‘โจบ’ บนเส้นทางเดียวกับ ‘จู๊ด’ แต่อยากยิ่งใหญ่ในแบบของตัวเอง
Technical Time-Out |จริงตนาการ
ถึงแม้ว่าตลาดนักเตะในซัมเมอร์นี้จะมีข่าวสารมากมาย นักเตะชื่อดังหลายคนกำลังจะโยกย้ายเปลี่ยนทีม แต่มีดีลหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก คือ การย้ายทีมของ โจบ เบลลิ่งแฮม มิดฟิลด์อังกฤษ วัย 19 ปี
โจบเป็นน้องชายของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษวัย 21 ปี ที่ปัจจุบันอยู่กับรีล มาดริด ซึ่งเป็นนักเตะที่เฉิดฉายมาตั้งแต่อายุแค่ 17 ปี ได้รับความสนใจจากหลายทีมใหญ่ในยุโรป ทำให้มีการจับตามองว่า โจบที่คลานตามกันมา เล่นฟุตบอลกับอคาเดมีของเบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ เหมือนพี่ชาย จะเจิดจรัสได้แบบเดียวกับที่จู๊ดทำได้หรือไม่
จู๊ดเลือกย้ายออกจากเบอร์มิ่งแฮมไปอยู่กับดอร์ตมุนด์ เพราะมองว่าเป็นที่ที่จะสามารถพัฒนฝีเท้าของเขาได้มากกว่า ได้รับโอกาสลงเล่นแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้ว่าการที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยากได้เขาไปเป็นกำลังสำคัญในอนาคต แต่เจ้าตัวเลือกที่ที่จะให้เขาลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ
3 ฤดูกาลในถิ่นซิกนัล อิดูน่า ปาร์ก จู๊ดลงเล่นไป 132 เกม คว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ได้ 1 สมัย และมีลุ้นแชมป์บุนเดสลีก้าแบบเกือบได้ ในฤดูกาล 2022-2023 รวมทั้งได้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของบุนเดสลีก้าในซีซั่นนั้น ก่อนโบกมือลาไปรีล มาดริด และสร้างกำไรมหาศาลให้ทีมเสือเหลืองด้วย
นี่จึงเป็นเหมือนต้นแบบให้นักเตะจากอังกฤษหลายคนสนใจที่จะไปเก็บเลเวลแบบก้าวกระโดดกับดอร์ตมุนด์ โดยเฉพาะน้องชายของเขาเอง
โจบอำลาเบอร์มิ่งแฮมไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์เมื่อปี 2023 ในช่วงเดียวกับที่จู๊ดเลือกย้ายไปรีล มาดริด เมื่อเทียบกับชื่อชั้นของทีม หลายคนมองว่าโจบคงอยู่ภายใต้ร่มเงาของพี่ชายไปอีกนาน
โทนี่ โมว์เบรย์ อดีตกุนซือซันเดอร์แลนด์ที่เคยร่วมงานกับโจบบอกว่า นักเตะคนนี้ไม่ได้มองว่าต้องเป็นเหมือนพี่ชาย เพราะเขาอยากจะทำในสิ่งที่อยากทำ แสดงให้เห็นว่าเขาทำอะไรได้บ้าง อยากจะสร้างตัวตนด้วยตัวเอง
โจบลงเล่นให้ซันเดอร์แลนด์ในฤดูกาลล่าสุด 43 นัด ยิงไป 4 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ และเป็นส่วนหนึ่งที่พาทีมแมวดำเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้ครั้งแรกในรอบ 8 ปี
การเลือกย้ายจากเบอร์มิ่งแฮมไปซันเดอร์แลนด์ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการอะไรมากนัก เพราะทั้งสองทีมต่างอยู่ในลีกแชมเปี้ยนชิพเหมือนกัน
ดังนั้น การเลือกไปดอร์ตมุนด์หลังจากอยู่กับซันเดอร์แลนด์และเริ่มพิสูจน์ฝีเท้าในอังกฤษไปแล้ว ก็น่าจะเป็นการยืนยันว่า ครอบครัวเบลลิ่งแฮมเชื่อมั่นในแนวทางของทีมเสือเหลือง ที่จะทำให้ลูกอีนคนก้าวไปได้ไกลมากในเส้นทางฟุตบอลได้
เบลลิ่งแฮมคนพี่กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไปแล้ว ส่วนน้องชายมีชื่อติดทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ไปแข่งขันยูโร ยู21 รอบสุดท้าย แต่จุดนี้ไม่ใช่ความฝันของพี่น้องมิดฟิลด์คู่นี้
จู๊ดเคยเปิดใจว่า ด้วยอายุที่ไล่เลี่ยกัน ทำให้เขาหวังว่าจะได้เล่นร่วมกับน้องชายในทีมชาติ เป็นฝันที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลของตัวเองเลยก็ว่าได้ มันมากกว่าการคว้าแชมป์ใดๆ แต่ถ้าได้แชมป์ร่วมกัน มันจะยิ่งสุดยอด ไม่มีอะไรมาเทียบได้
พี่ชายมองว่าความสำเร็จของตัวเองจะเป็นเหมือนแรงกระตุ้นให้น้องทำตามแบบ ถึงแม้จะอยากมีเส้นทางของตัวเอง มีคนชอบยกทั้งคู่มาเปรียบเทียบกัน แต่ไม่ได้สนใจตรงนั้น ถ้าน้องชายมีความสุข ตัวเขาเองก็จะมีความสุขไปด้วย
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสร 2025 ที่สหรัฐอเมริกา อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์แรกที่ได้เห็นพี่กับน้องชายอยู่ในสนามเดียวกัน แต่อยู่กันคนละทีม เพราะถ้ารีล มาดริด และดอร์ตมุนด์สามารถกรุยทางผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ ก็จะต้องเจอกันในรอบนี้
ถ้าโจบไปได้สวยกับดอร์ตมุนด์อีกคน ก็คงต้องชื่นชมทั้งครอบครัวที่สนับสนุนลูกชายทั้งคู่ อคาเดมีของเบอร์มิ่งแฮมที่ปลุกปั้นทั้งสองคนขึ้นมา รวมทั้งการเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกันของจู๊ดและโจบ จนเป็นคู่พี่น้องที่มีคนพูดมากที่สุดในโลกลูกหนังเวลานี้
เวลาจะตอบเองว่า พี่น้องคู่ไหนใครจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน
หรืออาจจะร่วมฉลองแชมป์ไปด้วยกันก็เป็นไปได้
