

กาแฟดำ | สุทธิชัย หยุ่น
เมื่อจีนปลุกวิญญาณ
เหมา เจ๋อตง สู้ ทรัมป์!
ช่วงนี้ คนที่เมืองจีนไปขุดเอาวิญญาณท่านอดีตประธานเหมา เจ๋อตุง มาสู้กับโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย
ในการทำศึกสงครามข่าวสารระหว่างจีนกับสหรัฐรอบนี้ ปักกิ่งสู้ทุกรูปแบบ มีกลเม็ดอะไรที่โลกตะวันตกใช้ผ่านโซเชียลมีเดียทำมาก่อน วันนี้จีนรุกหนักด้วยอาวุธแบบเดียวกัน…และร้อนแรงกว่า!
ไม่เพียงแต่จะเลียนแบบเหล่าบรรดา influencers ดั้งเดิมเท่านั้น ฝ่ายจีนยังเล่นสงครามจิตวิทยาแบบตัดไม้ข่มนามอย่างเอาจริงเอาจังด้วย
เกมอย่างนี้จีนเคยใช้ในยุคก่อนเก่า แต่ในบริบทการเผชิญหน้ากับทรัมป์ปัจจุบัน การปลุกอดีตมาสู้กับศัตรูปัจจุบันจึงดูจะมีผลในการปลุกกระแสชาตินิยมในจีนได้ไม่น้อย
ทรัมป์ใช้การสร้างกระแสด้วยการประกาศทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งด้วย Make America Great Again (MAGA)
จีนใช้ความยิ่งใหญ่ของอดีตประกอบกับความทันสมัยของวันนี้ และความฮึกเหิมในการสู้รบมาเป็นเครื่องมือต่อสู้อย่างคล่องแคล่วเช่นกัน
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน เหมาหนิง (ไม่ใช่ญาติสนิทของอดีตประธานเหมา แต่ก็เป็นตระกูลเดียวกับผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน) โพสต์วิดีโอและรูปภาพของเหมาร้อม “วลีเด็ด” ว่าด้วยการทำสงครามอย่างเด็ดเดี่ยวเข้มข้น
ทรัมป์ประกาศสงครามการค้ากับจีนได้ ปักกิ่งก็ตอบโต้ด้วยการแสดงความพร้อมจะ “สู้จนถึงที่สุด”
หนึ่งในประโยคเด็ดของเหมาที่นำมาใช้ในการเผชิญหน้ากับทรัมป์วันนี้คือคำประกาศในปี 1952 ในช่วงสงครามเกาหลี (ซึ่งจริงๆ แล้วคือสงครามระหว่างอเมริกากับจีน) ของประธานเหมาคือ :
“ไม่สำคัญว่าสงครามนี้จะกินเวลานานแค่ไหน ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของเราคือเราจะไม่ยอมแพ้ เราจะต่อสู้เพื่อจนกว่าจะได้ชัยชนะ”
ไม่กี่วันต่อมา เหมาหนิงก็เตือนความจำของคนอเมริกันว่า ในปี 1964 ประธานเหมาประกาศอย่างขึงขังว่า :
“สหรัฐอเมริกาเป็นแค่เสือกระดาษ เราไว้ใจไม่ได้ แต่เราสามารถปราบอเมริกันได้อย่างราบคาบด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว”
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนยังเสริมความเห็นของตัวเองสำทับด้วยว่า
“จีนไม่เคยหลอกลวงใคร แต่เรามองทะลุคนที่พยายามจะหลอกลวงเรา”
เป้าหมายไม่เพียงแต่ต้องการจะยืนยันกับทำเนียบขาวว่าปักกิ่งจะไม่ยอมสยบวอชิงตันเท่านั้น แต่ยังเป็นการปลุกเร้าคนจีนทั่วประเทศให้ลุกขึ้นยืนข้างหลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในสงครามรอบใหม่กับทรัมป์ด้วย
การ “ปลุกผี” เหมา เจ๋อตุง ขึ้นมาสู้กับอเมริกาครอบนี้ ทางการจีนต้องการจะส่งสัญญาณชัดๆ ให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า ปักกิ่งจะไม่กะพริบตา จะไม่ยอมก้มหัวหรือยอมแพ้ จะไม่ยอมจำนนต่อ “ลูกเล่น” ของทรัมป์ และมั่นใจว่าจะชนะสงครามการค้า
รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะแหวกวงล้อมของอเมริกาที่พยายามจะสกัดการเติบใหญ่ของจีนในทุกวิถีทางด้วย
คนยุคผมที่โตมาในช่วงสงครามเย็นย่อมจะจำคำว่า “เสือกระดาษ” (paper tiger) ของเหมาได้ดี
อีกคำหนึ่งที่เหมาใช้บ่อยคือ “สุนัขรับใช้” หรือ running dog เพื่อเหยียดประเทศที่เดินตามอเมริกาในยุคสมัยนั้น
วาทะเร่าร้อนของเหมาส่วนใหญ่ในช่วงนั้นคือการกล่าวอ้างถึงการต่อสู้ระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์กับทุนนิยม
แต่ในมุมมองภูมิรัฐศาสตร์แห่งยุคสมัยขณะนั้น คำปรามาสของเหมาต่อสหรัฐก็ไม่ได้ผิดจากข้อเท็จจริงนัก
เพราะแม้จะมีแสนยานุภาพทางทหารเหลือล้น แต่อเมริกาก็ไม่สามารถชนะสงครามเกาหลีได้
เพราะในท้ายที่สุดจีนก็ถือว่าตนได้รับชัยชนะร่วมกับสหภาพโซเวียตในสงครามเกาหลีเพราะสามารถรักษาเกาหลีเหนือไว้
ยิ่งเมื่อต่อมา สหรัฐแพ้สงครามเวียดนาม ก็ยิ่งตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของการเป็น “เสือกระดาษ” ของ “มหาอำนาจหมายเลขหนึ่ง” ของสหรัฐได้อย่างจะแจ้ง
อีกแง่มุมหนึ่งของทรัมป์ที่ทำให้ผู้คนนึกถึงเหมาคือภาพในอดีตเมื่ออดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน สร้างประวัติศาสตร์โลกด้วยการบินมาจับมือกับประธานเหมาเพื่อเปิดสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 1971
บางคนมองว่าทรัมป์อาจจะมีแผนล้ำลึกที่จะพยายาม “เสี้ยม” ให้รัสเซียฉีกออกจากความเป็นพันธมิตรกับจีน
ที่เรียกขานในหมู่นักวิเคราะห์ตะวันตกบางสำนักว่าเป็นยุทธศาสตร์ “คิสซิงเจอร์แบบย้อนกลับ” (Reverse Kissinger Strategy)
เฮนรี คิสซิงเจอร์ คือมือการทูตระดับเซียนที่นิกสันส่งมาเจาะหาโอกาสที่จะสร้างสัมพันธ์กับจีนในภาวะที่เริ่มมีสัญญาณว่าสหภาพโซเวียตกับจีนเริ่มมีเรื่องระหองระแหงกัน
เพราะข่าวกรองตะวันตกได้กลิ่นว่าเหมา เจ๋อตุง กับนิกิตา ครุสชอฟ แห่งสหภาพโซเวียตได้ตัดสินใจแยกทางกันเดิน…และการตีความอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ไปกันคนละทิศคนละทาง
นักวิเคราะห์ “สำนักฝันเฟื่อง” บางแห่งพยายามจะตีความว่าทรัมป์อาจจะพยายามจะตีสนิทกับวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเพื่อให้คิด “นอกใจ” สี จิ้นผิง
แต่พอเกาะติดความเคลื่อนไหวของทรัมป์, ปูติน และสี จิ้นผิง อย่างต่อเนื่องก็จะพอจับความได้ว่าทฤษฎีเช่นว่านี้เป็นเรื่อง “ฝันกลางวัน” มากกว่า
เพราะเหตุการณ์ในยุคนั้นกับความเคลื่อนไหววันนี้ระหว่างวอชิงตัน, มอสโกและปักกิ่งนั้นแตกต่างกับวันวานในหลายบริบทอย่างมีนัยสำคัญ
อีกแง่มุมหนึ่งที่โยงเหมากับทรัมป์คือยุทธศาสตร์ทำสงครามของเหมากับ “ศาสตร์แห่งการทำดีล” (Art of the Deal) ของทรัมป์
ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่สื่อทางการของจีน Beijing Daily จะชักชวนให้ผู้คนกลับไปอ่านหนังสือ On Protracted War (“ว่าด้วย (ยุทธศาสตร์แห่งการทำ) สงครามยืดเยื้อ”) อันเป็นบทวิเคราะห์ที่เขียนโดยเหมาในปี 1938 ขณะจีนกำลังเผชิญการรุกรานจากญี่ปุ่นอย่างหนักหน่วงรุนแรง
เหมานำเสนอวิธีการที่ชาติที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และทรัพยากรสามารถเอาชนะประเทศที่ใหญ่กว่าได้
วิธี “พลิกสถานการณ์” ของฝ่ายเสียเปรียบให้กลับมาได้เปรียบชาติที่ใหญ่กว่าจะต้องใช้ทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และเศรษฐกิจ
เนื้อหาของ “คัมภีร์สงคราม” เล่มนี้ เหมาอาจจะเอาหลักคิดจากหลักพิชัยสงครามหรือ “Art of War” ของซุนวูไม่น้อยเลย
ทำให้ทวนความจำของผมในการอ่านตำราของเหมาที่วางแผนการสู้รบแบบ “กองโจร” ในการเอาชนะกองกำลังที่เหนือกว่าของเจียง ไคเช็ก อย่างเด็ดขาด เช่น
“อย่าหวังชัยชนะแบบรวดเร็ว มันคือเพียงภาพลวงตา ใครอดทนได้มากกว่าคือผู้ชนะในที่สุด”
ในแนวทางของเหมา สงครามมี 3 จังหวะ
เริ่มด้วยการตั้งรับ…แต่ต้องมีกลยุทธ์ ต้องรับมือแบบมีแผนและถ้าจะถอยก็ต้องมีเป้าหมายว่าจะไม่ถอยแล้วแพ้
ต่อมาคือจังหวะรอโอกาส ไม่รุกไม่ถอย แต่ปักหลักเพื่อสะสมกำลัง สร้างเครือข่ายและใช้กลยุทธ์รบแบบกองโจร ไม่ปะทะแต่ก็ไม่ถอยร่น
จังหวะสามคือตัวตัดสิน นั่นคือกลยุทธ์เชิงรุก
นั่นหมายถึงความสามารถในการประเมินสถานการณ์อย่างแม่นยำ
เมื่อเห็นชัดว่าฝ่ายตรงกันข้ามเริ่มอ่อนแรงหรือพลาดท่า ก็ต้องรุกกลับเพื่อหวังผลชนะ
วันนี้ สี จิ้นผิง น่าจะกำลังใช้ยุทธศาสตร์ 3 จังหวะนี้ของเหมา
นั่นคือปล่อยให้ทรัมป์อาละวาดฟาดฟันไป
จีนใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว
แม้จะประเมินแล้วว่าต้องเจ็บ แต่ก็ต้องยอม เพราะหากสามารถยืนระยะไปได้สักพัก เศรษฐกิจสหรัฐก็ย่อมจะแสดงอาการสั่นคลอนเพราะนโยบายนอกลู่นอกทางของทรัมป์เอง
ถึงตอนนั้นจึงจะเริ่มขยับ จาก 2 จังหวะแรก สู่จังหวะที่ 3
ผ่านมาไม่กี่สัปดาห์ จีนบอกว่าอเมริกาก็ติดต่อมา บอกว่าเห็นทีมจีนระดับรองนายกฯ จะไปสวิตเซอร์แลนด์
คณะของสหรัฐที่นำโดยรัฐมนตรีคลังก็ไปอยู่แถวนั้นพอดี
นัดคุยกันหน่อยไหม?
เข้าล็อกจีนที่ปักหลักจังหวะ 1 และ 2 มาระยะหนึ่ง ได้เวลาเข้าสู่จังหวะ 3
แต่หากสี จิ้นผิง ปรับบทเรียนของเหมามาใช้กับสงครามการค้าวันนี้ ก็อาจจะมีการผสมผสานระหว่างจังหวะ 1 กับ 2 และ 3 ไปพร้อมกัน
เพราะเจอศัตรูอารมณ์ขึ้นลงได้วันละหลายครั้งอย่างทรัมป์ ตำรา “สงครามยืดเยื้อ” ของเหมาก็อาจจะเอาไม่อยู่
ต้องเป็นสูตร “พิชัยสงครามฉบับปรับปรุงใหม่…โดยสี จิ้นผิง” เป็นแน่แท้!
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022