนวน 44 คนที่โดนข้อกล่าวหา กรณีเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 สะเด็ดก่อน ซึ่งตามไทม์ไลน์น่าจะไม่นาน
ซึ่งจะมีผลต่อการปรับหรือไม่ปรับ ครม.ยังไงไว้ติดตามในสัปดาห์หน้า
