

ฝนไม่ถึงดิน | ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี
รู้จักบอร์ดแพทย์ประกันสังคม
: เบื้องหลังงบมหาศาล
ในโครงสร้างระบบสุขภาพไทย มีหน่วยงานหนึ่งที่มีอำนาจและความรับผิดชอบอย่างมหาศาล แต่กลับไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในสายตาประชาชนทั่วไป
นั่นคือ “บอร์ดแพทย์ประกันสังคม”
องค์กรที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของผู้ประกันตนมากกว่า 15 ล้านคน และบริหารจัดการงบประมาณที่มีมูลค่าสูงถึง 70,000 ล้านบาทต่อปี
การดำรงอยู่ของบอร์ดแพทย์ประกันสังคมจึงเป็นเสมือนกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างรัฐและภาคเอกชนในระบบการแพทย์ไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากกองทุนประกันสังคมเป็นจำนวนมาก
“กระทรวงเงาของโรงพยาบาลเอกชน?”
หากพิจารณาจากมุมมองของการจัดสรรงบประมาณ บอร์ดแพทย์ประกันสังคมสามารถเรียกได้อย่างไม่เกินจริงว่าเป็น “กระทรวงว่าการโรงพยาบาลเอกชน” เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการอนุมัติและจัดสรรงบประมาณให้กับโรงพยาบาลเอกชนเป็นจำนวนมหาศาลถึงกว่า 35,000 ล้านบาทต่อปี
ตัวเลขนี้มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง เพราะไม่มีหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดที่จัดสรรงบประมาณในปริมาณมหาศาลเช่นนี้ให้กับภาคเอกชนในระบบการแพทย์ การจัดสรรงบประมาณจำนวน 35,000 ล้านบาทนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศโดยรวม
ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและซับซ้อนระหว่างบอร์ดแพทย์ประกันสังคมกับโรงพยาบาลเอกชนจึงเป็นประเด็นที่สมควรได้รับการศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิดจากสังคม
เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการใช้เงินสาธารณะของประชาชนในจำนวนที่สูงมาก
โฉมหน้าใหม่ของการบริหารประกันสังคม
ปัจจุบัน ทีมบริหารใหม่ของบอร์ดแพทย์ประกันสังคมกำลังพยายามสร้างแนวทางใหม่ในการบริหารจัดการสัดส่วนผู้ประกันตนและการควบคุมงบประมาณขนาด 70,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในวงการแพทย์ไทยซึ่งเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ยาวนาน และมีคำนำหน้าชื่อที่ยาวกว่านามสกุล ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
สิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญในระบบปัจจุบันคือ เรามีผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการตัดสินใจต่างๆ อยู่ในสมการนี้น้อยเกินไป ระบบที่ควรจะให้ความสำคัญแต่แรกกับผู้ป่วยและประชาชน กลับกลายเป็นว่าเสียงของผู้ป่วยถูกกลบและมองข้าม ในขณะที่เสียงของผู้มีอำนาจและผลประโยชน์กลับดังกว่า
ทีมบริหารใหม่ของประกันสังคมที่มุ่งสู่ความก้าวหน้าอาจต้องเผชิญกับการวิจารณ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกเกี่ยวกับประเด็นประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
เมื่อทีมงานแถลงการณ์หรือแสดงจุดยืนในประเด็นต่างๆ มักมีผู้วิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้อื่นในระบบเดิมมีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรืออำนาจในการตัดสินใจมากกว่า และพยายามดูหมิ่นคุณค่าของแนวคิดและข้อเสนอที่ทีมใหม่นำเสนอ
การวิจารณ์ดังกล่าวมักจะมาพร้อมกับการพยายามลดทอนความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น โดยใช้ข้ออ้างว่าระบบเดิมมีความเสถียรและประสบการณ์ที่ยาวนาน
แต่สิ่งที่ไม่ควรหวั่นไหวคือ แม้ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีอำนาจ ทรัพยากร หรือความสามารถในเชิงโครงสร้างมากกว่า แต่พวกเขาไม่เคยใช้สิทธิพิเศษและความได้เปรียบที่มีอยู่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่แท้จริงให้กับสังคมและผู้ป่วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ทีมใหม่ต้องทำคือดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง และยืนหยัดในจุดยืนที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยไม่ยอมให้การวิจารณ์ที่ไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญมาขัดขวางการทำงานเพื่อประชาชน
แผนงานเชิงรุกเพื่อประชาชน
: การขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพ
ทิศทางที่ทีมบริหารใหม่ จากทีมประกันสังคมก้าวหน้าแม้จะมีสัดส่วนเพียงสองท่าน แต่ก็มุ่งมั่นดำเนินการคือการขยายบริการสุขภาพที่จำเป็นและสำคัญต่อประชาชนในวงกว้าง โดยมีแผนงานสำคัญ 3 ด้านหลัก
1. การขยายบริการทันตกรรม
ปัจจุบันผู้ประกันตนมีสิทธิรับบริการทันตกรรมในวงเงิน 900 บาทต่อปี ครอบคลุมการขูดหินปูน การอุดฟัน การถอนฟัน และการผ่าฟันคุด โดยผู้ประกันตนสามารถใช้บริการได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งต่อปี จนกว่าจะครบวงเงิน 900 บาท
นอกจากนี้ ระบบยังให้สิทธิในการทำฟันปลอมชนิดถอดได้ โดยฟันปลอมบางส่วน 1-5 ซี่ เบิกได้ไม่เกิน 1,300 บาท ส่วนฟันปลอมทั้งปาก บนหรือล่าง เบิกได้ไม่เกิน 2,400 บาท และฟันปลอมทั้งปาก บนและล่าง เบิกได้ไม่เกิน 4,400 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี
แผนการขยายบริการทันตกรรม ที่ต้องมีเงื่อนไขการได้รับบริการไม่ต่ำกว่าบัตรทองเป็นเรื่องท้าทาย ให้ผู้ประกันตนได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. การพัฒนาระบบรักษาแบบประคับประคอง (Palliative Care)
การดูแลแบบประคับประคองเป็นการดูแลที่มีมุ่งเน้นการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว โดยลดความทุกข์ทรมานทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
การรักษาแบบประคับประคองเป็นการดูแลแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งกาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ เน้นการจัดการอาการไม่สุขสบายต่างๆ อย่างเข้มข้น
สิ่งสำคัญคือ Palliative Care สามารถเริ่มรักษาและดูแลควบคู่ไปกับการรักษาหลักที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ได้ โดยที่ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต
มีหลักฐานชัดเจนว่ายิ่งเริ่มเข้าสู่การดูแลรักษาแบบประคับประคองได้เร็ว จะทำให้เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วยได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันการรักษาของประกันสังคมยังไม่ครอบคลุมการรักษาประคับประคองนอก โรงพยาบาล
3. โครงการรับยาใกล้บ้าน
โครงการรับยาใกล้บ้านเป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน ลดความแออัดในโรงพยาบาล และลดค่าใช้จ่ายการเดินทาง จากการประเมินผลของเภสัชกรร้านยาเครือข่าย พบว่าผู้ป่วยพอใจและรู้สึกสะดวก ไม่ต้องรอคิวที่ห้องยาโรงพยาบาล
ในปีงบประมาณ 2567 มีร้านยาที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 5,348 แห่ง และมีการให้บริการในระบบ 2,649 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 49.53 ของร้านยาที่ให้บริการทั้งหมด มีผู้รับบริการมากถึง 1,442,891 คน และบริการรวมทั้งสิ้น 3,573,254 ครั้ง หรือเฉลี่ย 2.48 ครั้งต่อคน
สำหรับสิทธิบัตรทอง มีบริการเภสัชกรรมปฐมภูมิที่ร้านยาชุมชนอบอุ่นกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมการดูแลการเจ็บป่วยเล็กน้อย 32 กลุ่มอาการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ปัจจุบันบอร์ดการแพทย์ประกันสังคมอยู่ระหว่างศึกษาการขยายสิทธิผู้ประกันตนให้เหมือนบัตรทอง ในการรับยาเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ร้านยาคุณภาพ เนื่องจากสิทธิสุขภาพไม่ควรมีสิทธิไหนด้อยกว่ากัน
โครงการนี้จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาล พร้อมทั้งสร้างระบบการกระจายบริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ประกันตน
บอร์ดแพทย์ประกันสังคมในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจและความรับผิดชอบมหาศาลในการดูแลสุขภาพของคนไทยกว่า 15 ล้านคน และบริหารงบประมาณหลักหมื่นล้านบาท จำเป็นต้องมีการปฏิรูปและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงและยั่งยืนต้องเกิดจากการมุ่งเน้นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่การรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือการดำรงอำนาจของระบบเดิม
ระบบที่ดีต้องเป็นระบบที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยและประชาชนเป็นอันดับแรก
ความตั้งใจอันแน่วแน่ของทีมบริหารใหม่ในการปฏิรูประบบให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน จึงเป็นสิ่งที่ควรได้รับการสนับสนุนและติดตามผลอย่างใกล้ชิดจากสังคม แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการต่อต้านและแรงกดดันจากผู้ที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในระบบเดิม
การสร้างระบบสุขภาพที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพเป็นเป้าหมายที่ต้องการความมุ่งมั่น ความอดทน และการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมณ์เช่นนี้ สิ่งที่ทีมใหม่ต้องทำคือดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง
และยืนหยัดในจุดยืนที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยไม่ยอมให้การวิจารณ์ที่ไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญมาขัดขวางการทำงานเพื่อประชาชน
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022