ความปกติเดิม
ในมาตรการควบคุมโควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ย้ำเน้นหลายวาระ ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลด้านสุขภาพเป็นอันดับแรก เรื่องเศรษฐกิจเป็นอันดับรอง
จากสถานการณ์แพร่ระบาดในปัจจุบัน แม้ผู้ป่วยใหม่จะยังไม่ลงมาระดับศูนย์ แต่ตัวเลขหลักหน่วยต่อเนื่องมาหลายวัน ก็น่าจะถึงเวลาเตรียมแผนงานด้านเศรษฐกิจที่จะกลายเป็นโจทย์ใหญ่ในระยะไม่กี่เดือนข้างหน้า
มีความแน่นอนว่า วิกฤตโควิด-19 ที่คุกคามไปทั่่วโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าย่อมสะบักสะบอมตามไปด้วย การหวังพึ่งพาเครื่องยนต์สำคัญอย่างภาคส่งออกคงเป็นไปได้ยาก อันที่จริงก่อนการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสสถานการณ์ส่งออกไทยก็ใช่จะดีนัก
หรือภาคท่องเที่ยว อีกหนึ่งเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ในบรรยากาศความวิตกกังวลที่โลกยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตัวนี้ เรื่องเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายผู้คนจำเป็นต้องมีอยู่ต่อไป การลื่นไหลของบรรดานักท่องเที่ยวจึงยังหวังไม่ได้เต็มเปอร์เซ็นต์เช่นกัน
การพึ่งพาตัวเองสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ น่าจะเป็นตัวเลือกในสถานการณ์ขณะนี้ และยิ่งดีขึ้นไปอีกหากสามารถดำเนินไปได้ถาวร
เป็นทิศทางเดียวกับรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่กำหนดแนวทางในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน ต้องเตรียมพร้อมมาตรการที่จะก่อให้เกิดกำลังทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น โดยใช้วงเงิน 4 แสนล้านบาท จากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ของกระทรวงการคลัง
รองนายกฯสมคิดฉายให้เห็นภาพว่า ในอดีตเมื่อพูดถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะมองภาคการส่งออก การลงทุนจากต่างประเทศ และภาคการท่องเที่ยว แต่ขณะนี้หากมองจนถึงปี 2564 จะรู้ว่าภาคการส่งออกเริ่มทำไม่ได้ง่ายแล้ว สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป รวมถึงภาพรวมทั้งโลกดูไม่ได้ดีนัก
เม็ดเงินที่เตรียมไว้ 4 แสนล้านบาทนี้ จะถูกใช้สร้างกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศ ลงไปยังระดับท้องถิ่น ชุมชน โดยการใช้แนวเศรษฐกิจพอเพียง ที่จะมีหลายกิจกรรม อาทิ การเกษตร ทั้งเกษตรดั้งเดิม เกษตรสมัยใหม่ เกษตรอินทรีย์ พัฒนาแหล่งน้ำ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในชนบท เอื้อให้เกิดเศรษฐกิจการเกษตรและท้องถิ่นเดินไปได้ ตอบสนองกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศเดินไปได้พร้อมกัน
หัวใจสำคัญจะผลักดันแผนงานที่ว่าบรรลุผลสำเร็จ จำเป็นต้องเปิดใจรับฟัง เข้าอกเข้าใจประชาชน รวมถึงความต้องการในแต่ละพื้นที่ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมเดินไปด้วยกัน
แต่ดูเหมือนยังมีเส้นบางๆ ขวางอยู่ สะท้อนความหวาดระแวงของคนในภาครัฐ
ระหว่างการชี้แจงสิทธิการรับเงินเยียวยา 5 พันบาทเป็นเวลา 3 เดือน ที่มีผู้คนเดินทางมาเรียกร้องสิทธิที่กระทรวงการคลังเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน “ประสงค์ พูนธเนศ” ปลัดกระทรวง คิดออกมาดังๆ ว่า
“หลายคนมาร้องสิทธิเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจริง แต่บางคนรับจ้างมา หรือบางคนมาเพื่อต้องการรับบริจาคเงิน ซึ่งพอมีตัวอย่างให้เห็นจากบางรายที่มาเรียกร้องได้รับบริจาคเงินไปหลายล้านบาท บางคนผมจำหน้าได้ว่าเป็นคนจากอีกพรรคการเมือง บางคนเคยเป็นการ์ดของเสื้อสีมาก่อน การมาดราม่าหน้ากระทรวงการคลัง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เมื่อมีคนแรก ก็มีคนอื่นทำตามบ้าง อยากขอร้องผู้สื่อข่าวไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนเหล่านี้”
เชื่อกันว่า การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีชนิดพลิกโฉม และหลังยุควิกฤตโควิด-19 จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “นิว นอร์มอล”
แต่ในบางภาคส่วนก็ยังมีมุมมองบนความปกติเดิมๆ
สัญญา รัตนสร้อย
