

บทความในประเทศ
‘กล้าธรรม’ เสริมทัพ
ตั้งขุนพล รับเลือกตั้ง
ใจถึงพึ่งได้ สู่เป้า 100 ส.ส.
พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2567 โดยมีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้นำพรรคคนใหม่
พร้อมประกาศขับเคลื่อนภารกิจทางการเมืองยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อาศัยหลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาลบริหารราชการแผ่นดิน
กระทั่งช่วงปลายปี 2567 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้นำทีมพา ส.ส. รวม 20 คน เปิดตัวและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม ภายหลังถูกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีมติขับออกจากพรรค โดยยกเรื่องแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มาเป็นเหตุผลในการขับออก
โดยปัจจุบัน พรรคกล้าธรรมเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคเช่นเดิม แต่มีการปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ามานั่งเก้าอี้ประธานที่ปรึกษาพรรค นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เป็นเลขาธิการพรรค และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เป็นนายทะเบียนพรรค
ขณะนี้มี ส.ส.อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร รวม 26 คน และด้วยจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ขึ้นแท่นมาเป็นพรรคอันดับที่ 3 ของซีกพรรคร่วมรัฐบาลต่อจากพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ จากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช แทนตำแหน่งที่ว่าง เขตเลือกตั้งที่ 8 ดูเหมือนว่าจะทำให้พรรคกล้าธรรมเนื้อหอมมากยิ่งขึ้น โดยสนามนี้ พรรคกล้าธรรมประเดิมส่งผู้สมัครลงแข่งขันชิงเก้าอี้ ส.ส.เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ ร.อ.ธรรมนัสได้ยกก๊วน 20 ส.ส. มาสมัครสมาชิกสังกัดพรรคกล้าธรรม
ผลปรากฏว่า นายก้องเกียรติ เกตุสมบัติ หรือ “บิ๊กโอ” ซึ่งพรรคส่งลงชิงเก้าอี้ ส.ส. สามารถกวาดคะแนนมาเป็นอันดับ 1 คว้าชัยชนะให้กับพรรคกล้าธรรมได้สำเร็จ เรียกได้ว่าชัยชนะครั้งนี้เป็นการโค่นแชมป์เก่าอย่างพรรคภูมิใจไทยเลยทีเดียว
แน่นอนว่า เมื่อพรรคกล้าธรรมได้จำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นมา ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านี่อาจจะเป็นแรงกระเพื่อมให้มีการปรับเก้าอี้ ครม.หรือไม่ รวมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าพรรคกล้าธรรมจะมาเป็นพรรคสาขาของพรรคเพื่อไทย ที่คอยสู้ศึกเลือกตั้งในเขตที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งลงสมัครหรือไม่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้
ประกอบกับชัยชนะครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งภาคอื่นๆ ทยอยติดต่อเพื่อขอร่วมงานในการเลือกตั้งสมัยหน้า
โดยเฉพาะ ส.ส.จากพรรคซีกฝ่ายค้าน ซึ่ง น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) ออกมาแสดงจุดยืนขอยุติบทบาทการทำกิจกรรมกับพรรคประชาชน พร้อมประกาศจะย้ายมาร่วมงานอยู่กับพรรคกล้าธรรม ภายหลังเกิดปัญหาจนแตกหักกับพรรคประชาชน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพรรคกล้าธรรมประกาศว่าหลังจากนี้จะมีสมาชิกทยอยเข้ามาเพิ่มอีก ก็ยิ่งทำให้ถูกเชื่อมโยงว่าเป็นพรรคการเมืองที่ใช้เงินมูลค่าหลายสิบล้านบาท ช้อป ส.ส.มาเข้าพรรค
งานนี้ทำให้แกนนำพรรคออกมาปฏิเสธและตอบโต้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง พร้อมกับมอบหมายนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรค ดำเนินการยื่นสภาเพื่อตรวจสอบจริยธรรมกับ ส.ส.ที่ออกมาพูดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า พรรคกล้าธรรมเป็นอีกหนึ่งพรรคการเมืองน้องใหม่ที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว ด้วยตัวเลขจำนวน ส.ส.ในสภาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พรรคสามารถขยับขึ้นเป็นพรรคอันดับ 3 ของพรรคร่วมรัฐบาล และจากการคว้าชัยชนะการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ไม่แปลกใจหากพรรคกล้าธรรมจะเนื้อหอม นักการเมืองหลายคนอยากจะย้ายเข้ามาร่วมงานด้วย
ล่าสุด บิ๊กเนมนักการเมืองดัง สร้างความเซอร์ไพรส์ ทิ้งพรรคไทยสร้างไทย มาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม นั่นคือ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โดยทั้งคู่ได้สมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เปิดเผยสาเหตุถึงการเข้ามาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมว่า สาเหตุที่ตัดสินใจมาร่วม เพราะแม้ทุกพรรคจะมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนทั้งสิ้นในเรื่องที่ดีต่อประเทศชาติ แต่พรรคกล้าธรรมเป็นพรรคการเมืองที่ยึดเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ตรงนี้สำคัญ การเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางอาจจะมีหลายพรรคที่ชอบใช้คำนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดนอกเหนือคำพูดคือการปฏิบัติ การจะขับเคลื่อนนโยบายใดๆ ตอบสนองประชาชนต้องเข้าใจตั้งแต่รากเหง้าปัญหา
“ติดตามการทำงานของทุกพรรค ยอมรับว่า พรรคกล้าธรรมเป็นพรรคที่มีความใกล้ชิดประชาชน ฟังเสียงประชาชน เอาปัญหาเหล่านั้นมาหาคำตอบว่าจะแก้ไขให้ประชาชนอย่างไร คิดว่ามันตรงใจกับเรา เราเองเติบโตมาจากการเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต คลุกคลีกับประชาชน ถ้าเราจะเริ่มงานใหม่กับพรรคการเมืองใหม่ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เราจะทำงานที่พรรคกล้าธรรม จะทุ่มเท ใช้ความรู้ ประสบการณ์ที่มีในการทำงานให้พรรคเติบโตจากพรรคน้องใหม่กลายเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง” น.อ.อนุดิษฐ์ระบุ
ขณะที่นายการุณ โหสกุล ระบุว่า การมาอยู่ที่พรรคกล้าธรรมครั้งนี้ พวกเราไม่ว่าจะเป็นเลขาธิการพรรค นายทะเบียนพรรค หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรค เราทำงานร่วมกันมาหลายโอกาส ร่วมมือกันมาด้วยดีตลอด เป็นดีเอ็นเอเดียวกัน ให้ความรัก ความใจกว้าง ความใจถึง บ้านหลังเล็กๆ หลังนี้เป็นบ้านที่อบอุ่น สำหรับตนได้โอกาสเข้ามาทำงาน ได้ประสานกับหัวหน้าพรรค ซึ่งบอกว่าอย่างตนเหมาะสมกับการบู๊ ส่วน น.อ.อนุดิษฐ์ จะบุ๋น ในการจัดทัพ ระดมความคิด สร้างโครงสร้าง สนับสนุนหัวหน้าพรรคในการขับเคลื่อนพรรคให้ไปได้ไกล ตนได้รับมอบหมายให้ประสานภาคส่วนต่างๆ และประสานในต่างจังหวัด ในการขับเคลื่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า
“หลายคนจะเห็นว่า ความสง่างามของ ร.อ.ธรรมนัส ประธานที่ปรึกษาพรรค ใครจะพูดอย่างไรถึงท่านอย่าไปฟัง สิ่งเดียวที่มีคือ ไม่เคยถูกครหาว่าคอร์รัปชั่น มีความหวังว่า อยากจะเห็นพรรคกล้าธรรมเป็นที่พึ่งหวังของประชาชน ยืนยันว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเจอมรสุมอะไร เราจะฝ่าฟันไปด้วยกัน ร.อ.ธรรมนัส ใจถึง พึ่งได้ ผมเป็นน้องเล็ก ใจไม่ถึง แต่พึ่งได้ จะทำงานสุดความสามารถ” นายการุณระบุ
หลังจากนี้คงต้องจับตาดูว่าจะมี ส.ส.และบุคลากรการเมืองระดับบิ๊กเนม และแกนนำคนสำคัญ ย้ายมาเข้าร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอีกหรือไม่
ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค ตั้งเป้าหมายให้ได้เก้าอี้ ส.ส.เกิน 100 คน
แต่ทว่า สิ่งที่น่าจับตามองอีกแง่มุมหนึ่งคือ หากถึงจังหวะที่รัฐบาลต้องปรับเก้าอี้ ครม. โควต้าจำนวน ส.ส.ที่เพิ่มขึ้นของพรรคกล้าธรรม
จะส่งผลให้มีสัดส่วนรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นหรือไม่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022