เหยี่ยวถลาลม
ประเทศดี
ที่มี ‘คนทุจริต’ กับ ‘อยุติธรรม’
อยู่อาศัย
รัฐประหารเดือนกุมภาพันธ์ปี 2534 สร้างความขัดแย้งภายในประเทศจนลุกลามนำไปสู่เหตุการณ์ “พฤษภาทมิฬ” เดือนพฤษภาคม 2535 ผู้ชุมนุมประท้วงสูญหาย บาดเจ็บ ล้มตาย เศรษฐกิจเสียหาย วงจรอุบาทว์วนกลับมา กองทัพเสียหาย ประชาคมโลกไม่ไว้วางใจประชาธิปไตยไทย
ต่อมาปี 2549 รัฐประหารอีก ท่วงท่าลีลาข้ออ้างเหมือนกับทุกครั้งที่ เสร็จแล้วก็สร้างประชาธิปไตยจอมปลอมขึ้น ให้คนในเครือข่ายเขียนกติกา วางแผนพาหมู่คณะเข้าสู่สนามเลือกตั้งเพื่อครองอำนาจกันยาวๆ
แต่ผู้หนุนหลังและนักรัฐประหารคาดผิด!
ถึงแม้ประชาชนส่วนมากในประเทศนี้จะอดทนอดกลั้นสูงกว่ามาตรฐานในประเทศเสรีนิยมทั่วไป แต่เมื่อเข้าสู่คูหาเลือกตั้งกันอย่างสุจริต และไม่ถูกโกงคะแนน คนส่วนใหญ่แสดง “เจตนารมณ์”แจ้งชัดทุกครั้งว่า “ไม่เอาพรรคทหาร”
อย่างไรก็ตาม ไฟฟืนที่สุมกันมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ถูกกระพือต่อด้วยกระบวนการฉ้อฉลสารพัดวิธีจนนำไปสู่ “วิกฤตการเมือง” ที่ลามตั้งแต่ปี 2551 ต่อเนื่องจนถึงปี 2553 จนถึงขั้นใช้ยุทธการปิดเมือง “ใช้กระสุนจริง” และนักฆ่า “สไนเปอร์” ยิงผู้ชุมนุมที่เรียกร้องแค่ให้ยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่
ตาย 99 คน บาดเจ็บและพิการ 2-3 พันคน!
เชื่อหรือไม่ว่า เวลาล่วงผ่านไปแล้ว 15 ปี “ระบบยุติธรรม” ในประเทศอันเป็นที่รักนี้ยังคงหาตัว “ฆาตกร” กับ “คนสั่งฆ่า” ไม่ได้
จึงเป็นเหตุ 1 ที่ชวนให้สงสัยว่า…รัฐประหารปี 2557 เป็นการ “ปิดดีล”
รัฐประหาร 2557 มาพร้อมกับความมั่นใจ
อวดอ้างฤทธานุภาพหนุนหลังจึงเหิมหาญนั่งกันยาวๆ กว่า 8 ปี พร้อมมีแผน “จะไปต่อ” ในการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566
จะว่าไปแล้ว “ระบบการเมืองเลว” ที่เกิดจากการสมคบคิดและเกื้อกูลกันระหว่างชนชั้นสูง ข้าราชการระดับสูง กลุ่มพ่อค้าชั้นสูงและทุนใหญ่ภายในประเทศซึ่งยึดครองส่วนแบ่ง “อำนาจและทรัพยากร” ของประเทศกว่า 80% นั้น คือ “ต้นธาร” ของปัญหาเศรษฐกิจ และความยากจนของประชาชนส่วนใหญ่ในวันนี้
“ระบบการเมืองเลว” ไม่ได้มุ่งแก้ไขปัญหาถึงรากเพื่อให้คนในประเทศพ้นไปจากความยากจนและด้อยโอกาสทางการศึกษา ถ้าจะมี “เศษ” สักเล็กน้อยหลุดกระเด็นออกมาให้กับคนทั่วไปก็แค่แปลงมาในรูป “เงินแจก” ที่บรรเทาความอดอยากเดือดร้อน
ใบไม้ต้องผลัดใบอีกครั้ง ในการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566
“1 ป.” จากคณะรัฐประหารกลับบ้าน
ส่วนอีก “2 ป.” แยกทางกัน ตั้ง 2 พรรคการเมือง อันได้แก่ พลังประชารัฐ มี “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” คุมนักการเมือง กับ รวมไทยสร้างชาติ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ลงมือเอง มี “สุเทพ” ยืนคุมเชิงข้างหลัง
ผลที่ออกมา ทำให้นักรัฐประหารต้องผิดหวังอีก!
“พลังประชารัฐ” ของบิ๊กป้อม ได้ ส.ส. 40 เก้าอี้ คะแนนนิยมพรรคมีแค่ 5.3 แสนเสียง
“รวมไทยสร้างชาติ” ของบิ๊กตู่ ได้ ส.ส. 36 เก้าอี้ ได้คะแนนนิยมพรรค 4.7 ล้านเสียง
คนไทยส่วนใหญ่ตั้งใจเทคะแนนเสียงให้กับ “พรรคก้าวไกล” ที่ประกอบไปด้วยคนรุ่นใหม่คิดพลิกโฉมประเทศให้พ้นไปจาก “ระบอบการเมืองเลว” ที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นทั่วทุกอณูในหน่วยราชการ ไม่เว้นแม้กระทั่งหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบ และตรวจจับ
“พรรคก้าวไกล” ได้ ส.ส. 151 เก้าอี้ (พุ่งขึ้นจากเดิมที่มี 81 ที่นั่ง) คะแนนนิยมพรรค 14.4 ล้านเสียง
“เต็งหนึ่ง” อย่างเพื่อไทยยังพ่าย ได้ ส.ส. 141 ที่นั่ง คะแนนนิยมพรรค 10.9 ล้านเสียง
แต่ยังมีสิ่งที่เหนือความคาดหมายของผู้ลงคะแนนเสียงก็คือ “พรรคทหาร” ทั้งสองจับมือกับ “เพื่อไทย” เป็นฝ่ายรัฐบาล พร้อมกับถีบส่ง “ก้าวไกล” ที่ได้รับฉันทานุมัติจากเสียงสวรรค์ให้เป็นพรรคอันดับ 1
“ก้าวไกล” ไปเป็น “ฝ่ายค้าน” พร้อมกับกลยุทธ์ไล่ล่าจาก “นักร้อง” นำไปสู่คำตัดสิน “ยุบพรรค” และสอย “ผู้นำพรรค” ดาวรุ่งลงจากเวทีการเมือง
“ความสุจริต” สามารถจะกลายเป็นผู้ร้าย
พรรคชนะเลือกตั้งอันดับ 1 สิ้นชื่อ
ส.ส.ก้าวไกล รวมตัวกันในพรรคใหม่ ชื่อว่า “พรรคประชาชน” ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรในประเทศที่คนซื่อ คนตรง ถึงแม้จะตั้งใจทำการมดสุจริต แต่หากเผลอ “พร่อง” ไปสักเพียงเล็กน้อยก็สามารถกลายเป็น “ความเซ่อสัตย์” กรณีศึกษาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้สอนผู้คนว่า ให้เอาตัวรอดเป็นยอดคน ต้องคดถึงรอด ต้องโกงถึงรวย เห็นการประพฤติปฏิบัติฉ้อฉลกันเป็นปกติ ไม่ปกปิด ไม่เขินอาย จนเป็นที่ประจักษ์ว่า บุคลากรระดับมิจฉาชีพได้เข้ายึดเก้าอี้หรือที่นั่งสำคัญๆ ในหลายองค์กรซึ่งมีหน้าที่ให้คุณ ให้โทษ ให้หรือไม่ให้อนุญาต ให้หรือไม่อนุมัติ ตลอดจนวินิจฉัยชี้ขาดกรณีต่างๆ
มาวันนี้ มีคนจับกลุ่มบ่นดังๆ กันไปทั้งเมืองอีกแล้วว่า
“คอร์รัปชั่น โกงกิน เป็นขี้ข้าต่างชาติ จะทำให้เสียดินแดน ผู้นำไม่ได้เรื่อง รัฐบาลไม่เอาไหน กองทัพทำไมไม่จัดการ”
จุดไฟการเมืองให้วนกลับไปที่เดิม!
จึงมีคำถามสำหรับผู้ที่สนใจปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นจริงๆ…เมื่อ 68 ปีที่แล้ว ตั้งแต่ “สฤษดิ์ ธนะรัชต์” ปฏิวัติรัฐประหารปี 2500 สฤษดิ์ก็ประกาศปราบทุจริตคอร์รัปชั่น ปล่อยให้ “เผ่า ศรียานนท์” ออกจากประเทศไปโดยไม่ดำเนินคดี แต่หลังจาก “สฤษดิ์” ตาย มีทรัพย์สินเป็น “พันล้าน” ราคาทองคำตอนนั้นกี่บาท
ถึงยุค “ถนอม” ก็ยึดทรัพย์สฤษดิ์ และด้วยระบบการเมืองเลว “พระเอกถนอม” ก็อยู่ได้อยู่นาน จนกระทั่ง 14 ตุลาคม 2516 ถูกขับไล่ ส่งทหารขึ้นเครื่องบินยิงกระสุนใส่ผู้ชุมนุม
จาก 3 ผู้ยิ่งใหญ่ “ถนอม-ประภาส-ณรงค์” กลายเป็น “3 ทรราช”
ถัดมา ก่อนรุ่งสาง 6 ตุลาคม 2519 ปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แล้วฆ่านักศึกษาประชาชนผู้ชุมนุมอย่างป่าเถื่อนทารุณกลางเมือง
จากนั้นคณะรัฐประหารขอเวลาปฏิรูป 12 ปี
การปฏิรูปอย่างแท้จริงไม่เคยมี!
กุมภาพันธ์ 2534 บิ๊กสุ บิ๊กเต้ บิ๊กเสื้อคับ ก็ทำรัฐประหารอีก
ในประเทศไทยมีแต่ “รัฐประหาร” และทุกครั้งก็ใช้ “ข้ออ้าง” เดิมๆ
ขณะที่การทุจริตคอร์รัปชั่นเติบโตอย่างมั่นคง แข็งแรง ยั่งยืนยาวนานตลอดมา ยังไม่เห็นทางว่าประเทศจะสะอาดได้อย่างไร!?!!!
