เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

กรองกระแส / จุดเลี้ยว การเมืองไทย จากสถานการณ์ 24 กันยายน ถึงเหตุการณ์ 16 ตุลาคม

31.10.2020

กรองกระแส

 

จุดเลี้ยว การเมืองไทย

จากสถานการณ์ 24 กันยายน

ถึงเหตุการณ์ 16 ตุลาคม

 

ตราบใดที่มีการมองข้ามบทบาทและความหมายของสถานการณ์เมื่อวันที่ 24 กันยายน กับสถานการณ์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ตราบนั้นปัญหาอันเป็นวิกฤตในขณะนี้จะยังไม่จบ

เพราะโอกาสที่จะทำ “ความผิด” ซ้ำ มีแนวโน้มและความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง

สภาพการณ์อันปรากฏในห้วงแห่งการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 26 และวันที่ 27 ตุลาคม สะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัด

เด่นชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้ตระหนักใน 2 สถานการณ์ข้างต้น

อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อมองเห็นสถานการณ์ในวันที่ 24 กันยายน กลับมองเห็นแต่ภาพอันปรากฏ ณ ศิริราชพยาบาลและขยายผลสะเทือนสูงจนเกินจริง

แต่มองไม่เห็นภาพวันที่ 24 กันยายน ณ ที่ประชุมรัฐสภา

อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อมองเห็นสถานการณ์ในวันที่ 16 ตุลาคม กลับมองเห็นแต่อาการแตกกระเจิงของผู้ชุมนุมเมื่อประสบเข้ากับน้ำผสมสารเคมีอันฉีดจากตำรวจ

แต่มองไม่เห็นภาพอันตามมาในวันที่ 17 ตุลาคม

 

กรณี 24 กันยายน

กับความแหลมคม

สถานการณ์อันเกิดขึ้นในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 24 กันยายน เมื่อมีข้อเสนอจากพรรคพลังประชารัฐให้มีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการแทนที่จะลงมติรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นั่นคือ การเปิดโปงตัวเองอย่างล่อนจ้อน

เป็นการเปิดโปงจากความจัดเจนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สะสมมาตั้งแต่หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

ท่ามกลางบทเพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน”

เป็นการเปิดโปงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในพลังที่มีอยู่ในมือของตนผ่าน 1 พรรคพลังประชารัฐ 1 จาก 250 ส.ว.ว่าจะสามารถทำอะไรก็ได้ในทางการเมือง

โดยไม่สนใจพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา

ความมั่นใจเดียวกันนี้ ความจัดเจนเดียวกันนี้ เมื่อนำมาใช้อีกภายในกระบวนการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันที่ 26-27 ตุลาคม ยิ่งเท่ากับตอกย้ำ

ตอกย้ำว่ามิได้สรุปเป็น “บทเรียน”

 

กรณี 16 ตุลาคม

กับผลอันตามมา

สถานการณ์การสลายการชุมนุมที่แยกปทุมวัน ย่านสยามสแควร์ เมื่อคืนวันที่ 16 ตุลาคม เป็นผลและความต่อเนื่องจาก 2 กรณีประสานเข้าด้วยกัน

1 กรณีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงใน กทม.

ขณะเดียวกัน 1 ความย่ามใจจากการที่สามารถเข้าไปไล่ต้อนและจับกุมแกนนำไม่ว่านายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ตลอดจน น.ส.ปภัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ในเช้าวันที่ 15  ตุลาคม

จึงไม่ลังเลใจที่จะเผด็จศึกในตอนค่ำของวันที่ 16 ตุลาคม อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

นี่คือการประสานจุดได้เปรียบในทางกฎหมายโดยเฉพาะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง กับการลงมือปฏิบัติด้วยความรุนแรง

หวังจะสยบ กำราบให้เกิดความหวาดกลัว

แต่ผลอันตามในวันต่อมา ไม่ว่าจะเป็นที่ห้าแยกลาดพร้าว ไม่ว่าจะเป็นที่แยกอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นแยกเกษตร บางเขน

เด่นชัดอย่างยิ่งว่า ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงไม่มีความหมาย

 

จาก 24 กันยายน

ถึง 16 ตุลาคม

เด่นชัดอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ในวันที่ 24 กันยายน สะท้อนให้เห็นด้านที่หลอกลวง การไม่ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ไม่ว่าจะเป็นหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557

ไม่ว่าจะเป็นหลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 แม้จะมีเสียงเรียกร้องกระทั่งกลายเป็นกระแสในทางสังคมเรื่องการแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่

เป้าหมายก็คือ จะบริหารจัดการไปตามความจัดเจนของตน

เด่นชัดอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ในวันที่ 16 ตุลาคม สะท้อนให้เห็นความเคยชินอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการใช้ “อำนาจพิเศษ”

เมื่อไม่มีมาตรา 44 ก็งัดเอาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงมาเป็นเครื่องมือ

จากสถานการณ์เมื่อวันที่ 24 กันยายน เมื่อประสานเข้ากับสถานการณ์เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ความเชื่อที่เคยมีต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็กลายเป็นความเพ้อฝัน

สัมผัสได้ในโฉมหน้าและความเป็นจริงอย่างแท้จริง

 

ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กับวลี นรกอยู่ที่คนอื่น

เมื่อเข้าสู่สถานการณ์การประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 26-27 ตุลาคม โฉมหน้าของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งวางแบ ณ เบื้องหน้าประชาชน

ล่อนจ้อน เปล่าเปลือย

คำว่า “นรกอยู่ที่คนอื่น” อันเป็นนิยามลือชื่อของนักปรัชญาเอ็กซิสตองเชียลลิสม์ชาวฝรั่งเศสก็กระจ่างสว่างแก่ใจ

การเมืองไทยเข้าสู่วงจร “ทำไมฝนจึงตก เพราะกบมันร้อง ทำไมกบจึงร้อง”

นั่นก็คือ ตลอด 2 วันแห่งการอภิปราย ปัญหามิได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปัญหามิได้อยู่ที่รัฐบาล หากแต่อยู่ที่รัฐบาลในอดีต หากแต่อยู่ที่ฝ่ายค้าน หากแต่อยู่ที่เด็กๆ

นี่คือวิถีอันน่าเป็นห่วงที่สังคมไทยกำลังก้าวเดินไป



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

จดหมาย
หมี่กระเฉด ซีฟู้ด
เดินตามดาว | ศรินทิรา
‘มิตซูบิชิ ไทรทัน’ MY2025 ปรับใหม่ดุดันขึ้น-เพิ่มออปชั่น
ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ลุกลาม ‘วงการกีฬา’ จับตาห้ามแข่ง ‘ซีเกมส์’
อสังหาฯ อย่าคาดหวังกำลังซื้อจีน
ยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 125 เมื่อ ‘โจทย์’ ยากเกินไป ก็ไม่สนุก
สะแกแสงและขางหัวหมู ไม้ยาหายาก
ดาวกับดวง วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568
ขอแสดงความนับถือ
“อนุทิน” นิ่งสงบหลังถอนตัวจากรัฐบาล ย้ำ “ภูมิใจไทย” ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง เตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ ขอให้บ้านเมืองสงบ
“ชัยวุฒิ”เผย เพื่อไทยพยายามชวนร่วมรัฐบาล แต่ พปชร.ไม่ร่วม ฝากพรรคร่วมฯ ถ้ายังกอดคอกันอยู่ จะจมน้ำตายกันหมด แนะ ถอนตัวตั้งรัฐบาลใหม่