ลึกแต่ไม่ลับ | จรัญ พงษ์จีน
“พลิกเกม” ฟอร์มรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
ความสำเร็จ ไม่ได้มาจากความอดทน และรอคอยอย่างชาญฉลาดอย่างเดียว ต้องมีโชคช่วยและดวงด้วย ดูหนังตัวอย่างจาก “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี หลังจากคลิปคุยกับ “ฮุน เซน” หลุด งานเข้า เสียมวยไม่เป็นท่า หายนะก็ว่าได้ เผชิญกับความกดดันทั้งจากศัตรู และพันธมิตร ต้องเจอ ต้องพบกับความยุ่งยากลำบากใจมากมาย รายจ่ายบานตะเกียง
ส่อเค้าเล่าอาการว่า จะ “รอดยาก” มีชอยส์ให้เลือก 2 ช่องทาง ต้อง “ลาออก” หรือ “ยุบสภา” และสถานการณ์ยิ่งหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น เข้าข่ายสี่คนหามสามคนแห่เข้าศาลาวัด เมื่อเพื่อนเก่าที่ชื่อ “ภูมิใจไทย” อาศัยจังหวะที่ปัญหาสารพัดมะรุมมะตุ้ม ชิงลงมือ ประกาศขอถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาล
ไม่พอใจเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี ที่เพื่อไทยเสนอขอยึดคืนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมากำกับดูแลเอง แต่สับขาหลอกไปหยิบเอากรณีคลิปหลุด การเจรจาระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ฮุน เซน” มาเป็นข้ออ้าง ระบุว่าเป็นห้องเครื่องสำคัญในการถอนยวง เพราะกระทบต่ออธิปไตย ดินแดน ผลประโยชน์ของประเทศชาติ และกองทัพไทย พร้อมกับเรียกร้องให้ “แพทองธาร” แสดงความรับผิดชอบต่อการที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชนและกองทัพ
นอกจากประกาศขอถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลแล้ว ในส่วนของรัฐมนตรีสังกัดพรรคภูมิใจไทยทุกคนได้เขียนใบลาออกส่งให้ “นายกฯ อิ๊งค์” มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน
แต่มุขของ “ภูมิใจไทย” แป้ก ไม่ฮา ไม่ขำ ไม่เวิร์ก ฝืดไปหน้าตาเฉย ไม่ประเมินสถานการณ์ให้ถ่องแท้ก่อนว่าเมื่อชิงลงมือแล้วต้องชนะ และจบในครั้งเดียว เนื่องเพราะก่อนที่ “ค่ายสีน้ำเงิน” จะปิดจ๊อบไม่กี่ชั่วยาม “แพทองธาร” เปิดแถลงขอโทษคนไทยทุกคน สารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นไม่สมควร ยืนยันว่าเป็นเทคนิคการเจรจา และหลังจากเกิดเหตุคลิปหลุดได้โทรศัพท์ไปขอโทษ “แม่ทัพภาคที่ 2” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ติดใจอะไร
สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด วันที่ “อุ๊งอิ๊ง” แถลงขอโทษคนไทย ไม่ได้มาคนเดียวโดดๆ กลับยืนอยู่ท่ามกลางผู้นำ 4 เหล่าทัพอย่างพร้อมเพรียง และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ส่งผลให้สัญญาณอันตราย ต่อการพังทลาย ลมเปลี่ยนทิศ กระแสเลยช็อตไปดื้อๆ
การยื่นใบลาออกของ “ภูมิใจไทย” จึงมิต่างอะไรกับเอาไข่ไปกระแทกหิน เพราะ 8 ที่นั่ง กับ 9 ตำแหน่ง สมบัติเก่า อันประกอบด้วย 4 ว่าการจาก “กระทรวงมหาดไทย-แรงงาน-ศึกษาธิการ-การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม” และ 4 รัฐมนตรีช่วย จากมหาดไทย 2 ที่นั่ง ศึกษาธิการ กับพาณิชย์ กระทรวงละ 1 ที่นั่ง เหมือนหมาจิ้งจอกเห็นเล้าไก่ยังไงยังงั้น ทุกพรรคจ้องกันตาเป็นมัน
ก่อนหน้าที่จะชิงลงมือ “ค่ายสีน้ำเงิน” น่าจะประเมินสถานการณ์แล้วว่าชนะ จึงชิงปิดเกม ตัวเลขในสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบันมีจำนวน 495 ที่นั่ง เสียงสนับสนุนรัฐบาล ทุนเดิม 319 เสียง ไหลมาเพิ่มตอนลงมติ พ.ร.บ.งบประมาณ เป็น 325 เสียง “ภูมิใจไทย” ถอนตัวมา 69 เหลือ 256 เสียง เกินครึ่งหนึ่ง 248 เพียง 8 เสียงเท่านั้น ถือว่าเสี่ยงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น คือ “แกนนำค่ายสีน้ำเงิน” เดินสายล็อกกระดาน พลังประชารัฐ ที่มีอยู่ 20 เสียงไว้เป็นที่เรียบร้อย ถึงขนาด “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคบ้านป่าฯ ประกาศกึกก้องว่า พปชร.ขอเป็นฝ่ายค้านร่วมกับภูมิใจไทย แถมยังล่ามโซ่สวมกุญแจประตูยี่ห้อโซโลล็อกไว้อีกขยัก ด้วยการจับกลุ่มมะขามหวาน 6 เสียงของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ไปเข้ากลุ่ม โชว์ภาพหลุด ตกล่องปล่องชิ้นกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
วางแผนแยบยล หลากหลายเกินอุเบกขา อีกด้านหนึ่งใช้กำลังภายใน ต่อสายเป็นพันธมิตรลับๆ กับพรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่ม 18 เสียง ที่อยู่ในอาณัติของ “พีระพันธุ์ ลาสีรัฐวิภาค” สรุปที่ “ภูมิใจไทย” แตะมือเป็นพันธมิตรไว้ทั้งหมด เต็มคาลาเบล ประกอบด้วย “ภูมิใจไทย” 69 ที่นั่ง “ประชารัฐ” 20 ที่นั่ง และ “รวมไทยสร้างชาติ” อีก 18 เสียง รวม 107 เสียง
การเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร และจินตนาการเพ้อฝัน การลาออกของภูมิใจไทย เทกระจาดไว้เก้าที่นั่งเรี่ยราด แปรสภาพเป็นกุญแจดอกสำคัญ และจุดที่ทำให้ “ครูใหญ่-เสี่ยหนู” รู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกควักหัวใจ เกิดมิตรภาพจอมปลอม กระโดดค้ำถอ หนีกลับไปแจมกับฝั่งเก่า คือ 107 เสียงที่รวมพลคนกันเองมารวมเข่งกันไว้ หนทางที่จะจัดตั้งคณะรัฐมนตรี และดัน “อนุทิน ชาญวีรกูล” ขึ้นลิฟต์เป็นนายกรัฐมนตรี หากแยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทย มีอยู่ช่องทางเดียวคือ “จับมือกับพรรคประชาชน” ที่มีฐานเสียง 142 ที่นั่ง เพราะ “พรรคประชาชน” ไม่มีบัญชีชื่อนายกรัฐมนตรีอยู่ในสารบบแล้ว ต้อง “เสี่ยหนู” คนเดียว
กุญแจทุกดอก ไพ่ทุกใบ กระบี่ทุกเล่มบนเวทีการเมืองของไทยชั่วโมงนี้ จับมาใช้งานได้หมด ยกเว้น “พรรคสีส้ม”
ด้วยเงื่อนไขพิสดารดังกล่าว การแยกไปจับมือกับประชาชน เจอทางตัน ประตูล็อกตาย จึงเอื้อประโยชน์ให้กับ “พรรคเพื่อไทย” จึงเป็นห้องเครื่องสำคัญให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ที่เข้ามาบริหารประเทศมาหลายเดือน ยังไม่มีอะไรโดดเด่นสักเรื่อง เศรษฐกิจตกต่ำมาก บรรยากาศซบเซาทุกด้าน แถมล่าสุดยังมีคลิปหลุดมาปรากฏ เผชิญกับความกดดันรอบด้าน แต่ยังอยู่รอด เกือบหลับแต่กลับมาได้
เงื่อนไขเทมาทาง “เพื่อไทย” ทุกกระบวนท่า ตอนแรก “รวมไทยสร้างชาติ” ซีก 18 เสียง มีมติยื่นไม้ตายให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีจาก “แพทองธาร” เป็น “ชัยเกษม นิติสิริ” บัญชีชื่อที่เหลืออยู่อีกคน
แต่ตอนหลังพลิกเกม กอดเก้าอี้กันระดับมือกาว น่าจะส่งไปเป็นผู้รักษาประตูทีมแมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเกมการเมืองตอนนี้ “เพื่อไทย” ได้เปรียบเต็มสตีมทุกประตู ฟอร์มรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไปพรางๆ ก่อน รายชื่อรัฐมนตรีใหม่คลอดอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ส.ส.ก็ไหลมาเทมาเองโดยไม่ต้องออกแรง
“เพื่อไทย” ยามนี้เดินตัวปลิว มีเสียงเห่า กระโดดแยกเขี้ยว ข่มขวัญบ้าง แต่ไม่กัดครับ แค่โยนกระดูกติดเนื้อสักอัน หรือก้อนอิฐสักก้อน ก็จบแล้วครับ
