

บทความพิเศษ | พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
33 ปี ชีวิตสีกากี
พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (127)
เผชิญอาณาจักร ‘ราชการ’
ทำพลาด เจอ ‘ฟ้อง’
วันที่ 10 มิถุนายน 2537
ได้รับเหรียญราชการชายแดน พร้อมๆ กับได้รับข่าวดีในปีนี้ได้รับ 2 ขั้นร่วมกับ พ.ต.ท.จรงค์ ภักดีวานิช สว.ปป.สภ.อ.เมืองสตูล และ ร.ต.ท.สุริยา บาราสัน รอง สวส.สภ.อ.เมืองสตูล
วันที่ 24 มิถุนายน 2537
พ.ต.ท.จรงค์ ภักดีวานิช กับพวก ได้จับกุมนายบุญเอก หรือเอก เรนภักดี กับนายมานพ หรือพล หมาดหมาน โดยได้ใช้อาวุธปืนยิงนายเคียง สังข์ทอง ซึ่งประกอบอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นอัมพาตตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงเท้า พิการตลอดชีวิต แล้วชิงเอารถจักรยานยนต์ไป เหตุเกิดปากทางเข้าอู่เรือจรัล ถนนวิเศษมยุรา หมู่ที่ 3 ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล ต่อมาได้ยึดรถจักรยานยนต์กลับคืนได้ที่ อ.ควนกาหลง จ.สตูล และจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง
วันที่ 8 กรกฎาคม 2537
ผมเดินทางมาสอบปากคำนายเคียง สังข์ทอง ที่ห้องศัลยกรรมชาย 430 ชั้น 4 โรงพยาบาล ม.อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา ถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บที่กลางหลัง เป็นอัมพาต คนร้ายชิงรถจักรยานยนต์ไปได้
ผมเดินทางกลับสตูล และปรากฏว่ามีข่าวประหลาด คนร้ายที่จังหวัดอุดรธานี ปล้นร้านทอง แล้วทิ้งจดหมายไว้ว่า จะเอาเงินมาซื้ออาวุธไปถล่มตำรวจสตูล ขอให้ สวส.สตูล ระวังตัวไว้
ผมไม่รู้ว่าระบุถึงใคร
วันที่ 19 กรกฎาคม 2537
รีบนำตัวนายบุญเอก หรือเอก เรนภักดี ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ยิงเจ้าของรถจักรยานยนต์รับจ้าง จนเป็นอัมพาต ไปทำแผน ต้องรีบทำเพราะฝนทำท่าจะตก มีประชาชนมามุงดูจำนวนมาก หลังจากเสร็จ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก จนน้ำท่วมพื้นโรงพัก แล้วท่วมถึงห้องคดี ห้องสอบสวน และห้องของผม จนต้องถอดรองเท้า และบ้านพักของรอง ผบก.หน.ภ.จว.สตูล ก็ท่วม
ผมได้ติดต่อและส่งเอกสารข้อมูลคดีต่างๆ ไปที่ จ.ขอนแก่น ให้กับ พ.ต.ท.คัชชา ธาตุศาสตร์ พ.ต.ท.เหิมหาญ มีสอาด เพื่อใช้ประกอบการสืบสวนคดีปล้นทรัพย์ที่จังหวัดอุดรธานี และมีข้อความพาดพิงถึงตำรวจสตูล
วันที่ 20 กรกฎาคม 2537
ผมส่ง EMS ด้วยข้อมูลอย่างด่วนเกี่ยวกับ ส.ต.ต.สุรินทร์ จันทร์ศรีบุตร ไปให้ พ.ต.ท.คัชชา ธาตุศาสตร์ ที่ กก.สส.ภาค 4 จ.ขอนแก่น และ พ.ต.ท.เหิมหาญ มีสอาด สว.ส.สภ.อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี
วันที่ 21 กรกฎาคม 2537
ตอนบ่าย รับโทรศัพท์จาก พล.ต.ท.สุนทร ซ้ายขวัญ ผู้บัญชาการ ให้ช่วยสืบสวนหาข่าวจากนายเอียด เส้งเอียด ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสตูลด้วย กรณีการติดตามจับกุมนายเจิมหรือพี่น้องไข่หมูก เส้งเอียด ที่ยังหลบหนีอยู่
วันที่ 11 สิงหาคม 2537
ผมยังคงทำสำนวนคดีพยายามฆ่านายช่างคุมสร้างทางสายสตูล-รัตภูมิ ซึ่งเป็นคดีที่ผมหนักใจมาก พยานหลักฐานดูจะไม่เป็นใจให้ผมทำงานได้สบายเลย ผมได้เดินทางไปสอบสวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมทางหลวง ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างทาง ทั้งที่กรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดี และที่จังหวัดสุพรรณบุรี ผมได้สัมผัสถึงอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของหน่วยราชการไทยที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณมากมายมหาศาล
ได้สอบสวนนายช่างใหญ่ สอบสวนผู้อำนวยการ ผมไม่คิดเลยว่า ข้าราชการระดับสูงที่ผมไปพบเจอมา จะมีลักษณะนิสัยที่เป็นนักเลง เบ่งวางกล้าม และข่มขู่ผม ซึ่งเป็นนายตำรวจที่มาจากต่างจังหวัดเพียงลำพังคนเดียว และไม่มีช่องทางเลยที่ผมจะได้รับความร่วมมือให้ข้อมูลที่ทำให้คดีมีความชัดเจน เพราะเป็นเรื่องของการขัดผลประโยชน์
หากผมมีตำแหน่งที่สูงและมีอำนาจมากกว่านี้ ผมจะกำจัดเหลือบที่เกาะกินประเทศ และเหลือบเหล่านั้นอยู่ตรงหน้าผมในเวลานี้
แต่ผมไม่มีพละกำลัง เป็นเพียงแค่หิ่งห้อย จึงไม่ร้อนแรงเท่าแสงอาทิตย์ ผมทำได้เพียงก้มหน้า พิมพ์คำให้การที่ไม่ได้มีสาระอะไร และฟังคำพูดที่เยาะเย้ยผ่านออกมาทางลมปาก
ผมคงจะไม่เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เพราะมีแต่จะทำให้ผมเจ็บตัว
วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2537
รับทราบข่าว ร.ต.อ.ปรเมศวร์ สิทธิผล ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบุญลือหรือโกซือ ได้ให้ทนายความฟ้องอาญาผมกับ พ.ต.ท.สติ มาลกานนท์ ผมจึงได้แจ้งข่าวไปที่ภูเก็ตให้ พ.ต.ท.สติทราบ
กรณีที่ผมถูกฟ้องร่วมกับ พ.ต.ท.สตินั้นเป็นคดีที่เกี่ยวกับการจับกุม ร.ต.อ.ปรเมศวร์ สิทธิผล และได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ เป็นของกลาง เป็นหลักฐานที่เป็นวัตถุพยานที่สำคัญของคดี ในเวลานั้นเพิ่งเริ่มจะมีโทรศัพท์มือถือใช้ติดต่อกัน ไม่แพร่หลายเหมือนทุกวันนี้ ทั้งโทรศัพท์และค่าใช้โทรศัพท์จึงมีราคาแพงมาก ถ้าเป็นการโทร.ทางไกลจะยิ่งแพงตามระยะทาง
ผมได้เรียกผู้จำหน่ายโทรศัพท์เครื่องนี้มาสอบสวนเป็นพยาน จึงทราบว่า นางวัชรินทร์ หรือโอ๋ ไววิทยา เป็นผู้ซื้อแล้วนำไปมอบให้ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ใช้ และเมื่อได้รับรายงานการใช้โทรศัพท์จากบริษัทผู้ให้บริการ จึงทราบว่า ร.ต.อ.ปรเมศวร์และนางวัชรินทร์หรือโอ๋ มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดแนบแน่น และ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ใช้โทรศัพท์เครื่องนี้ติดต่อพูดคุยกับนางวัชรินทร์หรือโอ๋ตลอดเวลา บางครั้งโทร.คุยกันนานมาก
ยิ่งในวันเกิดเหตุ มีการโทรศัพท์ติดต่อกันจนผิดปกติ ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ ซึ่งผมได้รวบรวมทุกรายละเอียดเข้าไว้ในสำนวนการสอบสวนอย่างไม่มีตกหล่น
แต่ผมมาทำผิดพลาดอย่างมาก เมื่อผู้จำหน่ายยืนยันกับผมเองว่า ช่วงเวลานี้หมายเลขโทรศัพท์เครื่องนี้อยู่ในระหว่างโปรโมชั่น ใช้โทรศัพท์ฟรีไม่จำกัด ซ้ำยังได้ยืนยันย้ำอีกหลายครั้ง
เมื่อผมทราบดังนั้น จึงแจ้งให้ สวญ.สภ.อ.เมืองสตูล ได้ทราบ จึงมีการใช้โทรศัพท์เครื่องนี้โทร.ติดต่อราชการไปกรุงเทพฯ และธุระต่างๆ โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน จะเป็นการถูกหลอกจากพยานที่เป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์ ปรากฏว่า บิลรายการค่าโทรศัพท์ไปปรากฏที่บ้านพักของ ร.ต.อ.ปรเมศวร์ เป็นจำนานเงินหลายพันบาท ไม่ได้ฟรีตามที่พยานได้กล่าวไว้
เลยเข้าช่องทางให้ทนายจำเลย นำไปฟ้องอาญาผมกับ พ.ต.ท.สติ แต่ในเวลานั้นทุกคนไม่ได้มีเจตนาที่จะไปก่อให้เกิดความเสียหายกับใครใดๆ ทั้งสิ้น
เวลาต่อมาเพื่อบรรเทาสิ่งที่ผิดพลาด ผมจึงได้ยินยอมชดใช้ชำระค่าโทรศัพท์ตามรายการการใช้ทั้งหมด ซึ่งมีราคาแพงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า และเป็นหนทางที่ทำให้คดีความยุติลง เมื่อทนายจำเลยได้ถอนฟ้องในเวลาต่อมา
การไม่เฉลียวใจย่อมเกิดข้อผิดพลาดกับพนักงานสอบสวนได้เสมอ ยิ่งถ้าประมาท จะมีบทลงโทษทันที และกรณีของผมเป็นตัวอย่าง ซึ่งต้องทำให้ พ.ต.ท.สติมาเดือดร้อนกับผมด้วย
วันที่ 1 ตุลาคม 2537
นายสุรพล ภัทรปกรณ์ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. กับพวก ได้จับกุม พ.จ.อ.สมโชค ชนะภัย ซึ่งเป็นทหารเรือจังหวัดนราธิวาส กับนางฉันทนา แบนใจวัง พร้อมกับของกลางเฮโรอีน ชนิดผงขาว หนัก 3.7 กิโลกรัม อาวุธปืน ขนาด 11 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก เหตุเกิดที่ห้องอาหารโรงแรมวังใหม่ ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล
ส่งให้ผมดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 (เฮโรอีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันที่ 13 ตุลาคม 2537
วันตำรวจ เป็นวันที่ผมมีความรู้สึกค่อนข้างขมขื่น ที่ตำรวจถูกโจมตีมาโดยตลอด
ตอนเช้ามีพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ ทำบุญเลี้ยงพระ แล้วเดินทางไปเยี่ยมอัยการจังหวัดสตูล นายสุรชัย อุดมวงศ์ ที่ได้ฝึกซ้อมเตะฟุตบอลเตรียมแข่งขันกับตำรวจในวันตำรวจ แต่ลูกบอลถูกเตะอัดเข้าที่ตาซ้ายจนต้องไปนอนที่โรงพยาบาล ม.อ.
ในตอนเย็นเป็นการแข่งฟุตบอลเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างทีมตำรวจ กับทีมร่วมผู้พิพากษา อัยการ และทนายความ
ปรากฏว่า ทีมตำรวจชนะไป 2-1 โดย พ.ต.ท.ปองเดช เหมรา รอง ผกก.ซัดไปคนเดียว 2 ประตูรวด
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022