

บทความพิเศษ | สุภา ปัทมานันท์
ทำไมญี่ปุ่นมีผู้บริหารหญิง (女性管理職) น้อย
สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมแบบชายเป็นใหญ่ หญิงเป็นรอง (男尊女卑) เป็นรูปแบบที่ฝังลึกมาแต่โบราณสืบต่อมาจนปัจจุบัน ผู้ชายเป็นผู้สืบทอดวงศ์ตระกูล เป็นเสาหลักของครอบครัว
แม้ว่าสถานะของผู้หญิงจะได้รับการยอมรับมากขึ้นแล้ว ผู้หญิงญี่ปุ่นที่แต่งงานแล้วแต่ไม่ลาออกจากงานมีเพิ่มขึ้น เนื่องมาจากสภาพทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป จะให้ผู้ชายทำงานคนเดียว ส่วนผู้หญิงเป็นแม่บ้าน เลี้ยงลูก ไม่มีรายได้อะไรเลย เงินเดือนของสามีเพียงคนเดียวก็ทำท่าว่าจะไม่พอกับข้าวของที่แพงขึ้น และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นมากขณะนี้ ผู้หญิงจึงยังคงทำงานต่อไป
เมื่อมีลูก อาจลางานเลี้ยงลูกได้ช่วงหนึ่ง แล้วก็ต้องรับภาระหนักขึ้นไปอีก คือทั้งดูแลลูก เอาลูกไปฝากเลี้ยง ไปทำงาน เสร็จจากงาน กลับบ้านทำอาหารให้ทั้งครอบครัว ดูแลงานบ้านทั้งหมด ภาระจึงหนักกว่าเดิมเสียอีก
หน้าที่การงานก็ทำได้เพียงไม่ให้บกพร่องเสียหายถูกตำหนิ แต่จะมุมานะเพื่อพัฒนาศักยภาพ หวังจะเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง คงเป็นไปได้ยาก
อีกทั้งบรรดาพนักงานผู้ชายทั้งหลายต่างก็แข่งขัน ฟาดฟันกันเองดุเดือดพออยู่แล้ว ไม่เหลือที่ให้พนักงานหญิงเข้าแทรกตัวแสดงความสามารถ ดังนั้น จะฝันถึงตำแหน่งผู้บริหารจึงยากยิ่งนัก
มีผลสำรวจ อัตราส่วนของผู้บริหารหญิง (女性管理職) ของบริษัทในญี่ปุ่นมีเพียง 12.7% เท่านั้น นับเป็นจำนวนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับผู้หญิงในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? และทำอย่างไรจึงสามารถเพิ่มจำนวนผู้บริหารหญิงญี่ปุ่นได้?
ผู้เชี่ยวชาญด้านที่ปรึกษาการพัฒนาบุคลากรญี่ปุ่น มีความเห็นว่า บริษัทส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นไม่ได้เตรียมโครงสร้างองค์กรไว้รองรับผู้บริหารหญิงไว้เลย อันเนื่องมาจากสังคมการทำงานเป็นของผู้ชาย ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลงานบ้าน
พนักงานบริษัทในญี่ปุ่นทุกคนมีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน (長時間労働) ไม่มีใครเลิกงานตามเวลา ต่างก็ต้องทำงานล่วงเวลา ยิ่งเป็นระดับผู้บริหารยิ่งต้องพร้อมทำงานนานยิ่งขึ้นกว่าพนักงานธรรมดา แต่ผู้หญิงต้องกลับบ้านดูแลครอบครัว จึงทำงานในแต่ละวันนานเท่าผู้ชายไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังมีการโยกย้ายพนักงานไปประจำที่สาขาต่างถิ่น ต่างจังหวัด (転勤制度) แน่นอนว่า ผู้หญิงย่อมไม่สะดวกที่จะละทิ้งครอบครัวไปทำงานในจังหวัดอื่นๆ
นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ทำงานก็ไม่มี หลังจบการแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทจำนวนมากให้พนักงานมาทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน ไม่ให้เวิร์กฟรอมโฮมกันแล้ว ถึงกระนั้นในเวลาปกติพนักงานก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเวลาหรือสถานที่ปฏิบัติงานอยู่แล้ว
จะเห็นได้ว่าเงื่อนไขเบื้องต้นเหล่านี้ ก็เป็นอุปสรรคสำหรับพนักงานหญิงมากพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังมีบริษัทส่วนน้อยที่เห็นศักยภาพของผู้หญิงพยายามส่งเสริมให้มีจำนวนผู้บริหารหญิงเพิ่มขึ้น ตัวอย่างบริษัทแห่งหนึ่ง มีอัตราส่วนการเสนอชื่อพนักงานเพื่อเข้าสอบเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหาร พนักงานชาย 51% พนักงานหญิง 16% ต่างกันมากกว่า 3 เท่าทีเดียว
เหตุผลคือ พนักงานหญิงมีความกังวลเกี่ยวกับการทำหน้าที่ดูแลครอบครัวและการทำงานที่ต้องทุ่มเทอย่างการเป็นผู้บริหารได้ไม่ดีพอ รู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าฝัน
และมีหลายกรณีที่หัวหน้างานผู้ชายก็จงใจไม่เสนอชื่อพนักงานหญิงเข้าสอบเลื่อนขั้น เพราะมีอคติส่วนตัว ดูถูกดูแคลนความสามารถของพนักงานหญิง
บริษัทแห่งนี้จึงตั้งเป้าปรับปรุงขั้นตอนต่างๆ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้บริหารหญิงให้มากขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้เป็นไปตามแบบเดิมๆ เป้าหมายเพิ่มผู้บริหารหญิงคงเป็นไปไม่ได้
มาตรการที่ปรับเปลี่ยนเพื่อเอื้อต่อพนักงานหญิง คือ สามารถเลือกสถานที่ปฏิบัติงานได้ บริษัทสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการรักษาการมีบุตรยาก หรือ การฝากไข่ เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อให้พนักงานหญิงผู้ฉายแววมีความสามารถ ไม่ชิงลาออกไปเสียก่อนที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าสอบเลื่อนตำแหน่ง อีกทั้งไม่ทำให้ผู้หญิงหมดไฟในการทำงาน
ผู้หญิงทำงานไม่ได้มีแต่ในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว ในจังหวัดอื่นๆ ก็มีไม่น้อย
แต่จังหวัดที่มีอัตราส่วนผู้หญิงทำงานน้อยที่สุด คือ จังหวัดนารา (奈良県)
จากการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานประจำสำนักงานจังหวัด พนักงานหญิงกว่า 30% เห็นว่าในที่ทำงานยังมีบรรยากาศที่แสดงถึงอคติเกี่ยวกับเพศ ชายหญิงได้รับการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน ไม่ได้แตกต่างจากในอดีตเลย
กล่าวคือ รูปแบบที่ว่า งานเสิร์ฟน้ำชา ชงกาแฟ ถ่ายเอกสารหรืองานจิปาถะต่างๆ เป็นหน้าที่ของพนักงานหญิง
ในปี 2024 ที่ผ่านมา สำนักงานจังหวัดนารา จึงจัดตั้ง “ทีมงานส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ” ขึ้น ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ทำงานในหน่วยงานท้องถิ่น บริษัทเอกชน และสถานศึกษาต่างๆ ในจังหวัด ได้ผลสำรวจเป็นตัวเลขที่แยกได้ตาม เพศ อายุ จำนวนปีที่ทำงาน ตำแหน่งงานที่รับผิดชอบ เป็นต้น เพื่อจัดทำนโยบายปรับปรุงการทำงานเพื่อส่งเสริมสถานะของพนักงานหญิงให้ดีขึ้น
แม้หน่วยงานจะพยายามส่งเสริมโอกาสให้ แต่หากไม่ช่วยปรับทัศนคติส่วนตัวของพนักงานหญิงที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถ ไม่มั่นใจว่าจะทำงานระดับผู้บริหารได้ดีแล้ว จำนวนผู้บริหารหญิงของญี่ปุ่นก็คงไม่เพิ่มขึ้นแน่นอน จึงต้องพยายามทำให้ผู้หญิงเห็นภาพของผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ หรือสถานศึกษา นักการเมืองหญิง เป็นต้น ให้ถือเป็นไอดอล กระตุ้นให้ผู้หญิงอยากทำให้ได้อย่างนั้นบ้าง
ในบางจังหวัดของญี่ปุ่น เช่น จังหวัดเฮียวโกะ จัดกิจกรรมพูดคุยกับผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในสาขาวิชาชีพต่างๆ ที่หลากหลาย ให้ผู้หญิงในจังหวัดได้ปรึกษาแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้ตนเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ลดความไม่เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองลงให้ได้
หลายองค์กรในญี่ปุ่นได้เริ่มตระหนักว่า การส่งเสริมให้พนักงานหญิงได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารมากขึ้น ไม่ใช่จะเกิดประโยชน์แก่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเกิดประโยชน์ต่อองค์กรให้รักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ คนที่มีความสามารถไม่ถอดใจลาออกไปเสียก่อน เพียงเพราะความไม่เท่าเทียมทางเพศในองค์กร และเงื่อนไขที่ปิดกั้นการแสดงความสามารถของผู้หญิง
ผู้หญิงเก่งมีไม่น้อยกว่าผู้ชายแน่…
ทำไมผู้หญิงจะขึ้นเป็นผู้บริหารบ้างไม่ได้?
คำถามจากพนักงานหญิงญี่ปุ่น!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022