เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
bg-single

‘มหัศจรรย์แห่งรัก’ การเดินทางของ ‘เพลงรัก’ เพลงหนึ่ง ที่เป็นมากกว่า ‘เพลงประกอบภาพยนตร์’

06.07.2025

คนมองหนัง | ยิ้มเยาะเล่นหวัว เต้นยั่วเหมือนฝัน

“มหัศจรรย์แห่งรัก สร้างสรรค์พลังอันยิ่งใหญ่ ต่างคนอยู่ไกลแสนไกล กลับมาอยู่เคียงชิดใกล้ ก่อฝันในใจด้วยรักและความผูกพัน อบอุ่นดั่งดวงตะวัน อ่อนหวานละมุนดังแสงจันทร์ เมื่อเราเอื้อมมือถึงกัน โลกคล้ายหยุดหมุนชั่วกาล จะมีเพียงฉันและเธอข้ามผ่าน เขตคืนวันอันสวยงาม”

หลายคนมักคิดว่าเพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ที่ขับร้องโดย “ต้น-ชาญณัฏฐ์ พัฒนกุล” นั้นถูกแต่งขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อใช้เป็นเพลงนำ/เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อเดียวกันของ “หม่อมน้อย-ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” ที่ออกฉายเมื่อปี 2538

ในโอกาสที่หนังเรื่อง “มหัศจรรย์แห่งรัก” (ฉบับรีมาสเตอร์) ของหม่อมน้อย กำลังหวนกลับมาเข้าฉายตามโรงภาพยนตร์บางแห่งอีกคำรบหนึ่ง เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปีของหนังเรื่องนี้

จึงอยากจะเขียนบทความคู่ขนานที่บอกเล่าถึงการเดินทางของเพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ซึ่งมีความสลับซับซ้อนอยู่ไม่น้อย และไม่ค่อยเป็นที่รับรู้ของผู้คนส่วนใหญ่มากนัก

ณ จุดกำเนิดแรกเริ่ม บทเพลงที่ไพเราะติดหูคนฟังและเป็นอมตะอย่าง “มหัศจรรย์แห่งรัก” นั้นถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้มชุด “Volume 10” ของ “ซีมิกซ์-สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์” ซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2536 หรือสองปีก่อนหน้าหนังเรื่อง “มหัศจรรย์แห่งรัก” จะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

นี่คือผลงานการประพันธ์คำร้องโดย “ชวิณี เกษบุญชู” (นักเขียนเนื้อร้องหญิง ที่ฝากผลงานน่าจดจำในยุค 90s เอาไว้หลายเพลง แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ทำงานกับสองค่ายยักษ์ใหญ่ “แกรมมี่-อาร์เอส”) ทำนองโดย “บอยด์ โกสิยพงษ์” (ขณะยังเป็นหนุ่มนักเรียนนอก ก่อนจะกลายมาเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งค่าย “เบเกอรี่มิวสิก”)

กระนั้นก็ดี วิธีการสร้างสรรค์บทเพลงเพลงนี้กลับมิได้ดำเนินไปตามวิถีของ “ทีมทำเพลง” ในอุตสาหกรรมดนตรีสมัยโน้น คือ มีการแต่งทำนองเปล่าๆ มาก่อน แล้วจึงมอบหมายให้บุคลากรอีกกลุ่มเขียนเนื้อร้องใส่ลงไปในเพลง

เพราะตามข้อมูลในเพจเฟซบุ๊ก “หวัดแกมบรรจง” ที่อ้างอิงคำสัมภาษณ์ของสมเกียรติ เขาระบุว่า เพลงที่บอย (ด์) แต่งมานั้น มีทั้งคำร้องและทำนองอยู่แล้ว

แม้สมเกียรติจะชอบทำนองของบอย แต่เขากลับรู้สึกว่าเนื้อร้องต้นฉบับยังไม่ค่อยเข้ากับธีมอัลบั้มที่ตนเองวางโจทย์ไว้ ด้วยเหตุนี้ หน้าที่การเขียนคำร้องเวอร์ชั่นใหม่จึงตกเป็นของชวิณี กระทั่งเพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ได้ถือกำเนิดขึ้น

และกลายเป็น “เพลงสุดท้ายหน้าบี” ที่ติดตรึงอยู่ในหัวใจคนฟังจำนวนมาก

จากนั้น เพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ก็ค่อยๆ แทรกซึมแพร่กระจายเข้าสู่สื่อบันเทิงแขนงอื่นๆ เริ่มต้นด้วยการถูกนำไปใช้เป็นเพลงประกอบละครแนวแฟนตาซี-จักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง “มิติมหัศจรรย์” ที่นำแสดงโดย “พรชิตา ณ สงขลา” (ในวัย 13 ย่าง 14 ปี) และ “ปริญญา ปุ่นสกุล” (ล่วงลับไปแล้ว) เมื่อปี 2537

แม้ “มิติมหัศจรรย์” จะมีสถานะเป็น “ละครจักรๆ วงศ์ๆ” ช่วงเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ แต่รูปแบบ-เนื้อหาของละครก็มีความผิดแผกจากละครแนวเดียวกันเรื่องอื่นๆ ณ พ.ศ.ดังกล่าว

ทั้งการมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกันระหว่าง “มิติโลกมนุษย์สมัยใหม่” กับ “มิติเทพนิยายในโลกหิมพานต์” (ซึ่งก็มีอดีต-ปัจจุบัน-อนาคตของตนเอง) โดย “มิติเทพนิยาย” มิได้มีสถานภาพเป็นแค่ “ชาติภพในอดีต” ของ “มิติโลกมนุษย์สมัยใหม่” แต่อย่างใด

การออกแบบงานสร้างให้สรวงสวรรค์และเหล่าเทพเจ้าในละครมีบรรยากาศ-รูปลักษณ์แบบ “เทพนิยายกรีก”

การใช้เทคนิคสร้างภาพพิเศษทางคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรฐานสูงและทันสมัยกว่าละครโทรทัศน์จำนวนมากในยุคสมัยเดียวกัน

และแน่นอน การเลือกเอาเพลงป๊อปไพเราะหวานซึ้งทันสมัยจากอัลบั้มแนวแดนซ์-อิเล็กทรอนิกส์ของ “สมเกียรติ อริยะชัยพาณิชย์” มาประกอบละคร ก็ให้รสชาติที่แตกต่างออกไปจากเพลงประกอบละครจักรๆ วงศ์ๆ ในยุค 2520-2530 อันเป็นผลงานของบรรดาครูเพลงรุ่นเก่า เช่น “มนัส ปิติสานต์” “สมาน กาญจนะผลิน” หรือ “เกษม ชื่นประดิษฐ์” เป็นต้น

ในปี 2537 เช่นเดียวกัน “ต้น-ชาญณัฏฐ์ พัฒนกุล” ผู้ขับร้องเพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ในอัลบั้มชุด “Volume 10” ของสมเกียรติ ก็ได้ฤกษ์ออกผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกและชุดเดียวของตนเอง ซึ่งใช้ชื่อว่า “มหัศจรรย์แห่งรัก”

โดยมีการนำเพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” และ “ดึกแล้ว” (คำร้อง-ทำนอง โดย “ธานินทร์ เคนโพธิ์”) ซึ่งเขาเคยร้องบันทึกเสียงเอาไว้ในผลงานของซีมิกซ์ มาบรรจุ (ซ้ำ) อยู่ในอัลบั้มชุดดังกล่าวด้วย

ส่วนอีกหนึ่งเพลงเพราะที่ชาญณัฏฐ์เคยขับร้องในอัลบั้ม “Volume 10” แต่ไม่ได้ถูกนำมาบรรจุในอัลบั้มชุด “มหัศจรรย์แห่งรัก” ก็คือ “รู้สึกไหม” (คำร้อง โดย ชวิณี ทำนอง โดย ธานินทร์และสมเกียรติ)

หลายคนอาจไม่ทราบหรือลืมเลือนไปแล้วว่า “ต้น ชาญณัฏฐ์” นั้นคือลูกชายของ “อนุสรณ์ พัฒนกุล” มือกลองวง “ดิอิมพอสซิเบิ้ล” ผู้ล่วงลับ

กระทั่งปี 2538 เพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” จากน้ำเสียงหวานนุ่มเป็นเอกลักษณ์ของชาญณัฏฐ์ จึงถูกนำมาใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ ซึ่งน่าจะประทับใจในบทเพลงเพลงนี้มากๆ จนนำมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ที่ซับซ้อนและละเอียดลออมากๆ เรื่องหนึ่ง

หนังของหม่อมน้อยเล่าเรื่องราว “ความรัก” และ “ความลับ” ในช่วงวันหยุดสั้นๆ บนพื้นที่ดอยสูงของตัวละครชายหญิงวัยกลางคนและวัยหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่ง ซึ่งสวมบทบาทโดยเหล่าดาราดังแห่งทศวรรษ 2530 อาทิ “ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” “สินจัย เปล่งพานิช” “สันติสุข พรหมศิริ” “นุสบา วานิชอังกูร” “วิลลี่ แมคอินทอช” และ “วราพรรณ หงุ่ยตระกูล” เป็นต้น

ความรักของพวกเขาและเธอระคนปนเปไปด้วยพฤติกรรมการ (อาจจะ) นอกใจ, การพยายามรักษาชีวิตครอบครัวให้ดำเนินต่อไปได้, ความรักแรกรุ่นที่กำลังผลิแย้ม, ความรักข้างเดียวที่ผิดหวัง, ความรักความฝันที่ล่มสลาย จนถึงความอิจฉาริษยา

ขณะที่กลวิธีการเล่าเรื่องของหม่อมน้อยก็มีลักษณะผสมผสานระหว่างศิลปะภาพยนตร์, ศิลปะการแสดงละครเวที และเรื่องราวน้ำเน่าแบบละครโทรทัศน์ ซึ่งได้รับการปรุงแต่งด้วยกระบวนท่าอันแพรวพราว

โดยที่เพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ก็ทำหน้าที่ประคับประคองให้ “หนังรัก” เรื่องนี้ยังคงถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศโรแมนติก ท่ามกลางอารมณ์ความรู้สึกหม่นหมองมืดเทาด้านอื่นๆ ซึ่งประดังประเดเข้ามา

เมื่อมาฟังเพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” อย่างจริงจังอีกครั้ง ณ ปี 2568 พร้อมๆ กับการได้ดูภาพยนตร์เรื่อง “มหัศจรรย์แห่งรัก” รอบใหม่ และทบทวนเรื่องราวของละคร “มิติมหัศจรรย์” ไปในคราวเดียวกัน

ประเด็นน่าสนใจที่เพิ่งค้นพบก็คือหนังและละครทั้งสองเรื่องล้วนนำเสนอ “ความรักมหัศจรรย์” ที่ปรากฏขึ้นใน “กาละ” (time) และ “เทศะ” (space) อันพิเศษเฉพาะ

ไม่ว่าจะเป็นห้วงเวลาวันหยุดที่วิถีชีวิตประจำวันถูกเว้นวรรค ส่วนภาระการงานประจำก็เว้นว่าง ซึ่งขับเน้นให้มนุษย์หลายรายผู้มารวมตัวกันในบ้านพักตากอากาศบนภูเขา ได้มีโอกาสเปิดเปลือยความปรารถนา กิเลส ตัณหา และราคะของตนเองออกมาอย่างหมดเปลือก

หรือการเหลื่อมซ้อนกันระหว่าง “โลกมนุษย์” และ “โลกเทพนิยาย” ซึ่งทำให้ความรักที่พัวพันกับอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ของทั้งสองพื้นที่ สามารถแสวงหาจุดบรรจบอันลงตัวได้สำเร็จ

ทั้งหมดสอดคล้องกับเนื้อร้องช่วงท้ายๆ ของเพลง “มหัศจรรย์แห่งรัก” ที่ชวิณีเขียนบรรยายถึงโมงยามและสถานที่พิเศษเอาไว้อย่างงดงามว่า “อบอุ่นดั่งดวงตะวัน อ่อนหวานละมุนดังแสงจันทร์ เมื่อเราเอื้อมมือถึงกัน โลกคล้ายหยุดหมุนชั่วกาล จะมีเพียงฉันและเธอข้ามผ่าน เขตคืนวันอันสวยงาม”



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

ฟังเสียง ‘เยาวชน’ | ปราปต์ บุนปาน
“One Plan” โมเดลใหม่ ขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกพื้นที่
ตลาด..ชีวิตและความหวัง | เรื่องสั้น : มีนา ฟ้าศุกร์
ทำเล
ไม้ดัดในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร | กวีกระวาด : สิริวตี
ดาวกับดวงวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2568
‘กฤษฎีกา-เพื่อไทย’ มองต่างมุม ไพ่ในมือรักษาการนายกฯ ผ่าทางตัน ‘ยุบสภา’ ได้หรือไม่ได้
ภาษีปนาวุธ ทรัมป์ถล่มข้ามทวีป ทีมไทยแลนด์ร่อแร่
‘ภูมิธรรม’ จัดแถวมหาดไทย ล้างบาง ‘สิงห์น้ำเงิน’ ประเดิมย้าย 2 อธิบดีเข้ากรุ จับตา ‘เขากระโดง’ เปิดแผล ‘ปราสาทสายฟ้า’
แค่ลมหายใจ ก็รู้ทันใดว่าอ้วน!!
การปกครองเปลี่ยน-แฟชั่นปรับ : แฟชั่นสมัยคณะราษฎร-สงคราม (12) เจ้านายสนับสนุนรัฐนิยมในสมัยสร้างชาติ
สวนสาธารณะสูงวัย : สังคมภายนอกครอบครัว และบทเรียนจากเฉิงตู