
วิชั่นกร้าว ‘ทักษิณ’ แก้ยาเสพติด จัดการว้าแดงแหล่งผลิตใหญ่ ‘บิ๊กต่าย’ ขานรับทันควัน เปิดพื้นที่สีแดง ‘ตร.-มท.’ ลุย!

บทความโล่เงิน
วิชั่นกร้าว ‘ทักษิณ’ แก้ยาเสพติด
จัดการว้าแดงแหล่งผลิตใหญ่
‘บิ๊กต่าย’ ขานรับทันควัน
เปิดพื้นที่สีแดง ‘ตร.-มท.’ ลุย!
ไม่เคยทำให้ผิดหวัง การแสดงวิสัยทัศน์โอกาสต่างๆ ในการแก้ปัญหาประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และที่ปรึกษาประธานอาเซียน
ล่าสุด เป็นองค์ปาฐกถาพิเศษ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ที่สำนักงานคณะกรรมการปองกันและปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม
มี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นแม่งานใหญ่
บิ๊กสีกากีที่เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ. ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สําราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท. สันติ ชัยนิรามัย. ผบช.ปส.
พ.ต.อ.ทวี ปูพื้นสถานการณ์ยาเสพติดว่า พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ถือเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดรายใหญ่ของโลก
เป็นจุดเริ่มต้นเครือข่ายอาชญากรรมเชื่อมโยงฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และก่ออาชญากรรมข้ามชาติ
ประเทศไทยแม้จะไม่ได้เป็นประเทศต้นทางผลิตยาเสพติด แต่เป็นประเทศเป้าหมายถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ “ยาบ้า” ถูกลักลอบนำเข้าและกระจายสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ สะท้อนถึงความต้องการภายในที่ยังอยู่ในระดับวิกฤต
สถิติผลการจับกุมที่สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ รายงานว่า จับยาบ้าและไอซ์ในภูมิภาคมีระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2566 ยึดได้ 190 ตัน
การจับกุมตามแผนปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัย 6 ประเทศ ใน 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 จับกุมยาบ้า 503 ล้านเม็ด
การจับกุมยาบ้าในชายแดนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ได้ 212.6 ล้านเม็ด
จากสถานการณ์ดังกล่าว มีการจับกุมผู้กระทำความผิด ทำให้ไทยมีผู้ต้องขังในเรือนจำ และผู้กระทำผิดที่ถูกคุมประพฤติเป็นคดียาเสพติดมากกว่า 70% ของผู้กระทำความผิด เป็นสัดส่วนสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก
จึงได้พิสูจน์ว่าปัญหานี้เรื้อรัง ลึก และจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขด้วยแนวทางเชิงรุกและการบูรณาการอย่างเป็นระบบในระดับภูมิภาค
ขณะที่มีข้อมูล ป.ป.ส.เปิดเผยว่า การเปิดด่านเศรษฐกิจเมียนมา-จีน ส่งผลต่อสถานการณ์สารเคมีในแหล่งผลิต โดยทิศทางเคลื่อนตัวของยาบ้าเข้าทางชายแดนไทย-ลาวมากยิ่งขึ้น แต่ทิศทางเคลื่อนตัวของไอซ์ยังคงนำเข้าชายแดนไทย-เมียนมา และต่อเนื่องด้วยการค้าออนไลน์ และการส่งยาเสพติดทางระบบขนส่ง ทำให้ผู้เสพตามชุมชนเข้าถึงยาเสพติดได้ง่าย
จากนั้นนายทักษิณโชว์วิสัยทัศน์แบบแบบเต็มที่ไม่มีรำมวย เป็นประเด็นทุกประโยค
“อึดอัดอยากพูดเรื่องนี้มานาน ชาวบ้านบอกเศรษฐกิจวันนี้รอได้ แต่ยาเสพติดรอไม่ไหวแล้ว เดือดร้อนไปหมด นอนผวา ดูทีวีเห็นเด็กที่ไล่ฆ่าปู่ย่าตายายพ่อแม่
สมัยก่อนพ่อค้ารายใหญ่อยู่ในประเทศไทย การผลิตอยู่ต่างประเทศครึ่งหนึ่ง ไทยครึ่งหนึ่ง แต่วันนี้การผลิตแทบจะ 100% อยู่ที่ว้าแดง
รู้จุดแล้วแปลว่าเฉยไม่ได้ พ่อค้ารายใหญ่หลบหนีไปอยู่ข้างบ้านหมด แต่ก็ยังมีเครือข่ายในประเทศไทย เจ้าหน้าที่แกล้งไม่รู้เรื่องหรือไม่อยากรู้เรื่อง
เขตติดต่อสามเหลี่ยมทองคำ รัฐฉาน…ดังนั้น ถึงเวลาที่จะต้องขอความร่วมมืออย่างจริงจังกับประเทศเพื่อนบ้าน
แหล่งผลิตถ้าเมียนมาบอกว่าจัดการไม่ได้ เพราะเป็นชนกลุ่มน้อย เราคงต้องขอจัดการเอง เพราะเป็นศัตรูของเรา ต้องขออนุญาต วิธีจัดการของเราก็มีวิธี ที่สากลรับได้ และต้องจัดการเรื่องแหล่งผลิต
คิดว่าอีกไม่กี่เดือน 1-2 เดือนนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะต้องไปพบปะกับเพื่อนบ้านทั้งหมด เพื่อผนึกกำลังกันให้ว้าแดงเลิกผลิตยาเสพติด
ถ้าคุณยังผลิต คุณคือศัตรูของประเทศไทย เราไม่ควรมีความปรานีกับศัตรู นี่เป็นสิ่งที่คิดว่ารัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนต้องเกิดขึ้น
การลำเลียงยาเสพติดผ่านชายแดนไทยมาจากทางลาวผ่านแม่น้ำโขง การจับเป็นปลายทาง แต่เราต้องดักจับทุกรูปแบบ ที่สำคัญ มันต้องจบที่หมู่บ้าน และชุมชน ต้องสีขาวให้ได้
ดังนั้น ความร่วมมือของส่วนราชการสำคัญมาก สมัยก่อนให้เอ็กซเรย์ทุกตารางนิ้วประเทศไทย
สำคัญที่สุด ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะต้องเป็นปาท่องโก๋ ต่างคนต่างทำไม่ได้ ผู้การฯ กับผู้ว่าฯ นายอำเภอกับผู้กำกับ ปลัดอำเภอกับสารวัตร ทำให้สามารถซอยย่อยลงไป เอ็กซเรย์จัดการได้หมด อย่าให้พ่อค้ายาที่ทุกคนรู้หมดในชุมชนเหล่านั้นอยู่ในหมู่บ้าน ต้องจับกุมไปอยู่ในเรือนจำ…”
ต่อมา “บิ๊กต่าย” ขานรับว่า ตำรวจและมหาดไทยต้องจับคู่กันให้เหนียวแน่น เน้นการดูแลไปที่ชุมชน สมัยที่รักษาการ ผบ.ตร. ได้กำหนดแนวคิดให้พื้นที่และ บช.ปส.ต้องเอ็กซเรย์และสแกนในตำบล หมู่บ้าน ต้องไม่มีผู้ค้ายาเสพติดแม้แต่รายเดียว และนำไปสู่การจัดทำข้อมูลระดมเป้าหมายกวาดล้างตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ถึงปัจจุบัน ทำให้จับกุมผู้กระทำผิดได้หลายราย และสิ่งที่ตำรวจได้ทำตรงกับที่นายทักษิณปาฐกถาแล้ว
ส่วนนโยบายปราบปรามยาเสพติด ผบ.ตร.ระบุว่า ช่องทางการนำเข้ามา ตรงกับนโยบายนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร คือ Seal-Stop-Safe เป็นหัวข้อที่ครอบคลุมทั้งหมดในการแก้ปัญหา ทั้งนำเข้า ลำเลียง พักยา กระจายจำหน่ายยา และดูแลผู้เสพ โดยจะดูตั้งแต่ช่องทางนำเข้า ทั้งบก น้ำ อากาศ พัสดุ มีการตรวจสอบกรณีที่หลุดลอดเข้ามา รวมถึงติดตามสถานที่พักยา
มีการเฝ้าระวังและสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพื่อป้องกันหลุดกระจายออกไปสู่ชุมชน ดังนั้น ถ้าตัดเส้นทางยาเสพติดไม่ให้ไปถึงคนซื้อและคนขายรายย่อยในชุมชน ก็จะเกิดอัมพาตขึ้น
“ขณะที่ผู้เสพจะเร่งบำบัดให้กลับคืนสู่สังคมได้ต่อไป โดยนายกฯ กำหนดความเร่งด่วนการปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ร่วมกันแก้ปัญหา” ผบ.ตร.ระบุ
มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งว่า พื้นที่ปักหมุดแดงมีการลับลอบนำยาเสพติดเข้ามา มีดังนี้
ภาคเหนือ จ.เชียงราย มี อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน, จ.เชียงใหม่ มี อ.เชียงดาว อ.แม่อาย, จ.ตาก อ.แม่สอด
ภาคอีสาน อ.ปากชม จ.เลย, จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย, อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ, อ.ท่าอุเทน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม, อ.เมือง จ.มุกดาหาร, อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ, อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี และในพื้นที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
การลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนภาคเหนือยังใช้ทางหลวงหมายเลข 1 และทางหลวงหมายเลข 11 เพื่อเข้าสู่แหล่งพักคอยใน จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี และ จ.สมุทรสาคร ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ จ.เลย ยังคงใช้ทางหลวงหมายเลข 21 เข้าสู่พื้นที่ชั้นใน
ขณะที่ จ.หนองคาย จ.บึงกาฬ จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร จะใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ผ่านพื้นที่ จ.ขอนแก่น จ.นครราชสีมา เข้าสู่พื้นที่ จ.สระบุรี มักจะถูกใช้ในการส่งมอบยาเสพติด เข้าสู่พื้นที่ชั้นในหรือส่งออกไปยังภาคใต้
ทั้งหมดนี้ตำรวจและฝ่ายปกครองต้องจับมือร่วมกันทำงานอย่างแข็งขัน ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง ไม่เช่นนั้นแพ้สงครามยาเสพติดแน่
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022