กระติ๊บ ชวัลกร เปิดใจรัก 8 ปี กับ ปั่น หนุ่มนอกวงการ น้ำตาตกพี่สาวแฟนไม่ปลื้ม
เก็บความรักอยู่ในความลับมานานแต่ในที่สุดนักแสดงคนสวย กระติ๊บ ชวัลกร ก็ได้พาแฟนหนุ่มนอกวงการ ปั่น พจศกร ที่คบหาดูใจกันมานานถึง 8 ปี มาบอกเล่าเรื่องราวความรักในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ที่มีทั้งสุข และน้ำตา
กระติ๊บ : เขามาแปลกมาก คือวิธีการเขาเข้าจีบของเขา เขามาบอกกับเราว่าถ้าเราจูบเขาแล้วทำให้ลืมแฟนเก่าได้ ฉันจะจีบเธอ แล้วเขาก็เปิดกระเป๋าตังค์แล้วเขาก็ให้เราดูว่าจีบคนนี้อยู่นะ ถ้าเธอจูบเราแล้วทำให้เราลืมคนนี้ได้ เราจะจีบเธอ แล้วคือเรา แล้วเราเป็นคนชอบเอาชนะ เราก็เลยจูบเขาเลย
ปั่น : คือ ทุกวันนี้เราก็รู้สึกเสียใจนะครับ ว่าทำไมไม่ค่อยจีบเขา ไม่ค่อยๆคุยกันไป ที่บอกว่าเสียใจเพราะทุกครั้งที่เขาบ่น เนี่ย!! เป็นเพราะเธอไม่จีบฉันดีๆ เขาเหมือนชอบขุดเรื่องพวกนี้ออกมา
กระติ๊บ : ใช่ค่ะ มันเหมือนเป็นปม ทำไมเราไม่เหมือนคู่อื่น จีบ กันดีๆไม่ได้เหรอ
ปั่น : ที่ขอเขาให้จูบเราตอนนั้น เราคิดว่าเรารู้จักเขาดีแล้ว เยอะแล้ว พอกลับมาเจอกันอีกครั้ง เลยรู้สึกว่าไม่ต้องเสียเวลาอะไรเยอะแล้ว
พอจูบเสร็จแล้วยังไงต่อ
กระติ๊บ : พอจูบเขาแล้วถามว่าแล้วยังไง ลืมคนนั้นได้หรือเปล่า
ปั่น : พอหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกับผู้หญิงคนนั้นเลย
กระติ๊บ : ก็เพราะเลือกเรา
ปั่น : ใช่
เหมือนเพิ่งมาคุยกันวันนี้เลย วันนั้นหลังจากจูบเรียบร้อย คือไม่ได้ประมวลผลกันว่าสรุปยังไง
กระติ๊บ : ใช่ค่ะ บอกเลยว่าหนูแพ้ทางผู้ชายแบบนี้ กล้ามาก็กล้ากลับ ผู้ชายซื้อดอกไม้ให้อะไรแบบนั้นไม่ชอบ ชอบอะไรแบบนี้บ้าๆบอๆ
ปั่นสเปกกระติ๊บไหม
กระติ๊บ : ช่วงที่ปั่นไปนิวยอร์ค เราก็ไม่ได้มีใคร แล้วเราเคยคุยกับเพื่อนสนิท เราก็คุยกับเพื่อนเล่นๆว่าถ้าเราอยากมีแฟนอีกครั้ง อยากให้แฟนเป็นแบบไหน และอยากได้แบบไหน เราก็ลองลิสต์กับเพื่อน เราอยากได้แฟนสูง 180 เป็นนักกีฬา เล่นดนตรีได้ พูดได้ 3 ภาษา แต่ตอนที่เราคิดไว้ตอนนั้นเรายังไม่ได้คิดถึงเขานะคะ แต่พอได้มาเจอกันอีกครั้งแล้วเราย้อนคิดถึงกระดาษที่เราลิสต์เป็นเขาเลย
แต่กระติ๊บเคยพิสูจน์ปั่นด้วยคำพูดหนึ่งจนครั้งหนึ่งเขาหายไป
กระติ๊บ : แต่เราก็เห็นในความเจ้าชู้ของเขา ก่อนที่เขาจะไปเรียนนิวยอร์ก เขาก็ชวนเราไปหาเราที่บ้าน บอกจะทำสปาเก็ตตี้ให้เรากิน เราเจอผู้ชายไม่ดีมาเยอะ เราก็เลยพูดกับเขาไปตรงๆถึงเวลา ตี๊ด แล้วเหรอ พอเราพูดคำนั้น เขาก็หายไปเลยจากชีวิตหนูเลย
ทำไมถึงไปถามเขาด้วยประโยคนั้น
กระติ๊บ : เพราะหนูไม่ชอบอะไรที่ ไม่ถูกต้อง เราเป็นคนที่ชอบถามอะไรตรงๆ เขากดสายทิ้งเลย
ปั่น : ตอนนั้นเราตกใจ จำอะไรไม่ได้ว่าทำอะไรต่อ
แล้วชวนเขาไปทำอะไรแบบที่กระติ๊บคิดหรือเปล่า
ปั่น : มันก็ต้องมีบ้าง คือ ตอนนั้นเรารู้จักกันมานานแล้ว คบๆกันแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นอะไรเลย แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟนเพราะตอนนั้น เขาก็มีคุยๆกับหลายๆคน
กระติ๊บ : ใช่ค่ะ
ปั่น : จากวันนั้นเราก็ทิ้งระยะห่างดีกว่าเราก็ไปเรียนที่อเมริกา
ตอนนั้นที่เราพูดคำนั้นออกไปเราเริ่มมองหาความมั่นคงหรือเปล่า
กระติ๊บ : ตอนนั้นเริ่มมองหาแล้วค่ะ ถึงพูดคำนั้นออกไป เพราะหนูรู้สึกว่าเราไม่มีเวลาทั้งสุขภาพจิต สุขภาพกายของเรา ต้องมาทุ่มเท กับอะไรไม่ใช่อีกแล้ว เหมือนแม่สอนมาว่าก่อนจะเอาอะไรเข้าตัวเองต้องดูให้ดีก่อน แม่สอนให้เรารู้ว่าเราต้องรักตัวเองมันคือ สิทธิ์ของเราที่เราจะเลือก
ปั่นบอกว่ากระติ๊บ คือคนที่พระเจ้าส่งมา
ปั่น : ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เราถูกเลี้ยงมาให้ครอบครัวที่เป็นคริสเตียน และก็เชื่อเสมอว่าชีวิตคู่ถ้าเราจะไปด้วยกันรอด เราควรที่จะมีความเชื่อเหมือนๆคล้ายๆกัน ไม่ว่าความเชื่อทางด้านศาสนา หรือ การใช้ชีวิตเราต้องมีความคล้ายกัน และเขาก็เป็นคนแรกที่เป็นคริสเตียนมาคุยกับเรา มาคบกับเรา เป็นคนแรกที่จะนิสัยคล้ายๆกัน
กระติ๊บ : ตั้งแต่บทพิสูจน์จนตอนนี้ เราก็คบกันมา 8 ปี ล่ะค่ะ
แต่ความรักของเราทั้งคู่ก็ไม่ได้โรยด้วยดอกกุหลาบ
กระติ๊บ : เอาตรงๆเลยนะคะ คือ ปัญหาของหนูกับ ปั่น สองคนมันไม่เท่าไหร่หรอก เพราะเรายังพอแก้กันได้ แต่ที่เราแก้ไม่ไหวคือ ปัญหาที่มาจากคนรอบตัว อันนี้หนูไม่เคยพูดรายการไหนเลย คือ พี่สาวปั่น เขาไม่ชอบหนู เจอหน้าหนูทีไรร้องไห้ทุกที คือ ติ๊บ อยากจะบอกว่าถ้าพี่ปั่นได้ดูรายการนี้ อยากจะบอกเขาว่าเราเป็นดาราก็จริง คนภายนอกอาจจะมองดาราเป็นคนที่ โดยเฉพาะผู้หญิง ต้องจับผู้ชายรวยต้องดูไม่จริงใจ แต่คือแบบ ติ๊บ คบปั่น มาได้ขนาดนี้ (เริ่มร้องไห้) ติ๊บ ดูแล ปั่น ได้ก็อยากแบบ ถ้าติ๊บทำอะไรไม่ดีไปขอโทษไว้ตรงนี้ด้วยจริงๆ
คนกลางมีโอกาสอยากพูดอะไรกับพี่สาวบ้าง
ปั่น : อยากให้เข้าใจละกันครับว่า คนนี้คือคนที่เราเลือกแล้ว ไม่ว่าคนจะคิดยังไง เขาจะมองเรายังไง เราก็ยังจะรักกันหลังจากนี้ก็ยังจะรักกันต่อไปเรื่อยๆ
อยากบอกอะไรกระติ๊บบ้างเป็นโอกาสพิเศษเลย
ปั่น : จริงๆเราก็บอกว่ารักกันทุกวันอยู่แล้ว อยากจะให้เราคงความน่ารัก คงความเข้าใจกันแบบนี้เรื่อยๆไป
กระติ๊บ : ขอบคุณปั่นที่เข้ามาในชีวิต ถ้าไม่มีปั่น ชีวิตติ๊บก็คงอาจจะยังไม่เป็นคนที่มีความสดใสขึ้นมาแบบนี้
