ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีโมเมนต์สำคัญๆ ทางการเมืองที่ถูกจับตามากเป็นพิเศษอยู่สองวาระ
หนึ่งคือการเข้าบ้าน “จันทร์ส่องหล้า” ไปพบอดีตนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ของสองผู้นำพรรคภูมิใจไทยอย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” และ “เนวิน ชิดชอบ”
อันถือเป็นการพบปะกันครั้งแรก (ที่ประกาศให้สาธารณชนรับทราบ) ระหว่างทักษิณกับเนวิน
สองคือการประกาศแต่งตั้ง “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ให้ดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ซึ่งเจ้าตัวอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นการตัดสินใจระดับที่ต้อง “กลืนเลือด” แต่ก็วางพื้นฐานอยู่บนการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเป็นจริงทางการเมือง
ในสภาวะเช่นนี้ จึงอยากพาทุกท่านย้อนกลับไปอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษหัวข้อ “‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ ย้อนสัมพันธ์ลึก ‘เนวิน-เสื้อแดง’ งานนี้ ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่'” โดย “สุเมศ ทองพันธ์” ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2551
นี่คือบทสัมภาษณ์ณัฐวุฒิในฐานะแกนนำ “แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ” (นปก.) ภายหลังจากที่หนึ่งในแกนนำระดับ “เสนาธิการใหญ่” ของ “กลุ่มคนเสื้อแดงยุคแรก” อย่าง “เนวิน ชิดชอบ” เพิ่งตัดสินใจสลับขั้วไปจัดตั้งรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับพรรคประชาธิปัตย์
เนื้อหา-ถ้อยคำ-ความคิดที่น่าสนใจบางส่วนจากสกู๊ปสัมภาษณ์พิเศษดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
: วันนี้เสื้อแดงแตกกันหรือยัง?
เสื้อแดงจะไม่มีวันแตกในเชิงแนวคิดและอุดมการณ์ เพราะอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงนั้นคือการต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านการยึดอำนาจ
มวลชนคนเสื้อแดงคงไม่ได้รวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจนักการเมืองคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ หรือมีขึ้นเพื่อเคลื่อนไหวไปคลี่คลายแรงเสียดทานทางการเมืองให้กับใคร สิ่งที่เกิดขึ้น (การแยกตัวของกลุ่มเพื่อนเนวิน) มันเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางการเมือง และจะเกิดขึ้นบางสถานการณ์เท่านั้น…
: นายเนวินมีจุดแข็งตรงไหน?
…ที่เด่นเลย ที่ถือว่าเป็นจุดแข็งเลย คือพี่เนวินมักจะมีข้อมูลอะไรมาให้เรื่อยๆ พวกข้อมูลลับ ข้อมูลลึกๆ อะไรอย่างนี้ อย่างเรื่องเกณฑ์ทหารของอภิสิทธิ์ (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ก็พี่เนวินนั่นแหละที่เอามาให้พวกเรา แกเอามาให้คนคนหนึ่ง แล้วคนคนนั้นเอามาให้จตุพร คนที่ว่าก็เป็นคนที่ร่วมทำด้วยกันนี่แหละ
: ในทางการเมืองนายเนวินถือเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง?
พี่เนวินถ้าสู้กับใคร แกก็สู้จริง คือถ้าสู้กับใคร แกก็ทำจริงแหละ แล้วแกมีวิธีการ มีลูกวิชามากมาย เพียงแต่ว่าผมไม่ได้รู้สึกว่าแกน่ากลัว
เหตุผลเพราะว่าผมไม่ได้รู้จักพี่เนวิน เพราะวิชาทางการเมืองอะไรต่างๆ ของแก แต่ผมรู้จักที่ตัวตนของแก แกก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่เคยได้สัมผัสกัน ได้เคยทำอะไรด้วยกันมา
มีเรื่องที่ดีใจร่วมกัน มีเรื่องที่เสียใจร่วมกัน มีเรื่องที่มีความสุขร่วมกัน มีเรื่องที่มีความทุกข์ร่วมกัน เจ็บปวดร่วมกัน ก็เห็นว่าพี่เนวิน ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง จึงไม่มีอะไรที่จะน่ากลัวไปกว่ามนุษย์คนอื่นๆ
พี่เนวินไว เป็นคนฉลาด! (เน้นเสียงพร้อมกับส่ายหน้าไปมา) ฉลาดเลยแหละ แล้วไว! คิดอะไร ทำอะไร ปุ๊บปั๊บๆ แต่ผมว่าพี่เนวินเขาก็รู้ว่า ตอนพวกผมสู้ก็เอาจริงเหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ เรารู้จักกันเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าอีกฝั่งหนึ่งได้พี่เนวินไปอยู่ด้วยอาจจะดูแข็งแรงขึ้น เพราะมีกำลังเสริม กำลังหนุนที่เคยทำงานเคลื่อนไหวร่วมกับฝ่ายนี้
แต่อย่างที่ผมบอกคือเราไม่ได้สู้กับพี่เนวิน แต่เราสู้กับวงจรอุบาทว์ในการช่วงชิงอำนาจ และท้ายที่สุด เหลี่ยมคูทางการเมือง แผนการ ยุทธศาสตร์ มันสู้พลังของประชาชนไม่ได้ และเคยพิสูจน์มาแล้วมากมาย
อย่างในยุคเผด็จการ รสช. สุดท้ายร้อยพันวิธีการมันก็ฝ่าด่านวิธีการเดียวของประชาชนไม่ได้ คือวิธีการที่ไม่ยินยอมสยบยอมต่ออำนาจทุกรูปแบบ
: คงถึงเวลาที่พี่-น้องจะต้องรบกันเอง?
เป็นพี่-น้องกันก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้จะฆ่าจะแกงกันสักหน่อย แต่เป็นการต่อสู้กันของแนวคิดทางการเมือง เขาไปอยู่ตรงนั้น ผมก็ไม่ได้นั่งนึกว่าเขาจะต้องตาย เขาก็คงไม่มานั่งนึกว่าขอให้ผมตาย แต่เมื่อยืนอยู่คนละข้างก็ต้องสู้กัน
นี่คือการเมือง
เมื่อมาย้อนอ่านบทสัมภาษณ์เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ณ ช่วงปลายปี 2567 ซึ่งทั้ง “เนวิน ชิดชอบ” และ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ต้องหวนมาร่วมทำภารกิจทางการเมืองในฝั่งฟากเดียวกันอีกหน
ไม่ทราบว่าผู้อ่านแต่ละท่าน มีความรู้สึกและความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง? •
ของดีมีอยู่ | ปราปต์ บุนปาน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022
