
ม็อบ ‘รวมพลังแผ่นดิน’ จุดติด ท่ามกลางข้อกังขา ปลุก กระแส ‘รัฐประหาร’ ทั้งที่รถถังไม่สามารถแก้วิกฤตการเมือง

บทความในประเทศ
ม็อบ ‘รวมพลังแผ่นดิน’ จุดติด
ท่ามกลางข้อกังขา
ปลุก กระแส ‘รัฐประหาร’
ทั้งที่รถถังไม่สามารถแก้วิกฤตการเมือง
การจัดม็อบรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา
นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปราศรัยบนเวทีตอนหนึ่ง
“สื่อมวลชนหลายคนบอกว่าคุณสนธิ คุณกำลังยุให้ทหารเข้ามาปฏิวัติใช่ไหม ไม่ใช่ ทหารจะปฏิวัติมันไม่ได้บอกผม”
“จะทำเมื่อไหร่ก็ทำไป ถ้าเห็นว่าวิกฤตมันเกิดขึ้น แล้วการเมืองมันแก้ไม่ได้ ซึ่งการเมืองมันแก้ไม่ได้ เขาจะทำปุ๊บปั๊บ (รัฐประหาร) ก็เรื่องของเขา”
“แต่ขอเรื่องเดียวไหนๆ ถ้าจะทำแบบนั้น (รัฐประหาร) สาธุ ขออย่าเอาพลเอกมาบริหารชาติบ้านเมืองอีก ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาประเทศชาติ” อดีตแกนนำม็อบ พธม.กล่าว
คำพูดบนเวทีของนายสนธิกลายเป็นกระแสดราม่าร้อนแรงต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์
เพราะหลายฝ่ายมองว่าแม้ดูเหมือนจะจุดติด แต่เป็นการจุดติดท่ามกลางความสงสัยว่า กวักมือเรียกทหารออกมารัฐประหาร และโหยหารถถังหรือไม่
เพราะรัฐประหารไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาวิกฤตการเมือง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยิ่งทำให้ประเทศไทยถอยหลังลงคลอง ติดหล่มหมดอนาคต
สูญเสียความน่าเชื่อถือในเวทีโลก ขาดน้ำหนักในการเจรจาต่อรอง เพราะนานาชาติไม่ยอมรับอำนาจนอกระบบที่ไม่ได้มาจากเสียงของประชาชน
บทเรียนเลวร้ายในอดีตเมื่อปี 2549 และปี 2557 เป็นภาพสะท้อนให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้พิษสงของการปฏิวัติยึดอำนาจ
เพราะกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์คือคณะรัฐประหาร แต่ประชาชนเดือดร้อนหนัก
จึงไม่มีใครอยากเดินกลับไปจุดเดิมอีก
นายสนธิออกมาแก้ผ่านรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางช่องยูทูบ sondhitalk โดยยืนยันว่าไม่ได้ยุให้ทหารปฏิวัติ แต่พวกอินฟลูเอนเซอร์สายโลกสวยไปประดิษฐ์วาทกรรมว่าหนุนรัฐประหาร เป็นเพราะเครียดหรือไม่ ที่เห็นการชุมนุมของประชาชนรักชาติรวมพลังแผ่นดินจุดติด
เลยทำทีเป็นห่วงประเทศไทยขึ้นมา กลัวประเทศไทยจะกลับไปอยู่วงจรเดิมๆ
“เป็นสิทธิ์ของพวกคุณเท่านั้นเหรอ ที่จะบอกว่าการเมืองไทยควรเป็นอย่างไร ถ้าไม่ตกภาษาไทย หรือโง่เป็นกมลสันดาน ก็น่าจะเข้าใจที่ผมพูด คนพวกนี้ชอบกระแหนะกระแหนว่าเดี๋ยวก็ยุให้ทหารปฏิวัติ อยากให้เปิดสมองฟังที่ตนพูดให้ดีๆ ว่าพูดอย่างไรบ้าง แล้วก็หยุดเสียที” นายสนธิระบุ
ขณะที่พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ออกมาประณามคำพูดนายสนธิว่าคือการสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง
นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่าการชุมนุมเป็นสิทธิตามกฎหมาย และเป็นการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยปราศจากความรุนแรง ปราศจากอาวุธและชอบด้วยกฎหมาย
แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเป็นห่วงคือเนื้อหา การปลุกระดมของแกนนำบางคนที่มีการพูดถึงการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยไม่อาจจะรับได้ จึงขอเรียกร้องไปยังพี่น้องประชาชนที่รักในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่าพวกเราจะไม่เดินทางไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารอีกแล้ว
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ย้ำว่าการชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชน แต่ควรระมัดระวังเพราะอาจมีบางกลุ่มฉวยโอกาสใช้การชุมนุมเป็นเครื่องมือเรียกร้องกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ เช่น การปฏิวัติรัฐประหาร
“แกนนำหลายคนเป็นบุคคลหน้าเดิมที่เคยมีบทบาทในการเคลื่อนไหว ซึ่งนำไปสู่การรัฐประหารในอดีต อีกทั้งในการชุมนุมยังไม่มีการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ดังนั้น อาจเป็นการเปิดช่องให้มีการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอีกครั้ง”
“จึงขอให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมพิจารณาอย่างรอบคอบ และระมัดระวังไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงในการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย” นายณัฐพงษ์กล่าวเตือนสติ
สอดรับกับมุมมองของ บก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่จับสัญญาณและสะท้อนท่าทีของนายสนธิได้อย่างแหลมคม
“ด้วยบทบาทที่ทรงอิทธิพลของสนธิทำให้ทุกคนที่ขึ้นเวทีกลายเป็นตัวประกอบ เพราะเวทีนี้คือเวทีของสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะหากไม่มีเขา การชุมนุมใหญ่ขนาดนี้แทบจะไม่มีทางเกิดขึ้น ดังนั้น เราแทบไม่ต้องฟังแกนนำปราศรัยคนอื่นๆ แล้ว”
“สนธิประกาศว่าหากทหารรัฐประหาร อย่าเอานายพลโง่ๆ มาปกครองประเทศ และขอให้พวกตนได้เป็นคนเลือกและมีส่วนร่วมกับการสรรหาคณะผู้บริหารเหล่านั้น”
“ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง ประชาชนคนไทยได้แต่ไปนั่งดูไกลๆ แบบที่ทหารยึดอำนาจนั่นแหละ เพราะประชาชนไม่ได้อยู่ในสมการการเมืองในมุมมองของพวกเขา” บก.ลายจุดวิเคราะห์เบื้องลึกของม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ
ขณะที่ ศักดินา ฉัตรกุล ณ อยุธยา นักวิชาการด้านแรงงาน แชร์โพสต์ลงในสื่อโซเชียลมีเดียของตัวเอง โดยสนับสนุนแนวคิด “การยุติรัฐประหารที่ดีที่สุด คือการเอาคนทำรัฐประหารมาลงโทษฐานเป็นกบฏ”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของนายสนธิอาจทำให้ฝ่ายรัฐบาลอกสั่นขวัญหนีอยู่บ้าง เพราะรัฐนาวาลำนี้กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาอุปสรรคมากมาย
ทั้งกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน
ตลอดจนปัญหาข้อพิพาทพื้นที่เขตแดนไทย-กัมพูชา ที่สะเทือนถึงความสัมพันธ์กับกองทัพ โดยมีกลุ่มอนุรักษนิยมชนชั้นนำเฝ้าจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม การันตีว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
“เรื่องรัฐประหาร พยายามให้ตายก็ยากที่จะเกิดขึ้น ผมอยู่กระทรวงกลาโหมและได้พูดคุยผู้บังคับบัญชาส่วนต่างๆ ผู้บัญชาการทั้ง 4 เหล่าทัพก็ยืนยันว่า วันนี้ประเทศวิกฤต อยากจะช่วยให้ผ่านพ้นไปได้”
“ดังนั้น เรื่องนี้ (รัฐประหาร) ไม่ได้อยู่ในความคิดคำนึงของนายทหารชั้นผู้ใหญ่เลย วันนี้เขาอยากให้เราแก้ปัญหานี้ได้ทั้งหมด”
“อย่ามาใช้วิธีแบบเดิม จะตามไปขัดขวางหรือทำอะไรมันไม่ควรทำ เคยทำมาแล้วและมันเสียหายมา 10 ปีแล้ว” นายภูมิธรรมกล่าว
ปิดท้ายกันที่มุมมองของ ผศ.ดร.วีระ หวังสัจจะโชค อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ม.นเรศวร ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Politics ข่าวบ้าน การเมือง
ผศ.ดร.วีระวิเคราะห์ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีผลมาจากม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือเป้าหมายของการชุมนุมครั้งนี้มีปลายทางไปสู่จุดอะไรกันแน่
“การชุมนุมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน มันเหมือนงานลงแขก คือคนหลายๆ กลุ่มมาร่วมกัน แต่เป้าหมายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ปลายทางแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน”
“แม้กระทั่งคำแถลงของทนายนกเขา ก็ขาดความชัดเจนว่าสุดท้ายจะเรียกร้องอะไร”
“เราก็อย่าเพิ่งไปตัดสินม็อบนี้เร็วเกินไป แม้ว่าหลายคนจะตัดสินไปแล้วว่าเป็นม็อบในลักษณะเดียวกันกับช่วงก่อนรัฐประหารปี 2549 หรือปี 2557 ก็ตาม”
“สภาพสังคมไทยหลังรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นต้นมา ชนชั้นนำหลักของประเทศเราไม่ชอบให้มีม็อบ ชอบให้สังคมมันเดินหน้าไป ดังนั้น ม็อบที่เคยเกิดขึ้นในประเทศ คือม็อบปี 2563 เลยโดนจัดการอย่างเด็ดขาดหลายๆ คน”
“ผมเลยตั้งคำถามว่าแล้วม็อบรวมพลังฯ ได้รับความเห็นชอบจากชนชั้นนำ หรือพลังอนุรักษนิยมในประเทศไทยมากน้อยขนาดไหน หรือเป็นเพียงแค่บางฝ่ายที่พยายามสร้างสถานการณ์ผ่านมวลชนกลุ่มนี้”
“แต่ส่วนหนึ่งชัดเจนว่าพวกเขาเป็นม็อบมีเส้น เพราะสามารถเอาเวทีไปตั้ง ยิงแสงสีเสียงใส่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นโบราณสถานได้”
“ขณะที่ในอดีตม็อบราษฎรจะเอาเครื่องเสียงเข้าไป จะเอาอุปกรณ์เข้าไป ก็เต็มไปด้วยอุปสรรค ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าหลายคนอำนวยความสะดวกให้กับม็อบชุดนี้”
“แต่แน่นอนว่ารัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ถ้าประชาชนจะชุมนุม ก็ควรจะต้องชุมนุมกันได้ง่ายๆ แบบนี้แหละ อย่าไปขวางอะไรเยอะ”
“แต่ถ้าการชุมนุมถึงจุดหนึ่ง ข้อเรียกร้องถ้าไม่ใช่ประชาธิปไตยแล้ว เราจะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม ตรงนี้ต่างหากที่คนไทยจะต้องตั้งคำถามกับม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ” ผศ.ดร.วีระสะท้อนภาพการชุมนุมที่ต้องอยู่ภายใต้กรอบระบอบประชาธิปไตยโดยแท้จริง