bg-single

ภาษา, ลีลาการเมือง และตรรกะอันพิสดาร

02.06.2025

กาแฟดำ | สุทธิชัย หยุ่น

 

ภาษา, ลีลาการเมือง

และตรรกะอันพิสดาร

 

นักข่าวการเมืองสายทำเนียบรัฐบาลกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างใหญ่หลวง…อันเกิดจากการที่ต้องทำความเข้าใจกับ “ภาษาและลีลา” ของผู้นำรัฐบาล

ที่โยงใยกับนโยบาย “เรือธง”

ซึ่งบางลำเกิดอาการ “เกยตื้น”

และบางลำวิ่ง “ออกทะเล” …หลงไปนอกเส้นทางที่เคยประกาศกับสาธารณชนเอาไว้ไม่น้อยเลย

แต่ดูเหมือนคำ “อธิบาย” ของผู้นำตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปถึงรองนายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องจะยังไม่ยอมรับว่าโครงการที่วาดภาพเอาไว้สวยหรูและเคยเป็น “เสาหลัก” ของรัฐบาลนั้นกำลังจะเปลี่ยนโฉมไป

ในบางกรณีอาจดแปรเปลี่ยนไปถึงขั้นจำต้นแบบเดิมไม่ได้เลย

ดูเหมือนนักข่าวจะพยายามซักไซ้ไล่เลียงเพื่อให้เกิดความกระจ่างชัดว่าโครงการที่หาเสียงเอาไว้ หรือที่เคยโหมกระหน่ำโฆษณาเอาไว้นั้นเมื่อเผชิญกับคลื่นลมและพายุหนักจะต้องถูกปรับเปลี่ยน, ยกเลิกหรือแปลงร่างอย่างไร

ในหลายๆ กรณีก็เหมือนเป็นการเล่นชักเย่อระหว่างนักข่าวกับนายกฯ และรัฐมนตรี

บางครั้งก็เหมือนเล่นซ่อนหาระหว่างผู้มีอำนาจกับคนที่มีหน้าที่ต้องจับประเด็นมารายงานประชาชนให้ได้

กลายเป็นว่าศัพท์แสงง่ายๆ ที่เอ่ยเอื้อนแล้วน่าจะเข้าใจตรงกันเพราะเป็นภาษาไทยพื้นๆ กลับกลายเป็นความท้าทายของการทำหน้าที่ของคนข่าวอย่างยิ่งยวด

 

เช่น การตีความเรื่องโครงการแจกเงินหมื่นเฟสที่ 3 ที่เป็นกรณีศึกษาระดับคลาสสิคเลยทีเดียว

รัฐบาลบางครั้งก็สร้างความสับสนด้วยการยืนยันว่าถ้าจะเรียกให้ถูกต้องมันคือ Digital Wallet เฟส 1

เกิดวิวาทะว่าด้วยการตีความคำว่า “ชะลอไม่มีกำหนด” กับ “ยกเลิก”

รัฐบาลยืนยันว่าโครงการนี้ยังไม่ “เลิก” เป็นแค่ “ชะลอไปแบบไม่มีกำหนด”

ชาวบ้านก็คงจะงง

มันเป็นเพราะรัฐบาลไม่หาญกล้าพอที่จะเอ่ยคำว่า “เลิก” อย่างเต็มปากเต็มคำหรือเปล่า?

นักข่าวสายทำเนียบคนหนึ่งบอกผมว่าฟังแล้วนึกถึงบทกลอนของกลุ่มคนอกหัก ที่ “ไม่รู้ว่าจะรอหรือจะลืมดี”

แต่เมื่อย้อนกลับไปในอดีตเมื่อไม่นานนัก มันคือนโยบายเศรษฐกิจขนาด 5 แสนล้านบาท ที่มีป้ายใหญ่โตว่า Digital Wallet แจกเงินคนละหมื่นโดยเกือบจะถ้วนทั่วกัน

ตอนนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนส่วนหนึ่งมีความเชื่ออย่างสนิทใจว่านี่คือ “ยาหม่องตราเสือ” อันทรงพลังที่จะปลุกการบริโภคภายในประเทศให้ฟื้นขึ้นมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

วันนี้ จึงมีคำถามว่าทำไมต้อง “ชะลอไม่มีกำหนด”?

เหตุผลทางเศรษฐกิจ… หรือข้ออ้างทางการเมือง?

 

เมื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเปิดตัวโครงการ Digital Wallet ครั้งแรก เราท่านก็ได้รับทราบเช้าสายบ่ายเย็นว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะ “หัวใจหยุดเต้น” ต้องการการ “ปั๊มหัวใจ” อย่างเร่งด่วน

ไม่ใช่แค่ “หยอดน้ำข้าวต้ม”

เพราะ GDP โตต่ำ การบริโภคซบเซา หนี้ครัวเรือนสูง การลงทุนเอกชนชะลอ และการส่งออกทรงๆ

แต่เมื่อเดินทางถึงวันนี้ รัฐบาลกลับบอกว่าเศรษฐกิจยังไม่พร้อม ต้อง “ตั้งรับ” พายุเศรษฐกิจจากนอกประเทศ

โดยเฉพาะนโยบายภาษีของทรัมป์

เป็นเหตุผลที่ต้องเบรก Digital Wallet ไว้ก่อน เพื่อเอางบประมาณไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการอื่น เช่น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน (1.57 แสนล้านบาท) และมาตรการส่งเสริมการส่งออกแทน

แต่ที่บอกว่า “ยังไม่เลิก” นั้นรัฐบาลอ้างว่าเพื่อจะได้กลับมาแจกอีกเมื่อเศรษฐกิจฟื้นจากภาษีทรัมป์

เกิดคำถามคาใจแสบๆ คันๆ สำหรับคนขี้สงสัยว่า

ตกลงควรแจกตอนเศรษฐกิจแย่ หรือแจกตอนเศรษฐกิจดี?

 

กูรูที่เขาต่อกรกับรัฐบาลพยายามจะอธิบายว่าตามหลักเศรษฐศาสตร์มหภาค มาตรการ “แจกเงิน” จัดอยู่ในกลุ่มของ นโยบายการคลังแบบขยายตัว (Expansionary Fiscal Policy)

ซึ่งเหมาะสำหรับช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในให้เกิด “ตัวคูณ” (Multiplier Effect) โดยเฉพาะในระบบเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ

แต่กรณีของ Digital Wallet รัฐบาลกลับตีความกลับหัวกลับหาง

ตอนเศรษฐกิจแย่ บอกว่า “ต้องแจกเงินด่วน”

พอเศรษฐกิจยังแย่อยู่ บอกว่า “ต้องเก็บเงินไว้ก่อน”

แล้วบอกว่า “รอให้เศรษฐกิจดี” แล้วค่อยแจก!?

ตรรกะย้อนแย้งชวนให้หงุดหงิดงุ่นง่าน

แล้วความจริงอยู่ตรงไหน?

บางคนเดาว่ามันหลบอยู่ใต้พรมการเมือง

 

รัฐบาลอาจไม่ได้มีปัญหา “ไม่อยากแจก” แต่มีปัญหา “ไม่มีจะแจก” มากกว่า

งบประมาณมีจำกัด หนี้สาธารณะกำลังใกล้ระดับที่น่าห่วง (สัดส่วนหนี้ต่อ GDP ขยับใกล้เพดาน 70% แล้ว)

ขณะที่รายได้ของรัฐยังไม่เพิ่มขึ้นตามที่ควรจะเป็น

จะกู้เพิ่มอีกก็ถูกกดดันจากหลายฝ่าย จะตัดงบฯ จากกระทรวงอื่นก็เสี่ยงต่อเสียงงอแงของพรรคร่วมรัฐบาล (ที่ต้องพึ่งเสียงสนับสนุนโครงการอื่น)

ทางออกจึงเป็นการใช้คำกลางๆ ลอยๆ อย่าง “ชะลอไม่มีกำหนด” เพื่อเลี่ยงคำว่า “ยกเลิก”

ซึ่งมีผลกระทบทางการเมืองโดยตรง เพราะประชาชนจำนวนมาก-โดยเฉพาะฐานเสียงสำคัญ-ยังคง “เฝ้าฝันถึงเงินหมื่น”

ตกลงมันคือความจริง หรือวาทกรรม?

สุดท้ายแล้ว การเลือกใช้คำว่า “ชะลอไม่มีกำหนด” แทน “ยกเลิก” คือการประคองสมดุลระหว่าง ความหวังของประชาชน กับ คะแนนนิยมทางการเมือง

ในยุคที่งบประมาณคือกระสุน และพายุเศรษฐกิจคือศัตรูที่มองไม่เห็น

แต่ในเมื่อพายุมาแล้วจริงๆ การยอมรับตรงๆ ว่า “เราต้องเก็บกระสุนไว้ให้มากที่สุด” อาจเป็นการสะท้อนภาวะผู้นำที่แท้จริง

มากกว่าการพูดคลุมเครือแล้วหวังว่าผู้คนจะลืมในอีกไม่กี่เดือน

เพราะถ้า “แจกเงินตอนเศรษฐกิจดี” มันก็คงไม่ใช่ “ปั๊มหัวใจ” อีกต่อไป… แต่เป็นการ “เติมไขมัน” ให้หัวใจที่ยังไม่ได้รับการรักษาใดๆ

 

อีกเรื่องว่าด้วย “ตรรกะพิสดาร” คือเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ กับ กาสิโน

เรียกมันว่า 10% ที่ครองโลกได้เลย

เพราะมันคือ “ตรรกะขั้นเทพ”

รัฐบาลบอกว่า… “กาสิโนเป็นแค่ 10% ของโครงการ Entertainment Complex เท่านั้นเอง อย่าไปเหมาว่าทั้งหมดคือกาสิโน!”

โอเค…แค่ 10% เอง ไม่น่ากลัวอะไรเลย

แต่เอ๊ะ…พอมีคนถามว่า

“ถ้ากาสิโนเป็นแค่ 10% แยกออกไปทำอีกโครงการได้ไหม?”

รัฐบาลตอบเสียงแข็งว่า

“ไม่ได้! นักลงทุนเขามาก็เพราะกาสิโนนี่แหละ ถ้าไม่มีกาสิโน เขาไม่มาลงทุน!”

อ้าว! เดี๋ยวๆๆๆ…

เมื่อกี้บอกว่าแค่ 10%

ตอนนี้กลายเป็น “หัวใจ” ของโครงการเสียแล้ว

กลายเป็นว่า 90% ที่เหลือคือของแถม…

โครงการหมื่นล้านแสนล้านกลายเป็น กาสิโนแถมสวนสนุก หรือเปล่า?

หรือจริงๆ แล้วคำว่า “Entertainment Complex” เป็นแค่การเอาคำหรูๆ มาเบลอคำว่า “กาสิโน” แบบเนียนๆ

แนวๆ “ไม่ใช่เหล้า นี่คือไวน์”

“มันไม่ใช่บ่อน แต่มันคือแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก”

และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ

คนที่ไม่เห็นด้วยกับกาสิโนดันถูกหาว่า “บิดเบือนความจริง ทำให้สังคมเข้าใจผิด!”

พูดเหมือนคนไทยเข้าใจผิดเพราะอ่านช้าเอง ไม่ใช่เพราะนักการเมืองพูดไวเกินไป

แต่ถ้าสงบสติอารมณ์ ลองคิดง่ายๆ

ถ้ากาสิโนคือแค่ 10% ของโครงการจริง

แล้วตัด 10% นั้นออก นักลงทุนจะหนีหายหมด

ก็เท่ากับว่าทั้งโครงการยืนอยู่บนเสาเข็มเล็กๆ เสาเดียวที่ชื่อว่า “กาสิโน”

เรียกว่า “บ้านราคาแสนล้าน ที่สร้างอยู่บนลูกเต๋า” ก็คงไม่ผิดนัก

 

ทีนี้เราก็เข้าใจแล้วว่า

ในพจนานุกรมของบางฝ่าย

10% = จำเป็นสุดสุด

90% = ไว้แต่งหน้าโครงการให้ดูดีเวลาหาเสียง

หรือสรุปง่ายๆ

นี่คือคณิตศาสตร์แบบใหม่…

เป็นวิชา “การตลาดการเมืองขั้นสูง”

ที่ 10% มีอิทธิพลมากกว่า 90%

เป็นตรรกะแบบ “ไม่ตรงปก แต่ตรงใจนักลงทุน”

ต้องถือว่าเก่งกว่านักมายากล ล้ำกว่านักเศรษฐศาสตร์ชั้นเซียนเหยียบโลก!

เห็นทีต้องเพิ่มวิชา “บิดตรรกะเชิงสร้างสรรค์” ไว้ในหลักสูตรการเมืองไทยสมัยใหม่เสียแล้ว

จะหัวเราะดังๆ หรือจะร้องไห้ดี?



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’
ปรีดี แปลก อดุล : คุณธรรมน้ำมิตร (74)
‘โฉมหน้าของศักดินาภิวัตน์ในปัจจุบัน’ (2)
เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (21) ความตายจากฟากฟ้า
เมษา พฤษภา 2553 ประสาน 2 การเคลื่อนไหวใหญ่ ระหว่าง รัฐบาล กับ คนเสื้อแดง
มนุษย์เป็นเพียงผลลัพธ์ของเหตุบังเอิญ
ปฏิบัติการเหมันต์ทมิฬ (2) (Operation Dark Winter)
การเล่นกอล์ฟช่วยให้มีอายุยืน จริงหรือไม่?
33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (132)
ตามไปดูการใช้ AI ในโรงเรียน ‘ญี่ปุ่น’