bg-single

เมื่อจีนปลุกวิญญาณ เหมา เจ๋อตง สู้ ทรัมป์!

19.05.2025

กาแฟดำ | สุทธิชัย หยุ่น

 

เมื่อจีนปลุกวิญญาณ

เหมา เจ๋อตง สู้ ทรัมป์!

 

ช่วงนี้ คนที่เมืองจีนไปขุดเอาวิญญาณท่านอดีตประธานเหมา เจ๋อตุง มาสู้กับโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย

ในการทำศึกสงครามข่าวสารระหว่างจีนกับสหรัฐรอบนี้ ปักกิ่งสู้ทุกรูปแบบ มีกลเม็ดอะไรที่โลกตะวันตกใช้ผ่านโซเชียลมีเดียทำมาก่อน วันนี้จีนรุกหนักด้วยอาวุธแบบเดียวกัน…และร้อนแรงกว่า!

ไม่เพียงแต่จะเลียนแบบเหล่าบรรดา influencers ดั้งเดิมเท่านั้น ฝ่ายจีนยังเล่นสงครามจิตวิทยาแบบตัดไม้ข่มนามอย่างเอาจริงเอาจังด้วย

เกมอย่างนี้จีนเคยใช้ในยุคก่อนเก่า แต่ในบริบทการเผชิญหน้ากับทรัมป์ปัจจุบัน การปลุกอดีตมาสู้กับศัตรูปัจจุบันจึงดูจะมีผลในการปลุกกระแสชาตินิยมในจีนได้ไม่น้อย

ทรัมป์ใช้การสร้างกระแสด้วยการประกาศทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งด้วย Make America Great Again (MAGA)

จีนใช้ความยิ่งใหญ่ของอดีตประกอบกับความทันสมัยของวันนี้ และความฮึกเหิมในการสู้รบมาเป็นเครื่องมือต่อสู้อย่างคล่องแคล่วเช่นกัน

 

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน เหมาหนิง (ไม่ใช่ญาติสนิทของอดีตประธานเหมา แต่ก็เป็นตระกูลเดียวกับผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน) โพสต์วิดีโอและรูปภาพของเหมาร้อม “วลีเด็ด” ว่าด้วยการทำสงครามอย่างเด็ดเดี่ยวเข้มข้น

ทรัมป์ประกาศสงครามการค้ากับจีนได้ ปักกิ่งก็ตอบโต้ด้วยการแสดงความพร้อมจะ “สู้จนถึงที่สุด”

หนึ่งในประโยคเด็ดของเหมาที่นำมาใช้ในการเผชิญหน้ากับทรัมป์วันนี้คือคำประกาศในปี 1952 ในช่วงสงครามเกาหลี (ซึ่งจริงๆ แล้วคือสงครามระหว่างอเมริกากับจีน) ของประธานเหมาคือ :

“ไม่สำคัญว่าสงครามนี้จะกินเวลานานแค่ไหน ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของเราคือเราจะไม่ยอมแพ้ เราจะต่อสู้เพื่อจนกว่าจะได้ชัยชนะ”

ไม่กี่วันต่อมา เหมาหนิงก็เตือนความจำของคนอเมริกันว่า ในปี 1964 ประธานเหมาประกาศอย่างขึงขังว่า :

“สหรัฐอเมริกาเป็นแค่เสือกระดาษ เราไว้ใจไม่ได้ แต่เราสามารถปราบอเมริกันได้อย่างราบคาบด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว”

โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนยังเสริมความเห็นของตัวเองสำทับด้วยว่า

“จีนไม่เคยหลอกลวงใคร แต่เรามองทะลุคนที่พยายามจะหลอกลวงเรา”

เป้าหมายไม่เพียงแต่ต้องการจะยืนยันกับทำเนียบขาวว่าปักกิ่งจะไม่ยอมสยบวอชิงตันเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลุกเร้าคนจีนทั่วประเทศให้ลุกขึ้นยืนข้างหลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในสงครามรอบใหม่กับทรัมป์ด้วย

การ “ปลุกผี” เหมา เจ๋อตุง ขึ้นมาสู้กับอเมริกาครอบนี้ ทางการจีนต้องการจะส่งสัญญาณชัดๆ ให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า ปักกิ่งจะไม่กะพริบตา จะไม่ยอมก้มหัวหรือยอมแพ้ จะไม่ยอมจำนนต่อ “ลูกเล่น” ของทรัมป์ และมั่นใจว่าจะชนะสงครามการค้า

รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะแหวกวงล้อมของอเมริกาที่พยายามจะสกัดการเติบใหญ่ของจีนในทุกวิถีทางด้วย

 

คนยุคผมที่โตมาในช่วงสงครามเย็นย่อมจะจำคำว่า “เสือกระดาษ” (paper tiger) ของเหมาได้ดี

อีกคำหนึ่งที่เหมาใช้บ่อยคือ “สุนัขรับใช้” หรือ running dog เพื่อเหยียดประเทศที่เดินตามอเมริกาในยุคสมัยนั้น

วาทะเร่าร้อนของเหมาส่วนใหญ่ในช่วงนั้นคือการกล่าวอ้างถึงการต่อสู้ระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์กับทุนนิยม

แต่ในมุมมองภูมิรัฐศาสตร์แห่งยุคสมัยขณะนั้น คำปรามาสของเหมาต่อสหรัฐก็ไม่ได้ผิดจากข้อเท็จจริงนัก

เพราะแม้จะมีแสนยานุภาพทางทหารเหลือล้น แต่อเมริกาก็ไม่สามารถชนะสงครามเกาหลีได้

เพราะในท้ายที่สุดจีนก็ถือว่าตนได้รับชัยชนะร่วมกับสหภาพโซเวียตในสงครามเกาหลีเพราะสามารถรักษาเกาหลีเหนือไว้

ยิ่งเมื่อต่อมา สหรัฐแพ้สงครามเวียดนาม ก็ยิ่งตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของการเป็น “เสือกระดาษ” ของ “มหาอำนาจหมายเลขหนึ่ง” ของสหรัฐได้อย่างจะแจ้ง

 

อีกแง่มุมหนึ่งของทรัมป์ที่ทำให้ผู้คนนึกถึงเหมาคือภาพในอดีตเมื่ออดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน สร้างประวัติศาสตร์โลกด้วยการบินมาจับมือกับประธานเหมาเพื่อเปิดสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1971

บางคนมองว่าทรัมป์อาจจะมีแผนล้ำลึกที่จะพยายาม “เสี้ยม” ให้รัสเซียฉีกออกจากความเป็นพันธมิตรกับจีน

ที่เรียกขานในหมู่นักวิเคราะห์ตะวันตกบางสำนักว่าเป็นยุทธศาสตร์ “คิสซิงเจอร์แบบย้อนกลับ” (Reverse Kissinger Strategy)

เฮนรี คิสซิงเจอร์ คือมือการทูตระดับเซียนที่นิกสันส่งมาเจาะหาโอกาสที่จะสร้างสัมพันธ์กับจีนในภาวะที่เริ่มมีสัญญาณว่าสหภาพโซเวียตกับจีนเริ่มมีเรื่องระหองระแหงกัน

เพราะข่าวกรองตะวันตกได้กลิ่นว่าเหมา เจ๋อตุง กับนิกิตา ครุสชอฟ แห่งสหภาพโซเวียตได้ตัดสินใจแยกทางกันเดิน…และการตีความอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ไปกันคนละทิศคนละทาง

นักวิเคราะห์ “สำนักฝันเฟื่อง” บางแห่งพยายามจะตีความว่าทรัมป์อาจจะพยายามจะตีสนิทกับวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเพื่อให้คิด “นอกใจ” สี จิ้นผิง

แต่พอเกาะติดความเคลื่อนไหวของทรัมป์, ปูติน และสี จิ้นผิง อย่างต่อเนื่องก็จะพอจับความได้ว่าทฤษฎีเช่นว่านี้เป็นเรื่อง “ฝันกลางวัน” มากกว่า

เพราะเหตุการณ์ในยุคนั้นกับความเคลื่อนไหววันนี้ระหว่างวอชิงตัน, มอสโกและปักกิ่งนั้นแตกต่างกับวันวานในหลายบริบทอย่างมีนัยสำคัญ

 

อีกแง่มุมหนึ่งที่โยงเหมากับทรัมป์คือยุทธศาสตร์ทำสงครามของเหมากับ “ศาสตร์แห่งการทำดีล” (Art of the Deal) ของทรัมป์

ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สื่อทางการของจีน Beijing Daily จะชักชวนให้ผู้คนกลับไปอ่านหนังสือ On Protracted War (“ว่าด้วย (ยุทธศาสตร์แห่งการทำ) สงครามยืดเยื้อ”) อันเป็นบทวิเคราะห์ที่เขียนโดยเหมาในปี 1938 ขณะจีนกำลังเผชิญการรุกรานจากญี่ปุ่นอย่างหนักหน่วงรุนแรง

เหมานำเสนอวิธีการที่ชาติที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และทรัพยากรสามารถเอาชนะประเทศที่ใหญ่กว่าได้

วิธี “พลิกสถานการณ์” ของฝ่ายเสียเปรียบให้กลับมาได้เปรียบชาติที่ใหญ่กว่าจะต้องใช้ทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเศรษฐกิจ

เนื้อหาของ “คัมภีร์สงคราม” เล่มนี้ เหมาอาจจะเอาหลักคิดจากหลักพิชัยสงครามหรือ “Art of War” ของซุนวูไม่น้อยเลย

ทำให้ทวนความจำของผมในการอ่านตำราของเหมาที่วางแผนการสู้รบแบบ “กองโจร” ในการเอาชนะกองกำลังที่เหนือกว่าของเจียง ไคเช็ก อย่างเด็ดขาด เช่น

“อย่าหวังชัยชนะแบบรวดเร็ว มันคือเพียงภาพลวงตา ใครอดทนได้มากกว่าคือผู้ชนะในที่สุด”

ในแนวทางของเหมา สงครามมี 3 จังหวะ

เริ่มด้วยการตั้งรับ…แต่ต้องมีกลยุทธ์ ต้องรับมือแบบมีแผนและถ้าจะถอยก็ต้องมีเป้าหมายว่าจะไม่ถอยแล้วแพ้

ต่อมาคือจังหวะรอโอกาส ไม่รุกไม่ถอย แต่ปักหลักเพื่อสะสมกำลัง สร้างเครือข่ายและใช้กลยุทธ์รบแบบกองโจร ไม่ปะทะแต่ก็ไม่ถอยร่น

จังหวะสามคือตัวตัดสิน นั่นคือกลยุทธ์เชิงรุก

นั่นหมายถึงความสามารถในการประเมินสถานการณ์อย่างแม่นยำ

เมื่อเห็นชัดว่าฝ่ายตรงกันข้ามเริ่มอ่อนแรงหรือพลาดท่า ก็ต้องรุกกลับเพื่อหวังผลชนะ

 

วันนี้ สี จิ้นผิง น่าจะกำลังใช้ยุทธศาสตร์ 3 จังหวะนี้ของเหมา

นั่นคือปล่อยให้ทรัมป์อาละวาดฟาดฟันไป

จีนใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว

แม้จะประเมินแล้วว่าต้องเจ็บ แต่ก็ต้องยอม เพราะหากสามารถยืนระยะไปได้สักพัก เศรษฐกิจสหรัฐก็ย่อมจะแสดงอาการสั่นคลอนเพราะนโยบายนอกลู่นอกทางของทรัมป์เอง

ถึงตอนนั้นจึงจะเริ่มขยับ จาก 2 จังหวะแรก สู่จังหวะที่ 3

ผ่านมาไม่กี่สัปดาห์ จีนบอกว่าอเมริกาก็ติดต่อมา บอกว่าเห็นทีมจีนระดับรองนายกฯ จะไปสวิตเซอร์แลนด์

คณะของสหรัฐที่นำโดยรัฐมนตรีคลังก็ไปอยู่แถวนั้นพอดี

นัดคุยกันหน่อยไหม?

เข้าล็อกจีนที่ปักหลักจังหวะ 1 และ 2 มาระยะหนึ่ง ได้เวลาเข้าสู่จังหวะ 3

แต่หากสี จิ้นผิง ปรับบทเรียนของเหมามาใช้กับสงครามการค้าวันนี้ ก็อาจจะมีการผสมผสานระหว่างจังหวะ 1 กับ 2 และ 3 ไปพร้อมกัน

เพราะเจอศัตรูอารมณ์ขึ้นลงได้วันละหลายครั้งอย่างทรัมป์ ตำรา “สงครามยืดเยื้อ” ของเหมาก็อาจจะเอาไม่อยู่

ต้องเป็นสูตร “พิชัยสงครามฉบับปรับปรุงใหม่…โดยสี จิ้นผิง” เป็นแน่แท้!



เนื้อหาที่ได้รับการโปรโมต

พาณิชย์เดินหน้า…จัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลังโลก ยกระดับมันสำปะหลังไทย ขยายตลาดส่งออก ดันเศรษฐกิจฐานรากเติบโต
“รองฯตี๋ ”สั่งสืบ 8 รวบแก็งแว้น ย่านตลาดบางปะกอก เหตุรวมตัวมั่วยา ส่งเสียงดังก่อความรำคาญ กำชับท้องที่กวดขัน คาดโทษหากเกียร์ว่าง
ปักธง เทียนวรรณ เปิดโฉม บุรุษรัตน์ สามัญชน จาก ‘ศรีบูรพา’
ปรีดี แปลก อดุล : คุณธรรมน้ำมิตร (74)
‘โฉมหน้าของศักดินาภิวัตน์ในปัจจุบัน’ (2)
เดินหน้าสู่ปีที่ 4 (21) ความตายจากฟากฟ้า
เมษา พฤษภา 2553 ประสาน 2 การเคลื่อนไหวใหญ่ ระหว่าง รัฐบาล กับ คนเสื้อแดง
มนุษย์เป็นเพียงผลลัพธ์ของเหตุบังเอิญ
ปฏิบัติการเหมันต์ทมิฬ (2) (Operation Dark Winter)
การเล่นกอล์ฟช่วยให้มีอายุยืน จริงหรือไม่?
33 ปี ชีวิตสีกากี พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ (132)
ตามไปดูการใช้ AI ในโรงเรียน ‘ญี่ปุ่น’