
รุมประณามมือโหมไฟใต้ มุ่งทำร้ายกลุ่มเปราะบาง ‘ทักษิณ’ ต่อสาย ‘อันวาร์’ เร่งเจรจาคลี่สถานการณ์

อาชญากรรม | อาชญา ข่าวสด
รุมประณามมือโหมไฟใต้
มุ่งทำร้ายกลุ่มเปราะบาง
‘ทักษิณ’ ต่อสาย ‘อันวาร์’
เร่งเจรจาคลี่สถานการณ์
ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ลุกโชนขึ้นในรอบใหม่ นับจากเหตุการณ์ปล้นปืน ค่ายปิเหล็ง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 กินเวลายาวนานผ่านมาถึง 21 ปี กระทั่งเริ่มมีความพยายามในการพูดคุยสันติสุข ทำให้เหมือนจะเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์
แต่จะด้วยความไม่ชัดเจนเรื่องผู้นำการพูดคุยสันติสุข ของรัฐบาลที่ยังไม่มีการแต่งตั้ง หรือความพยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ก็ยากจะคาดเดา ทำให้ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลง เมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุพุ่งเป้าไปยังผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง ทั้งพระสงฆ์ สามเณร ประชาชนทั่วไป ไม่เว้นแม้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก คนชรา ผู้พิการ
เมื่อวันที่ 18 เมษายน หลังเกิดเหตุลอบยิงอดีตอุสตาซหรือครูสอนศาสนาอิสลามเสียชีวิตขณะกลับจากการละหมาด มีการปล่อยข่าวปลุกปั่นว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ นำมาสู่การลอบยิงสามเณรเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 เมษายน รวมทั้งเหตุสลดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มคนร้ายกราดยิงลูกกับแม่ที่พิการทางสายตาจนเสียชีวิต และยังกราดยิงเข้าไปในบ้านจนมีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 2 ราย โดยมีเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบเสียชีวิตไปด้วย
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้นำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจ และความโกรธแค้นของคนไทยทั้งประเทศ
ย้อนไปเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 พฤษภาคม เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ขับขี่รถจักรยานยนต์ประกบยิงนางสง่า แสงย้อย อายุ 76 ปี ซึ่งพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง ขณะนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับนายทัศไนย์ ตั้งคง (บุตรชาย) อายุ 41 ปี เพื่อเดินทางกลับบ้าน หลังจากพามารดาไปหาหมอที่โรงพยาบาลจะแนะ จ.นราธิวาส ในช่วงเช้า เหตุเกิดบริเวณบนถนนหมายเลข 4271 รอยต่อระหว่างบ้านไอร์บือตอ หมู่ที่ 4 กับบ้านไอรโชร์ หมู่ที่ 5 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
กระสุนถูกบริเวณศีรษะนางสง่า เสียชีวิตคาที่ต่อหน้าบุตรชาย ส่วนนายทัศไนย์ถูกยิงบริเวณซี่โครงข้างขวา ได้รับบาดเจ็บสาหัส พลเมืองดีได้นำส่งโรงพยาบาลจะแนะ

พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่เกิดเหตุกราดยิง
คํ่าวันเดียวกัน เวลา 19.45 น. พ.ต.อ.อัสรี ต่วนเพ็ง ผกก.สภ.ตากใบ รับแจ้งเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คัน เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด กราดยิงเข้าไปบริเวณบ้านเลขที่ 1/3 หมู่ที่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้นายดำ จันทร์คง อายุ 46 ปี ด.ญ.สสิดา จันทร์คง อายุ 9 ปี และนายแดง ตุนาสุข อายุ 58 ปี เสียชีวิต ส่วนนายภาคีไนย รังเสาร์ อายุ 29 ปี กับนายเชาว์ จันทร์คง อายุ 44 ปี ได้รับบาดเจ็บ
พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่เกิดเหตุทั้งสองจุดทันที พร้อมประกาศประณามการกระทำอันโหดเหี้ยมว่า “เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ป่าเถื่อน และไร้ความเป็นมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ที่สามารถลั่นไกใส่ผู้บริสุทธิ์ซึ่งไม่มีทางสู้ได้ลงคอ”
แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่ จ.นราธิวาส เริ่มจากการลอบยิงผู้นำศาสนา โดยมีกลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามบิดเบือนว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งผลให้เกิดการตอบโต้รุนแรงหลายครั้ง เช่น การยิงที่สถานีตำรวจโคกเคียน, การยิงประชาชนไทยพุทธที่ อ.แว้ง และเหตุยิงพระสงฆ์ และสามเณรขณะบิณฑบาต รวมถึงเหตุยิงซ้ำอีกสองครั้งในคืนวันที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ได้สั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด เน้นการทำงานร่วมกันของผู้นำท้องถิ่นและผู้นำศาสนา กำชับการเดินทางของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ตรวจสอบและเสริมกำลังในจุดที่มีกำลังไม่เพียงพอ โดยเน้นการป้องกันช่วงเวลาละหมาดค่ำ (19.00-20.00 น.) ซึ่งมักถูกใช้เป็นจังหวะในการก่อเหตุ ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้กระทำผิดโดยมีเบาะแสและร่องรอยแล้ว
พร้อมขอให้ประชาชนทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมร่วมมือ และมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยที่กำลังดำเนินการอยู่

พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ. 9 ตรวจที่เกดิเหตุกราดยิง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
การสังหารเป้าหมายที่ไร้ทางสู้ ทั้งนักบวช และประชาชน ล้วนสร้างความไม่พอใจให้แก่คนในสังคมทุกเชื้อชาติศาสนา ยิ่งล่าสุดเหยื่อเป็นเพียงเด็กหญิงวัยเพียง 9 ขวบ ยิ่งโหมกระพือความไม่พอใจเป็นวงกว้าง หลายฝ่ายออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
ด้านสำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ประณามเหตุดังกล่าวอย่างถึงที่สุด และขอประกาศด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนที่สุดว่า ไม่มีเหตุผล ข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าข้ออ้างทางการเมือง ชาติพันธุ์ ศาสนา หรือประวัติศาสตร์ ในการก่ออาชญากรรมอันโหดเหี้ยมเช่นนี้
เมื่อกระแสสังคมตีกลับ กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) จึงออกแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและได้รับความเดือดร้อน โดย BRN แสดงความเสียใจและเห็นใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย พร้อมย้ำชัดว่า “เราไม่มีนโยบายโจมตีเป้าหมายพลเรือน” ในแถลงการณ์ฉบับเดียวกัน BRN ยังเน้นย้ำถึงหลักการของการต่อสู้ว่าดำเนินการภายใต้กรอบของสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการวางแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยมี พล.ต.ณรงค์ ตันติสิทธิพร ผบ.ฉก.นราธิวาส พร้อมด้วยนายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าฯ นราธิวาส พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้ง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เข้าร่วมประชุม
พ.ต.อ.ทวีเปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ และมุ่งมั่นในการคลี่คลายปัญหาความไม่สงบอย่างเป็นระบบ พร้อมเน้นย้ำการฟื้นฟูขวัญและกำลังใจของประชาชนเป็นสำคัญ และเชื่อมั่นในการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ พร้อมให้กำลังใจและรับฟังความเห็นของทุกคนเพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้ตรงจุดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ภายหลังจากประชุม พ.ต.อ.ทวีลงพื้นที่เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จากนั้นช่วงบ่ายจะลงพื้นที่วัดสิทธิสารประดิษฐ์ (โคกยาง) ต.โฆษิต และวัดโคกมะม่วง ต.พร่อน อ.ตากใบ เพื่อเป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพนายแดง ตุนาสุข นายดำ จันทร์คง และ ด.ญ.สสิตา จันทร์คง พร้อมพบปะให้กำลังใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจ และนำความห่วงใยของรัฐบาลมามอบให้
พร้อมเน้นย้ำการฟื้นฟูขวัญและกำลังใจของประชาชนเป็นสำคัญ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น ใช้เวลาพูดคุยเกือบ 1 ชั่วโมง
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูปแบบ และได้สั่งการทหาร ตำรวจ และพูดคุยกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้ตรึงกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มข้น พร้อมกับพูดคุยทำความเข้าใจว่ามีอะไรที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือได้บ้าง
“สิ่งที่อยากเน้นย้ำและขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ช่วยกัน คือ ไม่อยากให้มีการแบ่ง เรื่องศาสนา เชื้อชาติ เพราะทุกคนคือคนที่มีครอบครัว เราไม่ต้องมาแบ่งแยกเรื่องนี้ และไม่ควรมีความรุนแรงเกิดขึ้น ย้ำว่ารัฐบาลไม่สนับสนุนความรุนแรง ทุกชีวิตที่เสียไปมีคุณค่าและมีความหมาย จึงอยากให้ช่วยกันทำความเข้าใจเรื่องนี้ว่าเราไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา” นายกฯ กล่าว
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนได้ติดต่อพูดคุยกับนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานอาเซียน ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ และพร้อมสนับสนุนเรื่องการพูดคุยกัน
ขณะที่นายภูมิธรรมยืนยันหนักแน่นว่า ยินดีที่จะเจรจาพูดคุย ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐเป็นรัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้น การจะเจรจาเพื่อเป็นรัฐปาตานี หรือรัฐอะไรก็ตาม เราไม่พร้อมเจรจาด้วย เรายอมรับอยู่แล้วว่าการที่จะให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ มีส่วนร่วมในการปกครองตัวเอง แต่ต้องไม่แบ่งแยกเป็นรัฐอิสระ
“ประเด็นสำคัญคือไม่ควรมีการเข่นฆ่าพี่น้องประชาชน ถ้าเอาเรื่องนี้มาบีบเราคงยอมไม่ได้ และเราจะต้องดำเนินการอย่างแข็งแรงเด็ดขาด” นายภูมิธรรมกล่าว
ทุกปัญหาความขัดแย้ง ล้วนจบลงที่โต๊ะเจรจา จะเจรจาก่อนรบ หรือรบก่อนเจรจา ล้วนเป็นไปเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง การจับมือระหว่างไทย-มาเลเซีย จะนำมาสู่การบีบกระชับพื้นที่ จะมีการสกัดกั้นไม่ให้ผู้ก่อความไม่สงบหลบหนีข้ามแดนไป-มาได้อีก ก็เพื่อให้รัฐบาลมีอำนาจต่อรอง ก่อนเปิดเจรจาครั้งใหม่
การโหมกระพือไฟใต้อีกรอบของฝ่ายก่อความไม่สงบ ก็เป็นการสร้างอำนาจต่อรองก่อนนั่งโต๊ะเจรจานั่นเอง

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ประชุมร่วมกับฝ่ายความมั่นคง
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022