

His Three Daughters เป็นหนังที่มีโครงสร้างของละครเวทีอย่างเด่นชัด ขนาดที่ว่าเมื่อเครดิตตอนท้ายเริ่มปรากฏบนจอ ผู้เขียนคาดหวังไว้จะเห็นคำว่า “ดัดแปลงมาจากละครเวที”
แต่ก็หาได้เป็นดังนั้นไม่
เครดิตบอกเพียงว่า “เขียนและกำกับฯ โดย อะเซเซล เจคอบส์”
เหตุที่ทำให้คิดดังนั้นก็เพราะว่าละครเวทีมีข้อจำกัดหลายอย่างในการนำเสนอเรื่องราว ถึงขั้นที่เคยมีการกำหนดกฎเกณฑ์เป็นทฤษฎีการละครไว้
นักทฤษฎีการละครแต่ครั้งโบราณลงความเห็นว่าละครที่ดีจะต้องมี “เอกภาพทั้งสาม” (The Three Unities) กล่าวคือ เอกภาพแห่งเวลา (Unity of Time) เอกภาพแห่งสถานที่ (Unity of Place) และเอกภาพของการกระทำ/เรื่องราว (Unity of Action)
พูดง่ายๆ คือละครต้องดำเนินเรื่องให้จบในเวลาที่เป็นอันหนึ่งอันเดียว
เรื่องราวต้องเกิดขึ้นในสถานที่เดียว หรือไม่ห่างไกลกันนัก
และ “การกระทำ” ในเรื่องต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียว มีทิศทางเดียวกัน ไม่แตกแยกไปสู่เรื่องโน้นเรื่องนี้สารพัดทิศทาง
เอกภาพทั้งสามนี้เคยเป็นหัวข้ออภิปราย วิพากษ์วิจารณ์ และถกเถียงกันอย่างร้อนแรงมาแล้วในประวัติการละครของโลกตะวันตก
การเดินเรื่องของภาพยนตร์ His Three Daughters เป็นไปตามนั้น
คือเรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงเวลาสามวัน ในอพาร์ตเมนต์ของครอบครัวในนิวยอร์กซิตี้ และลูกสาวสามคนกำลังรอคอยความตายของพ่อที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
นอกจากนั้นหนังยังเผยเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงด้วยบทสนทนาระหว่างตัวละคร ซึ่งนำไปสู่การค้นพบและการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ซึ่งมีศัพท์เรียกว่า “การพัฒนาตัวละคร”
ดังนั้น สำหรับคนที่คุ้นเคยอยู่ในวงการละครเวทีอย่างผู้เขียน จึงไม่ได้มองลักษณะความเป็นละครเวทีนี้ว่าเป็นข้อด้อยของหนัง แต่ได้รับความเพลิดเพลินจากหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อบทเขียนได้อย่างยอดเยี่ยมและแหลมคม และนักแสดงสวมบทบาทได้อย่างลงตัวพอดิบพอดีและโดนใจ
เราไม่ได้เห็นตัวพ่อที่นอนรอความตายอยู่ในห้อง จวบจนในช่วงท้ายเรื่อง
เหตุการณ์เกิดขึ้นกับลูกสาวสามคนเป็นหลัก
เคที (แครี่ คูน) เป็นพี่คนโตซึ่งกำหนดบทบาทของของตัวเองในฐานะลูกคนโตไว้อย่างเอางานเอาการ เปิดฉากด้วยภาพของเธอยืนกอดอก ต่อว่าน้องสาวคนเล็กผู้อยู่บ้านเดียวกับพ่อมาตลอด และไม่ได้จัดการให้พ่อเซ็นเอกสาร “ไม่ต้องการให้กระตุ้นหัวใจ” (DNR – Do Not Resuscitate) เพื่อที่จะได้จากไปอย่างสงบในกาลอันควรตามธรรมชาติ
เรเชล (นาตาชา ลีออนเน) เป็นสาวพังก์ย้อมผมสีส้มเปรี้ยวปรี๊ด ไม่ได้ทำงานทำการอะไร ดูเหมือนจะเกาะพ่อกิน และเล่นพนันออนไลน์ โดยเมากัญชาอย่างเปิดเผยทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะเมื่อกัญชากลายเป็นสารเสพติดที่ถูกต้องตามกฎหมายไปแล้ว
ส่วนลูกสาวคนกลาง คริสตินา (เอลิซาเบธ ออลเซน) แต่งงานและย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียไกลลิบ และวุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงดูลูกสาวอย่างใกล้ชิดและครอบครัวในอุดมคติของหญิงสาวทุกคน
เคทีพยายามจัดการให้พ่อเซ็นเอกสารไม่ให้กระตุ้นหัวใจ เพื่อจะได้ต่อชีวิตที่ไร้คุณภาพชีวิตให้ยืดยาวต่อไปอีก เนื่องจากหากปราศจากเอกสารนั้น เจ้าหน้าที่แพทย์ที่เรียกตัวมายามวิกฤตก็จะไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามหน้าที่รักษาชีวิตคนไข้ไว้ตามขั้นตอนระเบียบวิธี
เรเชลดูเหมือนเป็นคนไร้ความรับผิดชอบและเฝ้ารอความตายของพ่อเพื่อจะได้รับกรรมสิทธิ์เช่าอพาร์ตเมนต์ในมหานครนิวยอร์กต่อจากพ่อ ซึ่งซื้อขายกันได้ในราคาสูงลิ่ว
เคทีเปิดตู้เย็นดู ก็ว่างเปล่า ไม่มีอาหารการกินอะไร มีแต่ถุงแอปเปิลเก่าใกล้เน่าค้างตู้อยู่นานแล้ว
เรเชลมีแฟนผิวดำชื่อเบนจี้ (โจแวน อาเดโป) มาค้างด้วย และอดรนทนไม่ไหวจนต้องระเบิดให้พี่สาวสองคนรู้ว่าเรเชลคอยดูแลและทำอะไรเพื่อพ่อบ้าง
เมื่อพ่อไม่ยอมกลืนอะไรลงคอเลย นอกจากแอปเปิล เรเชลก็ซื้อแต่แอปเปิลมาหั่นใส่ปากให้พ่อเคี้ยวกลืนทุกวัน
บทพูด–ซึ่งเป็น “โมโนล็อก” ของเบนจี้ในตอนนี้–เป็นบทที่เขียนได้ลงตัวและถึงใจดีเยี่ยมเลยเชียว
หนังที่เดินเรื่องด้วยการพัฒนาตัวละครตามแบบฉบับของละครเวที จะมี “การค้นพบ” ตามต่อกันมาครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงในทัศนะและมุมมองของตัวละคร จนไปถึงความเข้าใจชีวิตที่ลึกซึ้งกว่าเดิมและเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่มีต่อกันและกัน
ตัวละครที่เป็นเจ้าหน้าที่การแพทย์ที่มาดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่บ้าน ชื่อเอนเจล (รูดี้ กัลแวน) ออกจะชัดเว่อร์ไปนิดในด้านสัญลักษณ์ นั่นคือ เขาเป็น Angel of Death หรือทูตแห่งความตาย ที่มาเตือนล่วงหน้าให้รู้ว่ามัจจุราชกำลังใกล้เข้ามา
ทว่า เอนเจลก็กลายเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้สองพี่น้องที่ระหองระแหงกันกลับมาเชื่อมโยงผูกพันใกล้ชิดกันในตอนท้าย
แม้ในครอบครัวที่รักใคร่ใยดีกันและกัน สิ่งที่เรียกว่า “ชีวิต” ก็ยังพัดพาให้เหินห่างแตกแยกกันไปคนละทิศคนละทาง มีปัญหาชีวิตไปคนละทางสองทาง
ไม่มีชีวิตใครที่ “เพอร์เฟ็กต์” ไม่มีชีวิตในฝันหรือชีวิตในอุดมคติ
ทุกคนเคยทำผิดหรือพลาดในบางจุดของชีวิตกันทั้งนั้น
เราจะประเมินสิ่งที่เรียกว่า “ชีวิต” ได้ก็เมื่อประมวลทุกสิ่ง…ทุกความสัมพันธ์…ทุกความฝัน…ทุกความรัก…ทุกความเป็นจริง เข้ามาด้วยกัน และมองย้อนกลับไปในจุดที่พลาดพลั้ง ผิดพลาด เผลอไผล หรือปล่อยให้หลุดมือไป
ฉากตอนจบอาจนำไปสู่การตีความได้หลายแบบ โดยเฉพาะในลักษณะเหนือจริง (surreal) แต่นั่นก็เป็นจุดแข็งของหนัง เนื่องจากชีวิตนั้นไม่มีคำตอบสุดท้าย ไม่มีคำตอบตายตัว ไม่มีคำตัดสินเรื่องดีชั่วเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
หนังดรามาที่กินใจเรื่องนี้เดินเรื่องด้วยมุกที่น่าขันประปราย ซึ่งลดทอนน้ำหนักและความโศกเศร้าชวนรัดทดหดหู่ของเรื่องราวเกี่ยวกับความตายลงไปมาก
ที่น่าชมที่สุดคือบทบาทการแสดงของนักแสดงนำหญิงทั้งสามคน ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ
ขอปรารภเป็นการส่งท้ายว่า ไม่ทราบว่าโลกเราเป็นอะไรบัดนี้ เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษหรือไร หรือว่าตัวเองก้าวมาถึงวัยที่จะต้องเจอะเจอกับเรื่องแบบนี้เป็นอาจิณ เพราะว่าช่วงนี้ผู้เขียนมีประสบการณ์ในทำนองเดียวกับสมมุติฐานของหนังเรื่องนี้มาเรื่อยๆ…มีเพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหายที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งรอคอยอยู่แต่วันที่จะต้องพลัดพรากจากกันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับคืน…
ขอแนะนำหนังเรื่องนี้อย่างยิ่งค่ะ เพิ่งออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์มาไม่กี่วันนี้เอง… •
HIS THREE DAUGHTERS
กำกับการแสดง
Azazel Jacobs
นำแสดง
Carrie Coon
Natasha Lyonne
Elizabeth Olsen
Jay O. Sanders
Rudy Galwan
ภาพยนตร์ | นพมาส แววหงส์
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต



