ประกาศิต ‘ทักษิณ’ แก้ยาเสพติด จับตาอิทธิฤทธิ์คุม มท.-ตร.เบ็ดเสร็จ เปิดเส้นทางลำเลียง-พื้นที่เฝ้าระวัง
บทความโล่เงิน
ประกาศิต ‘ทักษิณ’ แก้ยาเสพติด
จับตาอิทธิฤทธิ์คุม มท.-ตร.เบ็ดเสร็จ
เปิดเส้นทางลำเลียง-พื้นที่เฝ้าระวัง
เหตุผลหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยอยากคุมกระทรวงมหาดไทย (มท.) เอง จนนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เอ่ยปากขอคืนจากพรรคภูมิใจไทย
นั่นคือการแก้ปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดในชุมชน
เพราะแม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตำรวจ และทหารจะปราบปรามอย่างเข้มแล้ว
แต่ยาเสพติดยังระบาดหนัก จึงจะใช้องคาพยพ มท. ที่มีทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และท้องถิ่นเข้าถึงชาวบ้านได้มากกว่า
ส่วนเหตุผลหลักอื่นๆ ที่ไม่บอก แต่รู้ๆ กันอยู่ คือความได้เปรียบทางการเมืองเพื่อเตรียมการเลือกครั้งหน้านั่นเอง
ย้อนไปดูน้ำเสียงอันหนักแน่นในการแสดงวิสัยทัศน์องค์ปาฐกถาพิเศษ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ ป.ป.ส.
ได้เสนอแนะให้เดินหน้ามาตรการเชิงรุก มุ่งปราบปรามแหล่งผลิต ป้องกันการลักลอบนำเข้า และกวาดล้างเครือข่ายค้ายาในประเทศ
อดีตผู้นำประเทศ ได้ประกาศแก้ไขต้นตอปัญหาแหล่งผลิตยาเสพติดที่ส่งเข้ามาไทย คือ กลุ่มว้าแดง
พร้อมให้มีมาตรการ ‘เอ็กซเรย์ทุกตารางนิ้ว’ เพื่อกำจัดเครือข่ายค้ายาภายในประเทศ
ตำรวจกับฝ่ายปกครองต้องร่วมมือกันเป็นปาท่องโก๋ ต่างคนต่างทำไม่ได้
ทั้ง ผบก.ภ.จว.กับผู้ว่าฯ นายอำเภอกับ ผกก. ปลัดอำเภอกับสารวัตร ต้องจับมือกันทำงาน
ปรากฏว่าได้สร้างความกระตือรือร้นให้ข้าราชการได้ระดับหนึ่ง
แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าถ้าคุม มท.เองจะทำได้ดีกว่านี้
สําหรับสถานการณ์ยาเสพติด พบว่า “ยาบ้า” ถูกลักลอบนำเข้าและกระจายสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ สะท้อนถึงความต้องการภายในที่ยังอยู่ในระดับวิกฤต
สถิติปี 2568 ล่าสุด ป.ป.ส.ยึดยาบ้าได้เกือบ 800 ล้านเม็ด มีผู้ถูกดำเนินคดียาเสพติดแล้ว 180,000 ราย ถูกนำตัวเข้าเรือนจำ แต่ปริมาณยาเสพติดยังต้องการรุนแรงขึ้น
ไทยจัดอยู่ในลำดับที่ 103 ของโลกในด้านความเสี่ยงจากยาเสพติด
โดยเฉพาะยาเสพติดบางประเภทถูกนำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น ไอซ์ เคตามีน และเฮโรอีน ไทยเป็นทางผ่านลำเลียงไปยังประเทศปลายทาง
นอกจาก “ว้าแดง” เป็นแหล่งผลิตใหญ่ในเมียนมาแล้ว ยังมีอยู่หลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้านอื่น
โดยทิศทางเคลื่อนตัวยาบ้าเข้าทางชายแดนไทย-สปป.ลาวมากยิ่งขึ้น ขณะที่ไอซ์มีทิศทางเคลื่อนตัวนำเข้าชายแดนไทย-เมียนมา
กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดจะลำเลียงจากโรงงานผลิต มาพักคอยหมู่บ้านตามแนวชายแดน
ชายแดนริมแม่น้ำโขงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เครือข่ายยาเสพติดจะใช้บ้านริมแม่น้ำโขง พักคอยยาเสพติด รอทีมลำเลียงส่งเข้าพื้นที่ชั้นใน
นอกจากนี้ ชายแดนด้านนี้ยังพบว่าลักลอบลำเลียงทั้งไอซ์ เคตามีน และเฮโรอีนเข้ามาตลอดแนวชายแดนริมแม่น้ำโขง ทั้งเลย หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
แนวชายแดนภาคเหนือ พบการลำเลียงยาบ้าผ่านพื้นที่แนวชายแดน จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา และชายแดนด้าน จ.ตาก
ชายแดนด้านภาคตะวันตก พบการลำเลียงทั้งยาบ้า ไอซ์ เคตามีน และเฮโรอีน เข้ามาผ่านพื้นที่แนวชายแดน จ.กาญจนบุรี
จากนั้นกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจะขนยาเสพติดมาพักคอยพื้นที่ชั้นในเพื่อเตรียมกระจายในพื้นที่ชุมชนต่างๆ หรือส่งต่อไปยังภาคใต้
สําหรับกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่อยู่ในระดับต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีการยึดยาบ้าและไอซ์จำนวนมาก
โดยแหล่งเก็บพักก่อนเข้ามาในกรุงเทพฯ อยู่ในพื้นที่ 6 อำเภอ 4 จังหวัด ประกอบด้วย อ.บางบัวทอง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี, อ.ธัญบุรี อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี, อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
จากนั้นเก็บซ่อนกันตามที่พักอาศัยที่เป็นบ้านจัดสรร อาคารชุด หรือคอนโดมีเนียม รวมถึงการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลซุกซ่อนยาเสพติดแล้วนำไปเช่าจอดตามสถานที่อื่น คนละที่กับที่พักอาศัย
รวมทั้งที่กลุ่มนักค้าซุกซ่อนยาเสพติด ฝากส่งมากับสินค้า และพัสดุภัณฑ์จากภาคต่างๆ เข้ามา
แนวโน้มการระบาดเสพติดดั้งเดิมอย่างเคตามีน พบว่า นักค้าบางรายผสมกับสารอื่นและบรรจุเข้าในพอดบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มช่องทางการเข้าถึงยาเสพติดให้เยาวชน และกลุ่มวัยเริ่มต้นทำงาน ที่ต้องการเสพยาเพื่อผ่อนคลาย
ที่สำคัญ เฮโรอีน แม้การแพร่ระบาดยังจำกัดอยู่ใน 4 เขตพื้นที่เดิม คือ หนองแขม บางแค บางซื่อ และดินแดง
แต่ผู้เสพรายใหม่เป็นกลุ่มไรเดอร์ มีแนวโน้มเข้ารับการบำบัดสูงขึ้น ด้วยความเชื่อผิดๆ ว่า เฮโรอีนช่วยลดความเครียดจากการทำงาน
สำหรับพื้นที่การกระทำผิดยาเสพติดส่วนใหญ่ ยังปรากฏอยู่บริเวณชุมชนแออัด ชุมชนชานเมือง หรืออาคารสูง หรือนิติบุคคล กรณีถูกตรวจสอบจากปรากฏการณ์ลักลอบจัดปาร์ตี้ยาเสพติด
เช่น เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567 คดีจับกุมผู้เสพเพศชายหลายสิบคนที่เข้าร่วมปาร์ตี้กางเกงในที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านคลองเตยเหนือ เป็นต้น
ส่วนการเฝ้าระวังการค้าตามพื้นที่ในสื่อสังคมออนไลน์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุน ป.ป.ส. ติดตามและเฝ้าระวังการค้ายาเสพติด 6 เดือนแรก พบผู้ใช้บัญชีในสื่อสังคมออนไลน์ที่เคลื่อนไหวในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 650 บัญชีผู้ใช้ แบ่งเป็นผู้โพสต์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุด รองลงมาเป็นยาเสพติด และกัญชากับผลิตภัณฑ์กัญชา พอดบุหรี่ไฟฟ้า ตามลำดับ
ปัจจุบันยาเสพติดที่โพสต์ขาย เป็นไอซ์มากที่สุด รองลงมาเป็น NPS (ชนิด เคตามีน เห็ดเมา และกระท่อม)
ถัดมาเป็นยาบ้า เคตามีน ยาอี และเฮโรอีน โดยโพสต์ขายผ่าน X, เฟซบุ๊ก, ไอจี และไลน์ ตามลำดับ ผู้โพสต์เคลื่อนไหวย่านลาดพร้าว เขตดอนเมือง และเขตมีนบุรี
ระบาดมากเป็นอันดับหนึ่งยาบ้า ขณะที่ไอซ์และเคตามีน จากจำนวนคดีและของกลาง สะท้อนแนวโน้มการค้าและแพร่ระบาดสูงขึ้น
แต่ขณะเดียวกันยาเสพติดและสารออกฤทธิ์เสพติดชนิดดั้งเดิมอย่างเคตามีน เฮโรอีน และน้ำต้มกระท่อม ยังเป็นปัญหาที่น่ากังวลในหลายเขต
มีประชาชนในหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการลักลอบจำหน่ายน้ำต้มกระท่อม ปรากฏในเขตบางซื่อ ดุสิต ราชเทวี บึงกุ่ม และหนองแขม
ทั้งนี้ ราคายาเสพติดทั่วไป ราคายาบ้าตกเม็ดละ 20-50 บาท และ 3 เม็ด 100 บาท, ไอซ์กรัมละ 200-600 บาท / 1 จีราคา 200-800 บาท (ส่วนใหญ่ 400-500 บาท/จี) และยาอีเม็ด 200-500 บาท
ย่างก้าว “รัฐบาลอิ๊งค์ 2” หลังจาก พท.คุม มท.เอง น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
ว่าผลสัมฤทธิ์การแก้ปัญหายาเสพติดเป็นไปตามราคาคุยหรือไม่
