‘ราษฎร’ ลุยเดี่ยว สภ.ลำปาง แจ้งความ ‘หมอวรงค์’ คิดล้มล้าง ปชต. – ปะทะวาจาเดือด ก่อนจบสวย ‘ได้ก๋วยเตี๋ยวฟรี’
เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 23 ธันวาคม ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำปาง ตัวแทนราษฎร ผู้ใช้นามแฝงว่า “เพชร พระอุมา” เข้าแจ้งความดำเนินคดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี ว่า เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หวังกลับไปสู่ยุคการปกครองระบอบสมบูรณายาสิทธิราชย์ โดยนำหลักฐานจากข่าว ของสำนักข่าวต่างๆ มายื่นเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความ
ทั้งนี้ ตัวแทนราษฎร กล่าวกับเจ้าพนักงานว่า ขออนุญาตใช้สิทธิประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ และขออนุญาตไลฟ์สดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ว่าจะรับใช้ประชาชนหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ถามกลับว่า แล้วพี่จะไลฟ์สดเพื่ออะไร แล้ว นพ.วรงค์ ผิดอะไร จะแจ้งความข้อหาอะไร
จากนั้น ตัวแทนราษฎรอ่านหลักฐานจากข่าว ก่อนที่เข้าพนักงานจะพาไปคุยกับหัวหน้างานเพื่อพิจารณารับแจ้งความ
ทั้งนี้ ระหว่างการแจ้งความมีการปะทะวาจา ระหว่างราษฎร และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยราษฎรกล่าวว่า ทีฝ่ายนู้นไวยิ่งกว่า The Fast ด้านเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ฝ่ายนู้นเขามาแจ้งความ มีพฤติการณ์ชัดเจน เช่น มีการชุมนุม ซึ่งเห็นได้อยู่แล้ว
ราษฎรกล่าวขณะทำการไลฟ์สดว่า พี่น้องฟังนะครับ โลกรู้ ต่างชาติรู้ ทุกคนรู้ ราษฎรรู้ สลิ่มไม่รู้ กับขี้ข้าเผด็จการไม่รู้ จำไว้ อำนาจที่แท้จริงคือ ประชาชน ถ้าคุณเลือกข้างผิด ไม่อยู่ฝ่ายประชาชน เดี๋ยวเจอกัน ประชาชนชนะเมื่อไหร่ นั่งเหงา ขอบอก สองมาตรฐานเห็นได้ชัด เผลอๆ ไม่มีมาตรฐานเลย เดี๋ยวผมจะมาตามเรื่องด้วย ที่เราเรียกร้อง คือเรื่องรัฐธรรมนูญ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่า ทุกวันนี้ไม่มีรัฐธรรมนูญหรือ ราษฎรกล่าวต่อว่า พี่ทำหน้าที่ไป ผมคุยกับราษฎรของผม ความเป็นเผด็จการเห็นได้ชัด เปิดใจรับฟัง ประชาธิปไตยต้องรับฟัง
เจ้าหน้าที่ตำรวจถามต่อว่า แล้วทุกวันนี่ไม่มีประชาธิปไตยหรือ ไม่มีกฎหมายหรือ ราษฎรกล่าวว่า ผมไม่คุยแล้ว คนละตำรา คนละคัมภีร์ คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่แน่เดี๋ยวมาจัดม็อบที่ลำปาง ผมพูดอะไรมีหลักการ ไม่ได้พูดด้วยความสะใจ ประชาชนถูกกระทำที่ผ่านมา เอาแค่ 5-6 ปีพอ ไม่ต้องย้อนหลังไปถึง 88 ปี ปฏิวัติกี่ครั้งแล้ว เอารถถังออกมา
“คนเราต้องพูดอะไรด้วยหลักการ เหตุผล เปิดใจรับฟัง ถ้ามีเหตุผลฟังขึ้น อุ๊, เอ๋ ส่งมาแต่ตัวดีๆ ทั้งนั้น หลักการไปไม่เป็น ออกลูกมั่วตั้วเหล่ง ให้มันจบที่รุ่นเรานี่แหละ ให้ผมนอนตายตาหลับ ผมมีแรงบันดาลใจเพราะลืมตาดูโลก แก๊สน้ำตาเอย น้ำผสมสารเคมีเอย สลายชุมนุมทีไรโดนตลอด ไม่ทิ้งน้องๆ ไปไหน ทุกคนลงไปปฐมพยาบาล แต่ผมกัดฟันสู้” ราษฎรกล่าว
จากนั้น มีการโต้แย้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรื่องหลักฐานประกอบการแจ้งความ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ให้ถ่ายเอกสารหลักฐานเว็บไซต์ข่าวมาด้วย ถ้าจะแจ้งความ ราษฎรจึงขอยืมเครื่องถ่ายเอกสาร ด้านเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ไม่ได้ เพราะค่ากระดาษตำรวจออกเอง
จากนั้น ราษฎรฝากจึงถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า ผมรู้ว่าหัวใจพวกพี่ชู 3 นิ้ว แต่มันมีบางประเภท บางคนที่ไม่สำนึกบุญคุณประชาชน ภาษีที่เสียให้ เงินเดือน ค่าเทอมลูก ค่าเสื้อผ้า กางเกงในภรรยา ไม่สำนึก เราต้องแยกแยะ ตำรวจดีก็มี ยืนเคียงข้างประชาชน เขาทำตามหน้าที่ เราเข้าใจซึ่งกันและกัน
“เชื่อไหม ทุกครั้งที่ลงพื้นที่ชุมนุม พี่ๆ ตำรวจ ผมเอาน้ำไปแจกให้ทุกครั้ง ถึงผมจะหิ้วไม่ได้ ก็ให้น้องๆ เอาไปให้ อย่างวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่กลุ่มนักเรียนเลว เยาวชนปลดแอก กลุ่มแอลจีบีที ไปยืนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่มีน้ำ ไม่มีอะไร ประชาชนเอาน้ำให้ตำรวจกินเป็นขวด แล้วที่เห็นได้ชัด วันที่ 17 พฤศจิกายน แยกเกียกกาย เอารถน้ำฉีดไม่พอ แก๊สน้ำตาไม่พอ ยังขนคเสื้อเหลือง มายิง เอาก้อนหินปา ตกลงเป็นโลกคู่ขนานใช่ไหม ตามนั้น สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว ไม่แผ่วด้วย”
ทั้งนี้ ภายหลังแจ้งความแล้วเสร็จ ราษฎรเผย พร้อมรอยยิ้มและเสียงหัวเพราะ ว่า ร้อยเวรที่รับแจ้งความ บอกว่า ทำไมต้องมาแจ้งความที่ สภ.ลำปางด้วย ผมบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจมาลำปาง แต่นั่งรถเลย คุยไปคุยมา ยกมือไหว้ ขอโทษซึ่งกันและกัน เข้าใจกันและปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย
“เบ็ดเสร็จ เขาถามผม กินข้าวหรือยัง ให้ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นผมมากิน บอกว่า อร่อยมากในสามโลก อร่อยจัดในย่านนี้ โอเครู้เรื่อง ตอนไลฟ์สดอารมณ์คุกรุ่น เกิดการปะทะคารมระหว่างเจ้าหน้าที่ กับ ราษฎร ถ้าเพื่อนๆ ได้อยู่ในเหตุการณ์แบบผม มันเป็นอะไรที่แบบ แฮปปี้เอ็นดิ้ง ‘เราคือเพื่อนกันนะ’ ตอนแรก เถียงเหมือนจะไขว้กับราษฎร พอเสร็จให้ก๋วยเตี๋ยวมากิน น้ำตาจะไหล เลี้ยงกาแฟอีก หมอวรงค์ จงรู้ไว้ว่า ประชาชนอย่างผมไม่กลัว แม้จะมีมาตรา 112 ออกมาอีกเท่าไหร่ ก็ไม่กลัว ไม่แผ่ว” ราษฎรกล่าว
