นับตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน เป็นต้นมา เป็นเวลา 1 เดือน บรรดา “ตัวเป้งๆ” ของพรรคพลังประชารัฐกำลังตกเป็นเหยื่อของ “คำพูด”
เรื่องเศร้าก็ตรงที่เป็น “คำพูด” ของตัวเอง
เริ่มจากประโยคที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียง
ตามมาด้วยประโยค “พรรคพลังประชารัฐจะกวาด 350 ส.ส.”
เมื่อเป็นประโยคซึ่งหลุดออกมาจาก นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่แม้จะพูดในฐานะเลขาธิการพรรค แต่ก็เป็นเลขาธิการพรรคอันดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคอยู่ด้วย
จึงสร้างความตื่นตะลึงเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
หลังจากนั้นก็มีประโยคที่ว่า “ชาวบ้านจะอดตายอยู่แล้ว” จึงต้องมีการแจกเงิน 500 บาท ผ่านบัตรคนจนจากปากของ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์
ไม่นานคำประกาศ “จองเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว 2 ลำ” ก็ดังมาจากบัวใหญ่ โคราช
ความน่าสนใจมิได้อยู่ที่ว่าทำให้หลายคนหวนนึกถึงยอดคำเท่ซึ่งออกมาจากปาก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ว่า
ก่อนพูดเราเป็น “นาย” หลังจากพูด “มัน” เป็นนาย
มันในที่นี้สามารถปรับใช้กับ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN เพื่อพวกเรา” และ “พรรคพลังประชารัฐจะกวาด 350 ส.ส.” และ “ชาวบ้านจะอดตายอยู่แล้ว”
ตลอดจนการพาดพิงถึง “จองเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว 2 ลำ”
ถามว่าคำพูดในแต่ละประโยคได้กลายเป็น “นาย” คอยบังคับบัญชาทิศทางของบรรดา “ตัวเป้ง” แห่งพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
ไม่ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ไม่ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไม่ว่า นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ไม่ว่า นายภิรมย์ พลวิเศษ อันเป็นการพูด ณ หน้าศาลาประชาคม อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา
ต่อหน้า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
ถามว่าทุกคำพูดอันหลุดมาจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ หรือ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ แม้กระทั่ง นายภิรมย์ พลวิเศษ
ชาวบ้าน “เชื่อถือ” มากน้อยเพียงใด
ตอบได้เลยว่า “เชื่อ” เพราะ 1 เป็นการพูดออกมาจากปากของคนสำคัญภายในพรรคพลังประชารัฐ และเพราะ 1 สถานะการดำรงอยู่ของพรรคพลังประชารัฐ
ขนาดเอาชื่อ “โครงการ” ของรัฐบาลมาตั้งเป็นชื่อได้ ก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ยังดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ทั้ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เป็นประธานหาเสียงของพรรค
กระนั้น ภายในความเชื่อนั้นบางเรื่องก็เชื่อว่าเพราะว่าเป็นเรื่องของคนในที่แนบแน่นอยู่กับ คสช. อยู่กับรัฐบาลอย่างเช่นเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องการแจกเงินชาวบ้าน
แต่เชื่อแล้วจะ “เลือก” หรือไม่ ยังน่าสงสัย
ปมเงื่อนอันเป็นความละเอียดอ่อนอย่างยิ่งก็คือ ภายในความเชื่อต่อพรรคพลังประชารัฐมีความเชื่อถือดำรงอยู่มากน้อยเพียงใด
ความเชื่อถือ กับ ความเชื่อ เป็นคนละส่วนกัน
ความเชื่ออาจสะท้อนออกจาก “ปรากฏการณ์” แต่ที่สามารถพัฒนาไปสู่ความเชื่อถือได้ขึ้นอยู่กับความศรัทธาเป็นอย่างสูง
ความศรัทธาต่างหากที่ยังเป็น “ปัญหา” ในทางการเมือง
