
ส่องสารพัดปัญหา ‘การศึกษาไทย’ ลุ้นวัดกึ๋น ‘รมต.’ ใหม่ ‘ครม.อิ๊งค์ 2’ !!

| การศึกษา
การปรับคณะรัฐมนตรี หรือ “ครม.อิ๊งค์ 2” ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา มีชื่อของ “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) โยกไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.รอบนี้มี 2 เก้าอี้ คือ “น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และ “นายเทวัญ ลิปตพัลลภ” จากพรรคชาติพัฒนา (ชพ.)
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คนใหม่ มีชื่อ “นางสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ที่โยกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เนื่องจากการปรับ ครม.รอบนี้ น.ส.แพทองธาร จะควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ วธ.อีก 1 ตำแหน่ง
ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่า ที่ น.ส.แพทองธารต้องควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ วธ.เพราะหากวันที่ 1 กรกฎาคม ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ที่ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นนายกฯ ของ น.ส.แพทองธารสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
รวมทั้งถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ข้อ 40 (8) ตามที่นายมงคลร้องขอ
อย่างน้อย น.ส.แพทองธารก็ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการ วธ.และสามารถเข้าประชุม ครม.ได้
ทั้งนี้ การปรับ ครม.อิ๊งค์ 2 ไม่ได้ราบรื่น แต่เรียกว่าฝุ่นตลบเลยทีเดียว เกิดการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล แต่ที่หนักหนาสาหัสน่าจะเป็นการแย่งกันเองภายในพรรค พท.และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่แบ่งเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย
สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.และรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.มีชื่อเปลี่ยนไปมารายวัน เปลี่ยนแม้กระทั่งนาทีสุดท้าย ก่อน น.ส.แพทองธารนำรายชื่อ ครม.อิ๊งค์ 2 ขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา
เริ่มจากโผแรกมีชื่อ “นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” ลูกชายของนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หลานนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และเป็นลูกพี่ลูกน้อง น.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยมหิดล และรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย รวมถึงนักการเมืองรุ่นใหม่ในพรรค พท. ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นนางนฤมล รัฐมนตรีว่าการ กษ.และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม
ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ช่วงแรกเป็นชื่อ “นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์” ลูกชายนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ซึ่งเป็นโควต้ากลางของพรรรค พท.ที่ให้กับกลุ่ม ส.ส.ทสท.ที่มาสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งโค้งสุดท้าย ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.เพิ่มเป็น 2 เก้าอี้ โดยมีชื่อ น.ส.ลิณธิภรณ์ ส.ส.พท.และนายเทวัญ จากพรรค ชพ.ได้ไป
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการ อว.ในโผแรกๆ มีชื่อของ น.ส.นฤมล รัฐมนตรีว่าการ กษ. สุดท้ายชื่อกลับไปโผล่ที่วังจันทรเกษม เป็นรัฐมนตรีว่าการ ศธ.แทน และมีชื่อนางสุดาวรรณ รัฐมนตรี วธ.ขยับมานั่งแทน
อย่างไรก็ตาม หากดูรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็น ศธ.หรือ อว.ก็ล้วนแต่มีคำถาม และเสียงวิจารณ์ ว่าจะบริหาร และขับเคลื่อนงานด้านการศึกษา รวมถึงแก้สารพัดปัญหาได้หรือไม่
หากพูดถึงปัญหาใน ศธ.ต้องบอกว่ามีมากมายก่ายกอง และต้องใช้ “มืออาชีพ” ด้านการบริหารจัดการศึกษาเข้ามาเป็นหัวเรือใหญ่ เพื่อให้การศึกษาไทยเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่จัดสรรตำแหน่ง เพื่อให้การแบ่งโควต้าลงตัวเท่านั้น แม้จะมีการประเมินว่า ครม.อิ๊งค์ 2 น่าจะอยู่ต่อแค่ในช่วงสั้นๆ ก็ตาม
เพราะปัญหาด้านการศึกษา เป็นเรื่องที่รอไม่ได้…
ถ้ามองดูปัญหาด้านการศึกษาที่สั่งสม และหมักหมมมายาวนาน คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีทุกระดับการศึกษา อย่างการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่อยู่ในกำกับของ ศธ.ก็มีปัญหาเรื่อง “คุณภาพ” โดย “โรงเรียน” มีคุณภาพมาตรฐานไม่เท่ากัน ระหว่างโรงเรียนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล หรือท้องถิ่นกันดาร
นอกจากนี้ การ “ขาดแคลนครู” ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตก โดยเฉพาะในโรงเรียนขนาดเล็ก และโรงเรียนที่ไกลปืนเที่ยง ส่งผลให้เกิดปัญหาความ “เหลื่อมล้ำ” และ “โอกาส” ที่จะเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม
หรือแม้กระทั่งครูที่มีจำนวนมาก แต่ “ครู” บางส่วนก็มีปัญหาคุณภาพเช่นกัน และยังไม่พร้อมปรับตัวให้รับกับการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษา
การขาดแคลน “บุคลากรธุรการ” และอื่นๆ ในโรงเรียนขนาดเล็ก ทำให้ภาระงานธุรการ และงานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ตกเป็นภาระของครูผู้สอน
ขณะที่การจัดสรร “งบประมาณ” ยังไม่พอกับการพัฒนา และยกระดับการศึกษา เนื่องจากงบฯ ส่วนใหญ่ 80% เป็นงบฯ เงินเดือน หรือค่าใช้จ่ายประจำ ส่วนที่เหลือจึง “ไม่พอ” กับการ “พลิกโฉม” การศึกษา
ขณะที่หลักสูตร และการจัดการเรียนการสอนขาดความยืดหยุ่น ไม่ได้เน้นการพัฒนาทักษะ หรือการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์การทำงาน และการใช้ชีวิต
รวมทั้ง “ระบบการประเมินผล” ไม่ได้มาตรฐาน และไม่สามารถสะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของนักเรียนได้
สําหรับปัญหาในระดับอุดมศึกษา รวมถึงกระทรวง อว.มีไม่น้อยหน้า ศธ.เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านคุณภาพ “การศึกษา” ส่วน “หลักสูตร” ไม่ทันสมัย และ “ไม่ตอบโจทย์” ตลาดแรงงาน ทำให้ “บัณฑิต” จำนวนมากที่จบออกมาในแต่ละปีขาดทักษะที่จำเป็นในการทำงาน และใช้ชีวิต
ขณะที่คุณภาพ “อาจารย์” ยังขาดประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในสาขาที่ตัวเองสอน อีกทั้งอาจารย์บางส่วนยังมุ่งทำงานวิจัย หรือทำผลงานเพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการ มากกว่าจะเน้นการจัดการเรียนการสอน
“การวัดและประเมินผล” ยังถูกวิจารณ์ว่าไม่สะท้อนผลลัพธ์ที่แท้จริง เพราะเน้นการท่องจำมากกว่าการประเมินทักษะที่แท้จริงของนิสิตนักศึกษา ส่วนการเรียนการสอนยังเน้นการบรรยายเป็นหลัก
ปัญหาด้าน “การวิจัย” ก็ไม่ตอบโจทย์ประเทศ เพราะเน้นการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทั้งไทย และต่างประเทศ เพื่อขอตำแหน่งวิชาการ มากกว่าจะวิจัยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง หรือใช้แก้ปัญหาต่างๆ ได้ รวมถึงการขาดแคลนงบฯ วิจัย และยังมีสถาบันอุดมศึกษาอีกจำนวนมากที่ขาดแคลนอุปกรณ์ที่ทันสมัย
อีกปัญหาใหญ่คือ “การบริหารจัดการ” ที่ยังยึดติดกับระบบราชการที่ล่าช้า ขาดความเป็นอิสระ และไม่คล่องตัว ทั้งๆ ที่ “มหาวิทยาลัยรัฐ” ทยอยเปลี่ยนสถานภาพเป็น “มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ” แต่การบริหารงานยังติดรูปแบบเดิมๆ
โดยเฉพาะ “ผู้บริหาร” มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน มีปัญหา “ธรรมาภิบาล” เยอะมาก บวกกับปัญหา “ทุจริต” ทำให้มหาวิทยาลัยไทยไปไม่ถึงไหน
ด้านความ “ร่วมมือ” กับภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งการพัฒนาหลักสูตร การวิจัย และการถ่ายทอดเทคโนโลยี แม้จะมีความร่วมมือเพิ่มมากขึ้น แต่อาจไม่เพียงพอที่จะขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยให้เกิดการแข่งขันในเวทีโลกได้
นอกจากนี้ สถาบันอุดมศึกษาไทยยังมีปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย
ก็ต้องรอดูกึ๋น “รัฐมนตรี ศธ.” และ “รัฐมนตรี อว.” ใหม่ ว่าจะลุยงาน…เพื่อแก้ปัญหาด้านการศึกษาได้หรือไม่…
หรือแค่มานั่งเก้าอี้…ฆ่าเวลา เพื่อรอ “การเลือกตั้ง” ใหญ่ ที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้!!