| ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ |
| เผยแพร่ |
คงต้องบอกกันก่อนว่า ผมเขียนเรื่องนี้ในฐานะเป็นหนึ่งในคนจำนวนไม่น้อยที่จองคิว รอซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟน กาแล็กซี่โน้ต7 จากซัมซุง ทั้งหมดจึงเป็นความคิดและความรู้สึกจากการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด-ลุกไหม้ที่เกิดขึ้นกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้ “บางส่วน” โดยตรง และเป็นความเห็นของผมเพียงลำพัง ซึ่งแน่นอนไม่จำเป็นต้องตรงกับความคิดเห็นของผู้อื่น
ตอนที่ข่าวปรากฏออกมาครั้งแรกนั้น ผมเข้าใจว่าคนที่จองหรือจับจ้อง เตรียมตัวเตรียมใจจะซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อยู่คงรู้สึกสับสนในชีวิตขึ้นไม่น้อย แม้ว่าโดยประสบการณ์ส่วนตัวทำให้ผมรู้สึกเฉยๆ กับข่าวที่เกิดขึ้นก็ตามที เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าปรากฏการณ์ทำนองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ตรงกันข้าม มีรายงานข่าวทำนองนี้ออกมาเป็นระยะๆ แต่ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่รบกวนจิตใจและสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีก็คือ ยังไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏออกมาว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่? ถ้าจริง สาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร เป็นเหตุที่เกิดจากการ “ใช้งาน” หรือเป็นความบกพร่องในการผลิตกันแน่?
“ข้อเท็จจริง” ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องแสดงออกมาโดยเร็ว เพื่อคลายความสับสนและช่วยให้คนอย่างผมหรืออีกหลายๆ คน ตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับที่จองเอาไว้ดี
ผมคิดว่าต้องให้เครดิตกับ “ซัมซุง” ไม่น้อย
ในกรณีนี้ที่แสดงปฏิกิริยาออกมาโดยเร็วและสมเหตุสมผล เพราะในความเป็นจริงแล้วคำถามที่เกิดขึ้นกรณีเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบอยู่ไม่น้อยว่าเกิดขึ้นจากอะไร เป็นความบกพร่องในการผลิตหรือไม่ ซัมซุงตรวจสอบอย่างรวดเร็ว และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นความบกพร่องในการผลิตแบตเตอรี่ ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมาจากการยอมรับดังกล่าว
เมื่อใช้เวลาอีกระยะหนึ่งและสามารถบอกได้อย่างมั่นใจแล้ว ซัมซุงแถลงรายละเอียดตามมาให้ได้รู้กันว่าข้อบกพร่องดังกล่าว เกิดขึ้นกับแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้เพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์ของจำนวน 1 ล้านเครื่องที่จำหน่ายออกไป แต่พร้อมแสดงความรับผิดชอบด้วยการเปลี่ยนเครื่องล็อตใหม่ให้กับทุกเครื่อง ตามมาด้วยการแนะนำให้ผู้ที่มีโน้ต7 อยู่ในครอบครองให้ “ปิดเครื่อง” และส่งคืนเครื่องเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่ในทันทีเพื่อความปลอดภัย
จุดเดียวที่ไม่มีการแจกแจงให้กระจ่างคือ สาเหตุของการเกิดระเบิดหรือลุกเป็นไฟ
ซึ่งผมเชื่อของผมเองว่า นำไปสู่การ “โอเวอร์รีแอคท์” จากสายการบินต่างๆ ที่ประกาศห้ามผู้โดยสาร “โหลด” โน้ต7 ขึ้นเครื่อง ซึ่งเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เนื่องจากสายการบินจำเป็นต้องระมัดระวังกับความปลอดภัยของผู้โดยสารทั้งหมดบนเครื่อง และกรณีการลุกไหม้หรือระเบิดนั้นอาจนำไปสู่การสูญเสีย ซึ่งสายการบินจะยอมให้เกิดโอกาส “เสี่ยง” ขึ้นไม่ได้
ทั้งๆ ที่หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของการออกแบบให้ขั้วบวกและลบของแบตเตอรี่อยู่ใกล้กันเกินไป จนเกิดการลัดวงจรขึ้นภายใน กระแสเกิดไหลเข้าไปสู่ “อิเล็กโทรไลต์” ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเป็นลูกโซ่ที่ทำให้เกิดก๊าซกับความร้อนขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนเกิดการระเบิดหรือลุกไหม้ขึ้นมา ซึ่งจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการชาร์จประจุเข้าไป ดังจะเห็นได้จากข่าวการระเบิดแทบทุกกรณีที่ระบุว่า โน้ต7 เกิดลุกไหม้ขึ้นขณะกำลังชาร์จอยู่ทั้งนั้น
การห้ามที่สมควรแก่เหตุจึงน่าจะเป็นเรื่องการ ห้ามชาร์จ หรือห้ามใช้บนเครื่อง เท่านั้นเอง
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่มีการแจกแจงออกมา ปรากฏอยู่แต่เฉพาะในส่วนของการถาม-ตอบในพอร์ทัลเว็บของซัมซุงที่ประเทศอังกฤษเท่านั้นเอง ซึ่งน่าเสียดายครับ
ทีนี้ มีคำถามจากเพื่อนพ้องหลายๆ คนมากว่า ผมจะทำยังไงกับโน้ต7 ที่จองเอาไว้?
ผมยังยืนยันกับทุกคนที่ถามว่า ผมยังไม่ได้ยกเลิกการจองนะครับ และ ยังอยากใช้ โน้ต7 อยู่ดี เพราะชอบงานออกแบบและเทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่ประกอบกันขึ้นเป็นโน้ต7 และถึงแม้ทางซัมซุงจะยินยอมให้เปลี่ยนเครื่อง เอส7 หรือ เอส7 เอดจ์ ได้ ผมก็ยังยืนกรานจะรอโน้ต7 ของผมต่อไป แม้ว่าทางซัมซุงจะยังบอกไม่ได้ในตอนนี้ว่า จะได้เมื่อไหร่กันแน่
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เข้าใจได้ครับ เพราะการตรวจสอบเครื่องที่ผลิตออกมาทั้งหมดให้แน่ใจว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และเร็วทันใจเราแน่ แต่ต้องใช้เวลานานไม่น้อย
ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมควรกังวล ตรงกันข้ามกลับทำให้มั่นใจได้ว่า เครื่องโน้ต7 ล็อตใหม่ที่ติดสติ๊กเกอร์ รูปตัว เอส (S) ไว้ที่กล่อง ไม่ทำให้ผมตกอยู่ในสภาพเหมือนพกระเบิดหรือลูกไฟอยู่กับตัวตลอดเวลาแน่นอน
เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ถ้าเกิดอะไรกับโน้ต7 ที่มีสติ๊กเกอร์ตัวเอสขึ้นอีก ผลกระทบกับบริษัทซัมซุงจะยิ่งหนักหนาสาหัสกว่าวิกฤตตอนนี้อีกมาก
ผมเชื่อว่าซัมซุงไม่ยอมให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
