

เทคโนโลยีหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษย์ไปอย่างถอนรากถอนโคนคือ ระบบไฟฟ้ากระแสสลับ และบุคคลผู้หนึ่งซึ่งมีส่วนสำคัญในการทำให้ระบบไฟฟ้ากระแสสลับแพร่หลายไปทั่วโลกก็คือ นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla)
นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) ลืมตาดูโลกในช่วงเที่ยงคืนรอยต่อของวันที่ 9 และ 10 กรกฎาคม ค.ศ.1856 (หรือ พ.ศ.2399 ตรงกับต้นรัชสมัย ร.4) ในดินแดนที่ปัจจุบันคือ สาธารณรัฐโครเอเชีย ทั้งนี้ ผมจะใช้อายุของเขาเป็นหมุดหมายในการไล่เรียงเหตุการณ์ แต่จะระบุวันที่แน่นอนเอาไว้หากเป็นเหตุการณ์สำคัญครับ
อายุ 5-6 ปี : เด็กน้อยฉายแววนักประดิษฐ์ เช่น สร้างเครื่องมือซึ่งใช้จับกบได้ดีเยี่ยม สร้างปืนอัดลมขายให้เพื่อนๆ และสร้างอุปกรณ์พลังสายน้ำโดยเจาะรูตรงกลางแผ่นไม้รูปวงกลม ใส่แกนเพลา ทำที่รองรับเพลาปักไว้ในน้ำ จัดให้ขอบแผ่นไม้สัมผัสกระแสน้ำเพื่อขับแผ่นไม้ให้หมุน
อีกราวห้าสิบปีต่อมา เขาได้รับสิทธิบัตรกังหันน้ำแบบไร้ใบพัด ซึ่งเรียกว่า กังหันเทสลา (Tesla turbine)
เทสลายกเครดิตฝีมือในการประดิษฐ์ให้กับแม่ของเขา ซึ่งแม้จะไม่รู้หนังสือแต่เก่งในการประดิษฐ์อุปกรณ์เพื่อผ่อนแรงในการทำงานบ้าน แถมยังมีความจำเป็นเลิศ เช่น สามารถท่องตำนานชาวเซิร์บ ซึ่งเป็นบทกวีประจำชาติที่มีความยาวหลายพันคำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ตัวเทสลาเองก็มีความจำแบบที่ฝรั่งเรียกว่า photographic memory คืออ่านข้อความอะไร เห็นอะไร ก็จำรายละเอียดได้ทั้งหมด

Nikola_Tesla-Illustration-02-1857-60
อุปกรณ์พลังสายน้ำของเด็กน้อยเทสลา
อายุ 7 ปี : ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธิตระบบปั๊มสูบน้ำมาใช้ดับเพลิง ปรากฏว่าระบบขัดข้อง เพราะแม้จะปั๊มแกนลูกสูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่น้ำก็ไม่ไหล
เทสลาเฝ้าสังเกตได้สักพัก ก็แสดงความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญ โดยวิ่งไปยังริมน้ำ ถอดเสื้อผ้าแล้วกระโดดลงไปหาสายยางที่งอพับอยู่ เขาคลายสายยางออก
สำเร็จ! น้ำพุ่งออกมาจากปลายหัวฉีด เทสลาน้อยกลายเป็นฮีโร่ไปในทันที เทสลาเล่าในภายหลังว่าเขาไม่รู้ว่าปั๊มทำงานอย่างไร แต่เกิดนึกขึ้นมาว่าน่าจะไปดูสายยางในแม่น้ำ
อายุ 9 ปี : เขาแสดงความคิดริเริ่มที่ไม่ธรรมดา โดยติดด้วง June bug จำนวน 16 ตัวเข้ากับกังหันรูปกากบาท ใบพัดแต่ละใบติดด้วง 4 ตัวหันหน้าไปทางเดียวกัน
เมื่อด้วงกระพือปีก กังหันจะหมุนส่งแรงไปขับสายพานหมุนลูกรอกอีกทีหนึ่ง เด็กน้อยต้องการสร้างเครื่องจักรให้ได้อย่างน้อย 100 พลังด้วง
แต่เมื่อเพื่อนคนหนึ่งที่เขาชวนมาดูผลงานเกิดจับด้วงออกมากิน ทำให้เขารู้สึกขยะแขยงอย่างมาก และทำลายเครื่องจักรพลังด้วงนั้นทิ้ง

-เทสลาในเหตุการณ์สาธิตปั๊มน้ำดับเพลิง
อายุ 12 ปี : เริ่มแสดงอาการที่อาจจะบ่งถึงการเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsesssive-Compulsive Disorder) เช่น ต้องล้างมือ 3 ครั้ง อาการย้ำคิดย้ำทำเกิดขึ้นตลอดชั่วชีวิต เช่นเดียวกับความผูกพันของเขากับเลข 3
อย่างไรก็ดี แม้จะเชื่อกันในวงกว้างว่าเทสลาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ แต่ก็ไม่พบหลักฐานทางการแพทย์ที่ระบุว่าเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้
อายุ 13 ปี : เมื่อไปเที่ยวภูเขากับเพื่อนในฤดูหนาว เทสลาสังเกตว่าก้อนหิมะเล็กๆ บางก้อนระหว่างกลิ้งไปจะสะสมหิมะตามทางไปจนกลายเป็นลูกกลมขนาดใหญ่ จากนั้นกลายเป็นคล้ายม้วนพรมขนาดยักษ์ จบลงด้วยหิมะถล่ม เขาเชื่อว่ามีพลังมหาศาลซ่อนอยู่ในธรรมชาติที่อาจปลดปล่อยออกมาใช้ได้โดยการกระตุ้นเพียงเล็กน้อย
อายุ 15-17 ปี : เรียนที่ Higher Real Gymnasium ที่คาร์โลวัค จบหลักสูตร 4 ปี ในเวลาเพียง 3 ปี และที่แห่งนี้เองได้ครูสอนฟิสิกส์ที่เก่ง ทำให้เขาชอบฟิสิกส์มาก โดยเฉพาะการทดลองด้านไฟฟ้า
อายุ 17 ปี : เทสลาพูดได้คล่องแคล่วหลายภาษา เช่น (ภาษา) เซอร์โบ-โครเอเชียน, ละติน, อิตาเลียน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และอังกฤษ (ฝรั่งเรียกคนที่พูดได้หลายภาษาว่า polyglot)
อายุ 18 ปี : กลับมาบ้านที่เมืองกอสพิค ก็ล้มป่วยอย่างหนัก นอนพักนานถึง 9 เดือน หากมีชีวิตรอดก็จะถูกบังคับให้ไปเป็นทหาร ส่วนทางบ้านอยากให้บวชเป็นพระ ซึ่งเขาไม่ชอบทั้งสองอย่าง เทสลาจึงขอพ่อว่าต้องการเป็นวิศวกรหากเขารอดชีวิต พ่อยินยอมตามที่ขอ เพราะเทสลาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครอบครัวขณะนั้น เนื่องจากพี่ชายของเทสลาเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก
อายุ 20 ปี : เข้าศึกษาที่ Technische Hochschule ในเมืองกราซ โดยได้รับทุนจากทางการทหาร ในปีแรกเขาเข้าฟังการบรรยายทุกครั้งและเรียนได้เกรดสูงสุด และยังริเริ่มชมรมวัฒนธรรมเซอร์เบีย
อายุ 21 ปี : ในปีการศึกษาที่ 2 ศาสตราจารย์โปชล์ (Professor Poeschl) ได้สาธิตเครื่องกลกรามม์ ซึ่งประดิษฐ์โดยวิศวกรไฟฟ้าชาวเบลเยียม ชื่อ เซโนบ เทโอฟีล กรามม์ (Zenobe Theophile Gramme) เครื่องกลนี้เป็นทั้งมอเตอร์และอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้ากระแสตรงเครื่องแรกที่ใช้งานได้จริงในเชิงอุตสาหกรรม

เครื่องจักรพลังด้วง
เทสลารู้สึกทึ่ง แต่เขาได้ชี้ให้เห็นว่าปัญหาใหญ่ของเครื่องกลนี้คือ ประกายไฟที่เกิดขึ้นมากมายที่คอมมิวเตเตอร์ (commutator) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ได้ออกมาในทิศทางเดียว
ศาสตราจารย์โปชล์ตอบว่า “นั่นเป็นลักษณะพื้นฐานโดยธรรมชาติของเครื่องกลนี้” และกล่าวต่อว่า “ตราบเท่าที่กระแสไฟฟ้ายังไหลในทิศทางเดียว และตราบเท่าที่แม่เหล็กซึ่งมีสองขั้ว โดยแต่ละขั้วกระทำต่อกระแสไฟฟ้าในทิศทางตรงกันข้าม เราก็จำเป็นต้องใช้คอมมิวเตเตอร์เพื่อที่จะเปลี่ยนทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้าในอาร์เมเจอร์ที่กำลังหมุนโดยเปลี่ยนให้ถูกจังหวะ”
แต่เทสลาไม่ยอมแพ้ เขาบอกว่า “นั่นเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดครับ เครื่องกลนี้ถูกจำกัดโดยลักษณะกระแสไฟที่ใช้ ผมกำลังแนะนำว่าเราควรกำจัดเจ้าคอมมิวเตเตอร์นี้ออกไปซะ โดยใช้ไฟฟ้ากระแสสลับแทน”
ศาสตราจารย์โปชล์ผู้มีประสบการณ์รู้สึกเหมือนถูกท้าทายโดยนักศึกษาวัย 21 ปี ดังนั้น ในการบรรยายครั้งถัดไป ท่านจึงใช้เวลาทั้งคาบในการชำแหละแนวคิดของเทสลาว่า “ใช้ไม่ได้” ต่อหน้านักศึกษาที่มาฟัง โดยทำอย่างละเอียดและเป็นระบบ จนแม้กระทั่งเทสลาเองถึงกับพูดไม่ออกเอาเลย
ท่านศาสตราจารย์จบการฉีกหน้าเทสลาด้วยคำพูดต่อไปนี้
“คุณเทสลาจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นเรื่องนี้ ความคิดของเขาก็เหมือนกับการเปลี่ยนแรงดึงที่มีทิศทางแน่นอน อย่างเช่นแรงโน้มถ่วง ให้กลายเป็นแรงที่ทำให้เกิดการหมุน มันเป็นเรื่องแนวเดียวกับเครื่องจักรอนันตกาล คือเป็นแนวคิดที่เป็นไปไม่ได้”
แต่ลึกๆ แล้วเทสลามั่นใจว่าเขาคิดถูก จึงไม่ยอมแพ้ และทุ่มเทเวลาอีกหลายปีเพื่อพิสูจน์ความเชื่อนี้
อายุ 22 ปี : เทสลาสอบตก เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัว พอถึงปลายปีที่ 3 เขาหยุดเข้าฟังการบรรยาย และออกจากสถานศึกษาในปีถัดมา
อายุ 25 ปี : เทสลาเริ่มทำงานที่ American Telephone Company ในกรุงบูดาเปสต์ เริ่มจากการเป็นหัวหน้าช่างไฟฟ้า และต่อมาได้เลื่อนเป็นวิศวกร
อายุ 26 ปี : เทสลาย้ายไปกรุงปารีสเพื่อทำงานที่ Continental Edison Company ได้รับตำแหน่งผู้ช่วยวิศวกร มีหน้าที่ปรับปรุงการออกแบบอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับไดนาโมที่ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง
มีเกร็ดเล่าว่าเย็นวันหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1882 เทสลาไปเดินเล่นในสวนสาธารณะกับเพื่อนชื่อ ซิเกติ (Szigeti) ในขณะที่ดวงตะวันใกล้ลับฟ้า แสงสีเจิดจรัสได้ทำให้เขาท่องบทกวีบทหนึ่งจากเรื่อง Faust ของมหากวีเกอเธ่
ทันใดนั้น เขาก็หยุดท่องบทกวี…หายใจเข้าเสียงดัง…อ้าปากค้าง ต่อมาเขาบันทึกในอัตชีวประวัติว่า
“ขณะที่ผมออกเสียงถ้อยคำสร้างแรงบันดาลใจอยู่นั้น วาบความคิดก็ผุดขึ้นมาดังสายฟ้าฟาด ในชั่วขณะสัจจะได้สำแดงตนออกมา ผมใช้กิ่งไม้วาดแผนภาพบนพื้นทราย ภาพที่ผมเห็นนั้นคมชัดและแจ่มแจ้งอย่างน่าพิศวง และคงตัวแข็งแกร่งดังโลหะและศิลามากเสียจนกระทั่งผมบอกเขา (เพื่อนที่เดินมาด้วยกัน) ว่า ‘เห็นมอเตอร์ของผมมั้ย ดูผมกลับทิศทางมันนะ’ ผมอธิบายความรู้สึกของตัวเองไม่ถูก…”
ในที่สุด เทสลาก็ได้ “สร้าง” มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ…ที่ผุดขึ้นมาจากสมองอย่างแจ่มชัด นั่นคือ เขาได้ทำในสิ่งที่ศาสตราจารย์ท่านนั้นบอกว่าเป็นไปไม่ได้!
เทสลาออกแบบมอเตอร์เหนี่ยวนำ และพัฒนาอุปกรณ์หลายอย่างที่ใช้สนามแม่เหล็กหมุน ซึ่งเขาจะได้รับสิทธิบัตรในอีกราว 6 ปีต่อมา คือปี ค.ศ.1888
โปรดติดตามชีวิตของเขาในตอนต่อไปครับ!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022