
ความหวังริบหรี่ เดอะแบก ‘พงส.’ งานหนัก-เหนื่อย-เครียด-ซึมเศร้า รุ่นใหญ่สีกากีเร่งหาทางออกด่วน

บทความโล่เงิน
ความหวังริบหรี่ เดอะแบก ‘พงส.’
งานหนัก-เหนื่อย-เครียด-ซึมเศร้า
รุ่นใหญ่สีกากีเร่งหาทางออกด่วน
ทันทีที่แผนเร่งรัดผลิตพนักงานสอบสวน (พงส.) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้รับการเผยแพร่
ปรากฏว่าระดับ ผกก., ผบก. และ ผบช. ทั้งหลาย สะท้อนความเห็นว่า “ริบหรี่”
ริบหรี่กับความหวังจะเห็นการแก้ปัญหาวิกฤต พงส.พ้นสภาพ “เดอะแบก” ของต้นธารกระบวนการยุติธรรมขณะนี้ สภาพชีวิตทำงานหนัก เหนื่อย เครียด และป่วยเป็นซึมเศร้า ยืดเยื้อเรื้อรังได้อย่างไร
แผน ตร.ดังกล่าวระบุว่า สภาพปัจจุบันมี พงส.ประมาณ 18,500 ตำแหน่ง มีคนครองประมาณ 12,000 นาย คิดเป็นร้อยละ 64 มีว่าง 6,600 ตำแหน่ง คือ รอง สว. (สอบสวน) เป็นส่วนใหญ่
การผลิต พงส.มีที่มาจาก 2 แหล่งหลัก คือ นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) และนักเรียนอบรมสายสอบสวน
นรต.รุ่นหนึ่ง 300 นาย จบแล้วลง พงส. 95% และบรรจุตำรวจตระเวนชายแดนเพียงรุ่นละ 16 นายเท่านั้น
ส่วนการผลิตนักเรียนอบรม อยู่ภายใต้งบฯ บุคลากรที่ได้รับการจัดสรรในแต่ละปี
ในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ ที่คุมกำเนิด เกษียณราชการเท่าไหร่บรรจุใหม่ได้เท่านั้น
ตร.มีอัตราชั้นสัญญาบัตรเกษียณปีละประมาณ 1,800 อัตรา ได้จัดสรรมาผลิตพนักงานสอบสวนปีละ 1,200 อัตรา ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่มาก
ข้อจำกัดการผลิต พงส. เนื่องจากเป็นสายงานที่ต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น เกี่ยวพันกับสิทธิเสรีภาพ การอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน
จึงมีระยะเวลาฝึกอบรมนานกว่าสายงานอื่นๆ คือประมาณ 1 ปี 3 เดือน
แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ฝึกอบรม “หลักสูตรการฝึกอบรมข้าราชการตำรวจชั้นประทวนผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปเพื่อแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร” หรือ กอน. (สอบสวน) ที่ รร.นรต.ประมาณ 7 เดือน
แล้วไปต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรสืบสวนสอบสวนคดีอาญา ที่สถาบันส่งเสริมงานสอบสวนอีก 8 เดือน มีข้อจำกัดสถานที่ฝึกอบรมอีก รร.นรต.รับได้รุ่นละไม่เกิน 450 นาย
ช่วงเวลานี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568-มีนาคม 2570 จะผลิตได้ทั้งหมด 2,368 นาย
นั่นคือ มาจาก นรต. รุ่น 78 จำนวน 274 นาย เลือกตำแหน่งลงปฏิบัติหน้าที่ได้ในเดือนตุลาคมนี้ และรุ่น 79 จำนวน 294 นาย เลือกปฏิบัติหน้าที่ได้เดือนตุลาคม ปี 2569
นักเรียนอบรมที่เปิดรับจากบุคคลภายนอก ระหว่างฝึกอบรม “หลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร” หรือ “กอต.” (สอบสวน) จะจบการฝึกต้นเดือนมิถุนายนนี้ จากนั้นเข้าฝึก สบส. 8 เดือน ปฏิบัติหน้าที่ได้ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2569 จำนวน 450 คน
นักเรียนอบรมจากการสอบประทวนสอบเลื่อนชั้นขึ้นบัญชี 1,350 อัตรา รุ่น 450/1 ขณะนี้อบรมหลักสูตร กอน. (สอบสวน) ใน รร.นรต. ระหว่างเดือนเมษายน-ตุลาคมนี้ จะแต่งตั้งลงสถานีตำรวจเดือนพฤศจิกายนนี้ แล้วเข้าอบรมหลักสูตร สบส.เร่งรัด 4 เดือน ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ในช่วงเดือนมีนาคม 2569
รุ่น 450/2 อบรมทั้งหมด 11 เดือนเช่นกัน ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ในช่วงเดือนกันยายน 2569 และรุ่น 450/3 ปฏิบัติหน้าที่ได้เดือนมีนาคม 2570
นอกจากนี้ ตร.กำลังเร่งดำเนินการเพิ่ม พงส.อีกวิธี คือ รอง สว.ในสายงานอื่นที่มีวุฒินิติศาสตร์ สมัครใจย้ายเข้ามาดำรงตำแหน่งในสายงานสอบสวน โดยมีแรงจูงใจจากระบบตำแหน่งเลื่อนไหลได้
ส่วนสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ พงส.ต้องทนเผชิญทุกเมื่อเชื่อวันในขณะนี้ มีผู้เกี่ยวข้องได้เสนอทางออกดังนี้
พ.ต.อ.ภูมิรพี ผลาภูมิ ผกก.สภ.ทัพทัน จว.อุทัยธานี กรรมการและนายทะเบียนชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ มีความเห็นว่า
ตร.ต้องออกคำสั่ง ห้ามกองบังคับการและกองบัญชาการใดๆ ให้ ผช.พงส. ไปทำหน้าที่ในหน่วยงานอื่นที่ไม่ใช่สถานีตำรวจ และให้ทุกแห่งต้องจัดให้มี ผช.พงส. ประจำตัว พงส.ทุกคน เป็นคู่เข้าเวร
ที่ถือเป็นวาระเร่งด่วน คือ ตร.ต้องผลิต พงส.ใหม่ให้มีอำนาจหน้าที่สอบสวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเดียว ประจำอยู่ทุกสถานีตำรวจเพียงพอ เพราะขณะนี้มี 300,000 คดีต่อปี และคดีประเภทนี้ต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการสืบสวนสอบสวน ลักษณะเดียวกับอัยการ ศาล ที่มีแผนกคดีเฉพาะทาง
ตร.เร่งปรับปรุงโครงสร้างสถานีตำรวจ โดยในกลุ่มสายงานสืบสวนสอบสวน ให้ยุบสัญญาบัตรสืบสวนมารวมกับสัญญาบัตรสอบสวน ทำให้นายตำรวจชั้นสัญญาบัตรในกลุ่มสายงานนี้เป็นพนักงานสอบสวนตาม ป.วิ.อาญา ทั้งหมด
กำหนดตำแหน่งควบ และหลักเกณฑ์การประเมิน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 62 วรรคสาม ให้ทันวาระการแต่งตั้งปีนี้ ป้องกัน พงส.ย้ายหนีสายงาน ลาออก และคืนแท่งสอบสวนให้เร็วที่สุด แล้วเพิ่มเงินประจำตำแหน่ง ค่าสำนวนให้ พงส. รวมทั้งเครื่องมือทำสำนวน
“ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติคัดค้านร่างแก้ไข ป.วิ.อาญา ฉบับ ส.ส.รังสิมันต์ โรม เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวลิดรอนอำนาจ พงส. ขาดการถ่วงดุลอำนาจ ระหว่าง พงส.กับอัยการ ทำให้ทำงานลำบากมากขึ้น ทั้งสิ้นเปลืองงบฯ โดยใช่เหตุ อัยการมีแต่ชื่อมาควบคุมได้เงินเพิ่ม แต่คนทำสำนวนก็คือ พงส.เช่นเดิม เป็นอุปสรรคต่อ พงส. โดยเฉพาะ พงส.ที่อยู่ไกลๆ สำนักงานอัยการ”
“นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังทำให้ พงส.เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของอัยการ เป็นการมอบดุลยพินิจในการรวบรวมพยานหลักฐานไปให้อัยการทั้งหมด พงส.ไม่สามารถตัดสินใจว่าจะแจ้งข้อหาใคร หรือจะค้น จับใคร ถ้าอัยการไม่เห็นชอบคดีนั้น ก็ไปต่อไม่ได้ คนที่เดือดร้อนก็คือผู้เสียหาย คดีที่ไม่มีตัวที่เกิดจากอัยการไม่เห็นชอบให้ออกหมายเรียก และคดีที่อัยการไม่เห็นชอบให้ขอหมายค้น หมายจับ จะมีจำนวนมาก ทำให้ผู้กระทำผิดลอยนวล ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมากขึ้น ผลคือ อาชญากรจะเพิ่มขึ้นมากมาย เพราะกระบวนการขั้นตอนของกฎหมายเยอะเกินไป” ผกก.สภ.ทัพทันระบุ
นอกจากนี้ บรรดารุ่นใหญ่ อดีต “บิ๊กเนมสีกากี” จากชมรมพนักงานสอบสวน, สมาคมตำรวจ และสมาคม นรต. จะนัดประชุมกันวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน
แล้วนำเสนอ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เพื่อเสนอ ก.ตร.และรัฐบาลต่อไป
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022