เมื่อเวลา 22.10 น. วันที่ 30 กันยายน ร.ต.อ.พงศ์พิเชษฐ์ ธนพศุตม์กุล พนักงานสอบสวน สภ.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งจากนายวานิช สุขสง่า อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 237 หมู่ 6 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ว่า มีคนร้ายขับรถกระบะบุกเข้ามาในบ้าน แล้วใช้ปืนเอ็ม 16 ยิงถล่มบ้าน มีเพื่อนบ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ
หลังได้รับแจ้ง จึงนำกำลังเข้าไปยังบ้านที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกู้ภัยสว่างเที่ยงธรรมอรัญประเทศ พบชาวบ้านกำลังหลบซ่อนอยู่ในบ้าน เนื่องจากอยู่ในอาการหวาดกลัว และบ้านใกล้เคียง พบ น.ส.เพ็ญนภา พารีสุข อายุ 27 ปี ถูกลูกกระสุนปืนเอ็ม 16 เข้าที่เอว 1 นัด และที่ขาอีก 2 นัด กู้ภัยรีบนำส่งโรงพยาบาลอรัญประเทศเพื่อรักษาตัวต่อไป
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ที่ฝาบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นปูนมีรอยกระสุนยิงเข้าไปหลายนัด บางนัดทะลุเข้าไปในบ้านอีกด้วย
ด้านนางไพรินทร์ กลั้วกระโทก อายุ 29 ปี ภรรยาของนายวานิช ซึ่งอยู่ในอาการหวาดผวา เล่าว่า ขณะนั่งอยู่ในบ้าน จู่ๆ ก็มีรถกระบะวิ่งเข้ามาจอด ที่หน้าบ้านจากนั้นใช้ปืนยิงใส่ฝาบ้านเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ตนได้วิ่งไปอุ้มลูกชาย 2 คน วัย 8 ขวบ กับ 10 ขวบ วิ่งหลบลูกกระสุน เมื่อเสียงปืนสงบ และได้ยินเสียงรถยนต์ขับออกไป จึงออกมาดูและพบว่าเพื่อนบ้านถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ
ส่วนนายวานิช สุขสง่า เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นได้มีนายสิทธิชัย หรือตุ้ม เนรัญชร พร้อมด้วยนายลอง และแฟนของนายตุ้มมาที่บ้าน หลังจากได้นั่งคุยกันถึงเรื่องเก่า ที่นายธีรยุทธ ลูกชายของตนไปมีเรื่องชกต่อยกับนายพงษ์ศิริ หรือนายบุญส่ง แต่พูดกันได้ไม่กี่คำ นายตุ้มก็ใช้เหล็กขูดชาร์ปแทงตนเอง แต่นายธีรยุทธได้เข้ามากันไว้ จึงถูกเหล็กขูดชาร์ปแทงเข้าที่บริเวณชายโครง หลังจากนั้นนายตุ้มยังใช้ปืนจ่อหัวที่ตนอีก จากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่ สภ.อรัญประเทศ
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ไกล่เกลี่ยให้เลิกแล้วต่อกัน แต่เมื่อถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ ก็มีรถกระบะวิ่งมาจอดหน้าบ้าน และชักปืนออกมายิงถล่มบ้านอีก ซึ่งในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเก็บปลอกกระสุนปืน เป็นชนิดกระสุนปืนเอ็ม 16 ได้จำนวน 2 ปลอก และได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามผู้ก่อเหตุและรถกระบะที่ก่อเหตุแล้ว
ทางด้านนายบุญเลิศ จันทร์รินทร์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 190 หมู่ 1 ต.ฟากห้วย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว บอกว่า ตนกับ น.ส.เพ็ญนภา ภรรยา มีอาชีพทำขนมโตเกียวขายที่หน้าโรงเรียนสำเร็จ และนายวานิช กับ น.ส.ไพรินทร์ ก็ประกอบอาชีพขายน้ำปั่นอยู่ในที่เดียวกัน ไม่คิดว่าจะมีเรื่องรุนแรงจนเป็นเหตุให้ภรรยาของตนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บด้วย จริงๆ แล้วไม่น่าทำรุนแรงขนาดนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องด้วยต้องได้รับเคราะห์ไปด้วย และชาวบ้านพูดกันว่า กลุ่มวัยรุ่นหัวร้อนกลุ่มนี้จะอ้างว่าเป็นเด็กคนมีสี ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทำให้ได้ใจก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
